จีนหวังโค่นอเมริกา ด้าน AI ใน 5 ปี!


เพิ่มเพื่อน    

      วันก่อนผมชวนคุณเรืองโรจน์ พูนผล หรือที่รู้จักกันดีในนาม "กระทิง" ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งหลายบริษัทเพื่อผลักดันให้ธุรกิจ startup ของไทยเกิดขึ้นได้อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นและข้อมูลล่าสุดหลังจากที่เขาเพิ่งกลับจากจีนและอเมริกา

      ความคืบหน้าล่าสุดในสองประเทศยักษ์เรื่องเทคโนโลยีเป็นเรื่องสำคัญที่คนไทยควรจะต้องตามให้ทัน และปรับตัวให้เร็วและมีประสิทธิภาพ

      นี่คือบางส่วนของบทสนทนาวันนั้นทาง Suthichai Live:

      สุทธิชัย: สวัสดีครับ ไปจีนกับอเมริกามาใช่ไหมครับ ล่าสุดสถานการณ์ของจีนกับอเมริกา เรื่องของ startup เรื่องของการเข้าสู่ยุคดิจิทัลของเขา เปรียบเทียบกันแล้วเป็นยังไงครับ

      เรืองโรจน์: ผมว่าน่ากลัวมากครับ จีนวางแผนจะโค่นอเมริกาในแง่ของปัญญาประดิษฐ์แล้วก็เรื่องไบโอเทค ก็วางแผนจะโค่นอเมริกาให้ได้ใน 5 ปีข้างหน้า เขาบอกว่าเรื่องของปัญญาประดิษฐ์ ต่อไปเราจะเลยยุคของการค้นหาอะไรใหม่ๆ มาถึงยุคที่เรียกว่ายุค implementation จากยุค discovery ไปสู่ยุค  implementaion เป็นเรื่องของ data แล้ว

      จีนมี data มหาศาลครับ แล้วจีนมี data scientist เยอะมาก และมีการสนับสนุนจากภาครัฐเยอะมาก ภาคเอกชนก็ลุยกันน่ากลัวมาก อย่างที่เราไปดู อย่างสั่งของนี่ เราไปดูโกดังแห่งหนึ่งที่จีน ส่งของวันหนึ่งหลายแสนชิ้น สองแสนแปดหมื่นชิ้นกำลังจะเป็นห้าแสนชิ้น แล้ว 80% เป็นสินค้าที่ส่งในวันเดียวกัน

      สุทธิชัย: ส่งถึงบ้านในวันเดียวกันไม่ว่าจะห่างไกลแค่ไหนก็มี logistics ที่จะจัดการได้แล้วหรือครับ

      เรืองโรจน์: ใช่ครับ แล้วในโกดังนั้นใช้คนประมาณ 100 คน แล้วมี plan ว่าจะลดลงมาให้เหลือประมาณแค่หลักสิบคนซึ่งน่ากลัวมาก จะเป็น automated warehouse ที่เค้า plan ไว้คือส่งของในถิ่นทุรกันดารจะเป็นโดรนไปส่ง ซึ่งทดลองแล้วใน 2 เมือง เขาบอกว่าถ้าให้คนขับรถไปมันไม่คุ้มในการส่ง  ถ้าเอาโดรนไปส่งจะดีกว่า

      สุทธิชัย: ผมเห็นของ jd.com เขาใช้โดรน แต่ว่าโดรนไม่ใหญ่พอนี่ คุณกระทิงดูแล้วในท้ายที่สุดโดรนมันเวิร์กไหม

      เรืองโรจน์: โดรนผมว่าเวิร์กครับ ตอนนี้เขา pilot กัน คือโดรนบางตัวส่งของได้ ลักษณะที่เห็นในแล็บของเขา คือส่งของได้หนักเป็นร้อยๆ กิโลก็ส่งได้ พวกนั้นเป็น prototype ซึ่ง prototype นี่อีกปีหรือสองปีก็จะออกมาแล้ว

      สุทธิชัย: เป็นร้อยกิโลได้เลยหรือครับ

      เรืองโรจน์: ใช่ครับ เขา pilot ตัวนึงแล้ว ส่งของได้ 1 ตัน ซึ่งนั่นไม่ใช่โดรนแล้วครับ นั่นเฮลิคอปเตอร์เลย

      สุทธิชัย: งั้นถ้าไปดูของจีนลุยทางด้านนี้มาก แล้วอเมริกาก็สู้ไม่ได้สิ ทำไมอเมริกาสู้ไม่ได้

