นครพนมถือฤกษ์เข้าฤดูหนาว27ต.ค.เปิดแคมเปญท่องเที่ยวริมโขง


เพิ่มเพื่อน    

24 ต.ค.61 - เวลา 16.00 น.บริเวณริมแม่น้ำโขง ถนนสุนทรวิจิตร เขตเทศบาลเมืองนครพนม นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ร่วมฟังการแถลงข่าวจาก นายภูเวียง ประคำมินทร์ รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา รักษาราชการแทนอธิบดีฯ เรื่องการเข้าสู่ฤดูหนาวของประเทศไทย 2561 โดยนายภูเวียง กล่าวว่า กรมอุตุนิยมวิทยาได้ตรวจติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง จนพบว่าประเทศไทยจะเข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเต็มตัว ในวันที่ 27 ต.ค.นี้ และจะลากยาวไปสิ้นสุดประมาณกลางเดือน ก.พ.62 ซึ่งอากาศหนาวถึงหนาวจัด จะเริ่มประมาณครึ่งหลังของเดือน ธ.ค.61 ถึงปลายเดือน ม.ค.62 จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่อากาศหนาวเย็น ให้ดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรง รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ สวมใส่เสื้อผ้าหลายชั้น และห่มผ้าหนาๆ เพื่อสร้างความอบอุ่นให้กับร่างกายและเป็นภูมิต้านทานป้องกันโรคที่มักเกิดในช่วงฤดูหนาว รวมถึงดูแลเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัวเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีภูมิต้านทานต่ำ จึงเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยได้ง่ายและมีอาการรุนแรงกว่าคนทั่วไป

สำหรับจังหวัดนครพนม เป็นพื้นที่หนึ่งที่มีอากาศหนาวถึงหนาวจัด โดยประชาชนจะได้สัมผัสไอหนาวตั้งแต่ช่วงต้นฤดู จากสถิติในรอบ 67 ปีที่ผ่านมา พบว่าปี 2498 จังหวัดนครพนม มีอุณหภูมิต่ำสุดถึง 1.8 องศาเซลเซียล ซึ่งอยู่ในเกณฑ์หนาวจัด และปี 2560 ในช่วงเดือน ธ.ค. อุณหภูมิต่ำสุด 6 องศา สำหรับปีนี้คาดว่าอุณหภูมิต่ำสุดของจังหวัดนครพนม ประมาณ 6-8 องศาเซลเซียล ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา

ด้วยอากาศหนาวเย็นของจังหวัดนครพนม เป็นอากาศหนาวที่บริสุทธิ์ โดยได้รับอานิสงส์จากเทือกเขาต่างๆในประเทศเพื่อนบ้าน จึงทำให้เป็นที่ต้องการของนักท่องเที่ยว ทางจังหวัดฯจึงเตรียมเปิดแคมเปญโต้ลมหนาว ริมฝั่งแม่น้ำโขง ชมทะเลหมอกที่สวยงามลอยอยู่เหนือผืนน้ำ ชักชวนนักโต้ลมหนาวมาท่องเที่ยวเมืองรอง ซึ่งเป็นการพลิกวิกฤติเป็นโอกาส ให้เม็ดเงินหมุนเวียนอยู่ในพื้นที่ ประชาชนกินดี อยู่ดี มีความสุข คือเป้าของรัฐบาล

นอกจากนี้ ผวจ.นครพนม ยังเตือนประชาชนเลี่ยง 3 พฤติกรรม ที่เสี่ยงอันตรายต่อสุขภาพถึงขั้นเสียชีวิตในช่วงฤดูหนาว คือไม่ดื่มสุราแก้หนาว เพราะนอกจากไม่ช่วยสร้างความอบอุ่นให้กับร่างกายแล้ว ยังส่งผลให้ร่างกายไม่สามารถทนต่อสภาพอากาศหนาวเย็นได้ อีกทั้งฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ทำให้ร่างกายร้อนวูบวาบ และสูญเสียความร้อนเร็วขึ้น รวมถึงกดประสาทส่วนกลาง ทำให้ง่วงซึมและหมดสติโดยไม่รู้ตัว ไม่นอนในที่โล่งแจ้งโดยไม่มีสิ่งปกคลุมร่างกาย โดยเฉพาะคนเมาสุราที่มักเผลอหลับหรือหมดสติ โดยไม่สวมใส่เสื้อผ้าหรือสวมเสื้อผ้าบางๆจะมีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตมากขึ้น เพราะการปล่อยให้ร่างกายสัมผัสกับอากาศเย็นเป็นเวลานาน จะทำให้เส้นเลือดหดตัว การไหลเวียนของโลหิตช้าลง ทำให้ร่างกายขาดออกซิเจน และหัวใจทำงานหนักในการสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกาย ส่งผลให้เกิดอาการช็อคจนเสียชีวิต

รวมถึงไม่ผิงไฟในที่อับอากาศ เพราะจะทำให้ร่างกายสูดดมก๊าชคาร์บอนไดออกไซด์จากควันไฟเข้าสู่ทางเดินหายใจจำนวนมาก จนขาดออกซิเจนและสำลักควันไฟเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะหากเผลอหลับ โดยไม่ดับไฟให้สนิท ประกายไฟอาจกระเด็นไปติดหรือลุกลามอย่างรวดเร็ว ทำให้ถูกไฟคลอกเสียชีวิตได้

"ประชาชนควรดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรง หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ สวมใส่เสื้อผ้าหลายชั้น และห่มผ้าให้หนากว่าปกติ เพื่อสร้างความอบอุ่นให้กับร่างกายและภูมิต้านทานป้องกันโรคที่มักเกิดในช่วงฤดูหนาว”นายสยาม กล่าว


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"