“ส่งออก” เริ่มไม่ลื่น


เพิ่มเพื่อน    


        “กระทรวงพาณิชย์” ได้ประกาศตัวเลขการส่งออกในเดือน ก.ย.2561 ออกมาแล้ว โดยพบว่ามีมูลค่าการส่งออกอยู่ที่ 20,699.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 5.20% ซึ่งถือเป็นการหดตัวครั้งแรกในรอบ 19 เดือน นับจากเดือน ก.พ.2560 ที่ส่งออกติดลบ 2.87% แม้ว่าตัวเลขภาพรวมการส่งออกในช่วง 9 เดือนของปี 2561 (ม.ค.-ก.ย.) จะยังขยายตัวอยู่ในเกณฑ์ดี โดยมีมูลค่าการส่งออกรวม อยู่ที่ 189,729.9 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 8.13% ก็ตาม
           สำหรับปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ทำให้ภาพรวมการส่งออกของไทยในเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา ขยายตัวติดลบเป็นครั้งแรกในรอบ 19 เดือน นั่นคือ ฐานการส่งออกทองคำและรถยนต์ปีก่อนขยายตัวสูงมาก ทำให้ปีนี้ส่งออกลดลง โดยมูลค่าการส่งออกทองคำหายไป 967 ล้านเหรียญสหรัฐ และมูลค่าการส่งออกรถยนต์หายไป 187 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยทั้ง 2 สินค้านั้น รวมกันทำให้มูลค่าการส่งออกลดลง 5.3%
        อีกทั้งผลกระทบจากปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ที่ส่งผลทำให้มูลค่าการส่งออกของไทยหายไปประมาณ 402 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือมูลค่าลดลง 1.8% รวมถึงวิกฤติการเงินในตลาดเกิดใหม่ ที่ส่งผลกระทบต่อมูลค่าการส่งออกสินค้าของไทยให้หายไป ประมาณ 200 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือมูลค่าลดลง 1% โดยรวมทั้ง 3 ปัจจัยเสี่ยงดังกล่าว ทำให้มูลค่าการส่งออกสินค้าของไทยหายไปประมาณ 1,756 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือลดลงไปประมาณ 8%
        ทั้งนี้ “กระทรวงพาณิชย์” ยังยืนยันว่า การส่งออกที่ขยายตัวติดลบนั้น ยังไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการส่งออกในภาพรวม และยังคงมั่นใจว่าตัวเลขการส่งออกในปี 2561 จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 8%
           โดย “ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” มีมุมมองในเรื่องนี้ว่า การส่งออกของไทยในเดือน ก.ย.ที่อ่อนแรงลงนั้น เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับตัวเลขการส่งออกสินค้าของประเทศในภูมิภาคที่ชะลอตัวลงเช่นกัน จากทั้งปัจจัยชั่วคราว อย่างภัยพิบัติ ที่ส่งผลกระทบต่อการขนส่งสินค้าทางเรือ และผลกระทบจากเรื่องข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ซึ่งยังคงเป็นประเด็นที่ต้องติดตามต่อไป
           แม้ว่าการส่งออกทองคำที่หดตัวค่อนข้างมาก จะเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ภาพรวมการส่งออกสินค้าของไทยชะลอตัวลงในเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา แต่ก็ยังมีผลจากปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ทั้งปัจจัยเฉพาะชั่วคราว และปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบในระยะยาวต่อภาพการส่งออกของไทยในระยะต่อไปได้
           โดยปัจจัยที่มีผลชั่วคราว มาจากเรื่อง “สภาพภูมิอากาศที่มีพายุไต้ฝุ่นเข้าในบางประเทศ” โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าไทยไปฟิลิปปินส์ ในเดือน ก.ย.2561 หดตัว 3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัว 30.4% เนื่องจากในเดือนดังกล่าว ฟิลิปปินส์เผชิญพายุไต้ฝุ่นมังคุดที่สร้างความเสียหายต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจภายในประเทศ ส่งผลให้การค้าระหว่างประเทศชะลอตัวลง
           สำหรับปัจจัยที่คาดว่าจะมีผลระยะยาวต่อการส่งออกของไทยในระยะต่อไป ยังเป็นเรื่อง “ข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน” ที่ทยอยส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าของไทยในหลายๆ ประเภท โดยเฉพาะสินค้าส่งออกที่ไทยอยู่ในห่วงโซ่อุปทานการผลิตของจีน ตลอดจนทิศทางการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจจีน
           “ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” มองว่า เป้าหมายการเติบโตของตัวเลขส่งออกไทยในปีนี้ ที่ 8.8% ยังมีความท้าทาย โดยเฉพาะในช่วงที่เหลือของปี 2561 นั่นเพราะหากจะเติบโตได้ตามเป้าหมาย นั่นหมายความว่า ในไตรมาส 4/2561 มูลค่าการส่งออกจะต้องเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่เดือนละ 22,600 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือขยายตัว 11% ต่อปี  
           ปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่เข้ามากดดันภาคการส่งออกของไทยนั้น สอดคล้องกับมุมมองของ “ธนาคารโลก (World Bank)” ได้มีการประเมินไว้ว่า ในระยะต่อไปตลาดการค้าโลกจะมีความผันผวนมากขึ้น ซึ่งไทยเป็นประเทศที่พึ่งพาการส่งออกสูงถึง 70% ของจีดีพี แต่ยังเชื่อว่าไทยจะมีการปรับตัวเพื่อรับมือที่ดีจากเสถียรภาพต่างๆ ของประเทศที่มีความยืดหยุ่นมากกว่าหลายประเทศในภูมิภาค พร้อมทั้งเห็นว่าหลังจากนี้ไทยจะต้องหันมาดูปัจจัยภายในประเทศเพื่อสนับสนุนการเติบโตมากขึ้น เช่น การลงทุนของภาครัฐและเอกชน ส่วนภาพการส่งออกในหลายประเทศหลักที่ชะลอตัวลงนั้น ไทยควรหันไปพึ่งพาตลาดที่ยังมีทิศทางการเติบโตได้ดี โดยเฉพาะ “อาเซียน” เพื่อเป็นการทดแทนการค้าโลกที่เริ่มส่งสัญญาณไม่ดีนัก.
           ครองขวัญ รอดหมวน


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"