      เรืองโรจน์: อเมริกาสู้ได้ครับ แต่จีน plan ไว้ว่าจะโค่นอเมริกาในอีก 5 ปี ดังนั้นจีนยังตามหลังสหรัฐครับ แต่ว่า catch up เร็วมาก มีสิทธิ์ที่จีนจะไล่อเมริกาทันใน 5-10 ปีข้างหน้าทางด้านปัญญาประดิษฐ์ เพราะว่ามันเป็นเรื่องของข้อมูล จีนมีข้อมูลมหาศาล และข้อมูลหลายๆ อย่าง ผู้ใช้ของจีนยอมให้ข้อมูลแก่ผู้ให้บริการ และยอมให้ข้อมูลแก่รัฐบาล ในขณะที่สหรัฐ พวกนี้เป็นเรื่องของ data privacy  สิทธิในการเป็นเจ้าของข้อมูล สิ่งนั้นจะลำบาก เพราะเมื่อจีนมีข้อมูลมากกว่า เอาข้อมูลมาวิเคราะห์ สามารถสร้างปัญญาประดิษฐ์ พวกอัลกอริทึมใหม่ๆ ที่น่ากลัว

      อีกอย่างหนึ่งจีนมีทุนมหาศาล แต่ตอนนี้เรื่องของ trade war ก็มีผลครับ ผมคิดว่า trade war จะชะลอพัฒนาการของจีนให้ช้าลง แต่ในระยะยาวถ้าพูดถึงหลัก 5-10 ปีขึ้นไปผมว่ามีสิทธิ์ไล่ทัน เขาลงทุนสร้าง data scientist พวกนัก computer science ทางด้านปัญญาประดิษฐ์นี่เขา plan สร้างปีนึงแสนๆ  คน 

      สุทธิชัย: สถาบันการศึกษาเค้าจะต้องพร้อมที่จะสร้างคนเหล่านี้มา เขาปรับวิธีการเรียนการสอนในมหาวิทยาลัยกันยังไงด้วยหรือเปล่า

      เรืองโรจน์: ใช่ครับ ถ้าคุณสุทธิชัยดูจะเห็นคนจีนที่อยู่ต่างประเทศเริ่มกลับมาจีนแล้ว กลับมาเยอะแล้ว คือเขาบอกว่าตอนนี้คนจีนเริ่มมีความภูมิใจ พวกโปรเฟสเซอร์จีนที่เก่งๆ หรือพวกคนจีนที่เรียน  PhD ที่อเมริกาอยากกลับมาแล้วเพราะมันมีโอกาส สองคือคนจีนพอมีความภูมิใจปุ๊บ คนจีนจะพูดเลยว่าฉันไม่อยากเป็นลูกน้องฝรั่ง

      สุทธิชัย: ฉันไม่อยากเป็นลูกน้องฝรั่ง ฉันต้องการเป็นเจ้านายฝรั่ง

      เรืองโรจน์: ใช่ครับ ตอนนี้พอบอกว่าฉันไม่ต้องการเจ้านายเป็นฝรั่ง นี่คือเป็นความชาตินิยมของจีนด้วย และผมว่าเป็นความภูมิใจของจีน ทำไมในเมื่อฉันกลับมาเมืองจีนฉันมีโอกาส ฉันสามารถทำอะไรดีๆ ได้หลายอย่าง จีนมีทุกอย่าง

      ผมคิดว่าที่อเมริกาตอนนี้ยังนำหน้า แต่สิ่งหนึ่งที่อเมริกามีและจีนยังไม่มี คือเรื่องของความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม การกล้าคิดนอกกรอบ เพราะระบบการศึกษาจีนที่ผ่านมายังเน้นเรื่องความจำ การที่จะเปลี่ยนผ่านอย่างรวดเร็ว ให้เป็นเรื่องเรียนแบบท่องจำเน้นการสอบเข้า เพราะการสอบเข้าของจีนยากมาก เป็นการเปลี่ยนชีวิตจริงๆ ถ้าเข้าชิงหัวได้ เข้ามหาวิทยาลัยดีๆ ของจีนได้ จะเปลี่ยนชีวิตจริงๆ ซึ่งไม่ต่างกับของเราเลย การเปลี่ยนการเรียนแบบท่องจำและการสอบเข้าให้ได้เป็นนักเรียนที่ดี มาเป็นการใช้ความคิดสร้างสรรค์ การทำงานเป็นทีมแบบที่ระบบการศึกษาของอเมริกันเน้น ก็จะค่อนข้างยากนิดนึง แต่มันทำให้คนจีนมีวินัยและมีเรื่องของการแข่งขัน เขาบอกว่าเปรียบเทียบผู้ประกอบการจีนในวงการ startup ของจีน เหมือนนักรบ เหมือนส่งเข้าไปเป็น gladiator ส่งเข้าไปในสนามโคลีเซียมแล้วฆ่ากันมีรอดแค่คนเดียว

      สุทธิชัย: ใช่ๆ เหลือรอดแค่คนเดียว คนที่รอดต้องเก่งมากๆ

      เรืองโรจน์: ใช่ครับ แล้วเค้าบอกว่า ซิลิคอนวัลเลย์ก็ทำงานหนักนะ แต่ถ้าคนซิลิคอนวัลเลย์มาเจอคนจีนทำงาน อย่างพนักงานกูเกิลจะวิ่งหนีเข้าไปในแคปซูลนอนหลับของเค้าเลย เพราะว่ากลัว.

      (พรุ่งนี้: อนาคตจะเป็น AI บวก Biotech)


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"