อืมม์ม์ม์...ก็ค่อยๆ เริ่มทยอยเปิดตัว เปิดผ้าม่านกั้ง กันไปตามลำดับ ไม่ว่าพรรคเก่า พรรคใหม่ พรรคแบงก์พัน แบงก์ร้อย พรรคแบงก์สิบ ยี่สิบ ไปจนถึงพรรคเศษเหรียญ เศษสตางค์ ส่งผลให้บรรยากาศการเมืองในช่วงระยะนี้ ออกไปทางคึกๆ คักๆ ถั่งเช่าและไวอะกร้า กันพอสมควร...
----------------------------------------------
และดูเหมือนว่าแต่ละพรรค...จะบวก-ลบ-คูณ-หาร ตั้งเป้า ตั้งความหวัง เอาไว้สำหรับจำนวนเก้าอี้ ส.ส.ของพรรคตัวเอง ไว้แล้วล่วงหน้าไปด้วยกันทั้งสิ้น มีทั้งหวังในแบบเบี้ยน้อย หอยน้อย คือระดับสิบ-ยี่สิบเก้าอี้ ไปจนถึงหวังในแบบกลางๆ คือระดับสามสิบ-ห้าสิบเก้าอี้ ส่วนที่หวังสูง หวังสุดสอย คือหวังกันเป็นระดับร้อยๆ ก็คงมีอยู่แค่ไม่กี่พรรค แต่ที่หวังกันชนิด ไอ้หวังตายแน่...ตายแน่ไอ้หวัง คือหวังกันในระดับ 300 ขึ้น เห็นจะมีแต่พรรค เพื่อนายใหญ่ เท่านั้น ด้วยเหตุเพราะถ้าไม่ได้กันในระดับ 300 ขึ้น หรือได้แค่ซักประมาณ 200 ลง โอกาสที่นายใหญ่มีแต่ต้องตายแน่ๆ ย่อมมีความเป็นไปได้สูงยิ่งขึ้นเท่านั้น...
---------------------------------------------------
แต่โดยสรุปรวมความแล้ว...ไม่ว่าจะได้สิบ ยี่สิบ สามสิบ ห้าสิบ หรือได้กันเป็นร้อยๆ ไม่ว่าจะพรรคแบงก์พัน แบงก์ร้อย หรือแบงก์อะไรก็แล้วแต่ สุดท้าย...ก็คงเหลือแค่ เช็ค 2 ใบ เท่านั้นเอง คือใบหนึ่ง เอาบิ๊กตู่ กับอีกใบหนึ่ง ไม่เอาบิ๊กตู่ แม้แต่พรรคแบงก์พัน ที่ออกอาการ เอาก็ไม่ใช่-ไม่เอาก็ไม่เชิง มาโดยตลอด สุดท้าย...ย่อมหนีไม่พ้นต้อง เซ็นสลักหลัง ให้กับเช็คใบใด ใบหนึ่ง ไปตามสภาพ เพราะโอกาสที่จะกวาดคะแนนเสียงกันในระดับเกินครึ่งของรัฐสภา โดยลำพังเพียงพรรคเดียวนั้น คงต้องรอให้น้ำท่วมหลังเป็ดเลยโน่นแหละ และในเมื่อ ข้อเท็จจริงทางการเมือง ย่อมไม่มีทางเป็นไปเช่นนั้น ไม่ว่าพรรคใดๆ ก็แล้วแต่ ย่อมหนีไม่พ้นต้องควักเครื่องคิดเลข ออกมาคิดคำนวณ คณิตศาสตร์ทางการเมือง กันอุตลุด...
------------------------------------------------------
เนื่องจากด้วยการออกแบบ ดีไซน์ กฎ ระเบียบ กติกา สำหรับการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง...ย่อมส่งผลให้แนวโน้มทางการเมืองภายในอนาคตเบื้องหน้า น่าจะเป็นไปในแบบ เบี้ยหัวแตก กันพอสมควร โดยเฉพาะเมื่อต้องเทียบบัญญัติไตรยางศ์ทางการเมืองในแบบ 70,000 เสียง ต่อ 1 เก้าอี้ ส.ส.สัดส่วน อะไรทำนองนั้น บรรดาพรรคเศษเหรียญ เศษสตางค์ ที่อาจคว้าเก้าอี้ได้แค่ 1 เก้าอี้ 2 เก้าอี้ หรือไม่ถึงระดับ 10 เก้าอี้ น่าจะมีโอกาสโผล่เข้ามาแย่งเก้าอี้ในสภาฯ 500 ได้เป็นจำนวนไม่น้อย เนื่องจากบรรดาพรรคแบงก์พัน แบงก์ร้อย ทั้งหลาย ต่างต้องถูกหารคะแนนเสียงกันไปตามสัดส่วน จนถึงกับต้องแตกหัว แตกไลน์ กลายเป็นเพื่อโน่น เพื่อนี่ เพื่อหาทางเพิ่มเติมจำนวนส.ส.สัดส่วนกันชนิดชุลมุน ชุลเก ไปแล้วในทุกวันนี้...
-----------------------------------------------------
การคิดคำนวณ คณิตศาสตร์ทางการเมือง มันจึงคงต้องถอดรูท ถอดสมการ กันอีกเยอะ...เพราะถึงแม้สุดท้าย หนีไม่พ้นต้องตัดสินใจว่าจะ เอาบิ๊กตู่ หรือ ไม่เอาบิ๊กตู่ ก็เถอะ แต่ในเมื่อมีโอกาสได้เข้าสภาฯ มาแล้ว อะไรที่เคยง่ายๆ มันย่อมต้องยากซ์ซ์ซ์ขึ้นไปตามลำดับ อะไรที่เคยรับปาก รับคำกันมาก่อน ย่อมมีสิทธิ์พลิกได้ ดิ้นได้ เสมอๆ ตามแบบฉบับลีลาของผู้ที่ถูกขนานนามว่า นักการเมือง ทั้งหลาย คือถ้าหากไม่มีปีก มีหาง เขี้ยวไม่ติดสปริงไฮดรอลิก เกล็ดไม่แตกลายงาเท่ากระเบื้องราชวงศ์ถัง คงไม่อาจจัดอยู่ในประเภท นักการเมือง ได้เลย ดังนั้น...กว่าจะได้คำตอบว่า 2 บวก 2 เท่ากับ 4 หรือเท่ากับอะไรกันแน่ ไม่ว่าฝ่ายเอาบิ๊กตู่ หรือฝ่ายไม่เอาบิ๊กตู่ คงหนีไม่พ้นต้องปวดหัวฉิบหาย หรือไม่ก็ ยุ่ง...ตายห่ะ แบบเดียวกับที่อดีตประธาน โควต้งหมง ท่านเคยเอ่ยเป็นวาทะ ไว้ในขณะยังมีชีวิตอยู่นั่นแล...
----------------------------------------------------
ยิ่งต้องเจอกับพรรคแบงก์พัน ที่ออกอาการ เอาก็ไม่ใช่-ไม่เอาก็ไม่เชิง มาตั้งแต่แรก อะไรต่อมิอะไร...มันน่าจะยิ่ง ไม่ง่าย ยิ่งขึ้นไปใหญ่ เพราะระหว่างที่ยังไม่ถึงเวลาต้องควักเครื่องคิดเลขออกมาคิดคำนวณคณิตศาสตร์ทางการเมืองกันในช่วงนี้ การที่พรรคแบงก์พัน เขาหันไปอาศัย หลักการ แบบเป็นแท่งๆ ด้ามๆ มาใช้เป็นมาตรฐานในการตอบคำถามว่าจะเซ็นสลักหลังให้กับเช็คใบใดกันแน่??? ก็เล่นเอาทั้งฝ่ายเอาบิ๊กตู่ และฝ่ายไม่เอาบิ๊กตู่ น่าจะปวดหัวกันไปพอสมควร คือถ้าหากฝ่ายเอาบิ๊กตู่ ยังคิดจะ รวยกระจุก-จนกระจาย แบบเดิมๆ อีกต่อไป หรือถ้าหากฝ่ายไม่เอาบิ๊กตู่ ยังคิดจะ เผาไทย ต่อไป พรรคแบงก์พันเขาคงไม่ยอมให้เอา หรือคงไม่ยอมควักปากกามาเซ็นสลักหลังเช็คใบหนึ่ง ใบใด โดยเด็ดขาด...ว่าซั่น!!!
---------------------------------------------------------
แต่ก็นั่นแหละ...เมื่อถึงเวลาต้อง ควักเครื่องคิดเลข ออกมาจริงๆ อะไรต่อมิอะไรมันคงพอยืดๆ หยุ่นๆ กันได้บ้าง หรือคงไม่ถึงกับแข็งโด่ๆ เด่ๆ แบบเป็นแท่งๆ ด้ามๆ ไปโดยตลอด ทั้งนั้น ทั้งนี้...ก็ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละพรรคจะกวาดเก้าอี้ กวาดคะแนนเสียง มาได้เท่าไหร่ ใครเป็นหลัก ใครเป็นรอง ใครเป็นตัวแปร ใครเป็นตัวประกอบ รวมทั้งใครเป็นงูเขียว เป็นงูเห่า เป็นงูบองหลา ฯลฯ คงต้องนำมาคิดคำนวณเอาไว้ด้วย เนื่องจาก คณิตศาสตร์ทางการเมือง ที่ว่า 2 บวก 2 เผลอๆ อาจเท่ากับ 3 เท่ากับ 5 หรือเท่ากับ 0 เอาง่ายๆ โอกาสที่จะเท่ากับ 4 แบบคณิตศาสตร์ธรรมดาๆ แทบไม่มี ไม่เช่นนั้น...คงไม่ใช่ยี่ห้อ นักการเมือง อยู่แล้วแน่ๆ...
----------------------------------------------------------
ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Josh Billings... Life consists not in holding good cards but in playing those you hold well.- ชีวิตไม่ใช่การถือไพ่ดีๆ เอาไว้ในมือ แต่คือการเล่นไพ่ใบที่ถือเอาไว้ให้ดี...
--------------------------------------------------------------
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |