สะเทือนทั้ง "สวนพลู" หลัง “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล เข้ามานั่งเก้าอี้ รักษาการแทนผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (รรท.ผบช.สตม.) ต่อคิวจาก “เดอะบัว” พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบช.สตม. ที่โยกไปเป็น ผบช.น. ได้เพียงไม่ถึง 1 เดือน

        นโยบาย "ทุกสนามบิน ด่านตรวจคนเข้าเมืองทั่วประเทศ ต้องโปร่งใส ปราศจากการเรียกรับผลประโยชน์” ก็พ่นพิษเอาจนตำรวจ ตม.ตามด่านตรวจคนเข้าเมืองกระเด็นกระดอนไม่เป็นท่า

        เพราะตามหน้างาน ตม.เป็นด่านแรกที่ต่างชาติไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจ นักท่องเที่ยวปีละหลายล้านคน ที่เดินทางเข้าประเทศไทยต้องสัมผัสก่อน ภาพลักษณ์ของประเทศจึงเป็นสิ่งสำคัญ ตอบสนองนโยบายรัฐบาล ไทยแลนด์ 4.0 และปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชัน แต่ปัญหาการร้องเรียนเรียกรับผลประโยชน์ของ ตม.เป็นปัญหาที่สะสมมานาน ทุกยุคทุกสมัยไม่มีใครกล้าแตะ โดยเฉพาะการร้องเรียนของนักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวเกรดเอสร้างรายได้ให้กับประเทศ มีการร้องเรียนกันหนาหู

        ต้องจ่ายเพิ่มอีกรายละ 200-300 บาท นอกจากค่าธรรมเนียมตามปกติ 2,000 บาท อ้างเพื่อความสะดวกในการออกหนังสือเดินทางเข้าประเทศ แต่ “ไม่มีใบเสร็จ” ในส่วนที่จ่ายเกินไป และยังระบุเหตุผลที่เรียกเก็บส่วนเกินค่าธรรมเนียมเป็น “ค่าใช้จ่ายให้กับตำรวจตรวจคนเข้าเมือง” เมื่อคำนวณจากนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศ ส่วนต่างที่จ่ายเพิ่มตกปีละ 1,000 บาท แล้วชิ้นปลามันส่วนนี้ไปอยู่ที่กระเป๋าใคร

        สารพัดปัญหาที่ซุกอยู่ใต้พรมมานาน ทั้งการปลอมแปลงเอกสารเพื่อขออยู่ในราชอาณาจักรของชาวต่างชาติที่ทำกันเป็นขบวนการ ปล่อยตัวผู้ต้องหาคนสำคัญหลบหนีออกนอกประเทศ เรียกรับเงินปลดรายชื่อติดแบล็กลิสต์เข้าประเทศ  

       "บิ๊กโจ๊ก" ในฐานะผู้นำองค์กรสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลยต้องเร่งกวาดบ้านตัวเองให้สะอาด สั่งติดป้าย “NOTIP” ทุกด่านตรวจคนเข้าเมือง คาดโทษใครฝ่าฝืนถูกดำเนินการขั้นเด็ดขาด

        ทำให้เพียงไม่ถึง 1 เดือนที่ "บิ๊กโจ๊ก" นั่งคุมซอยสวนพลู ก็มีคำสั่งเด้งตำรวจ ตม.ที่พบมีปัญหามาประจำที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ศปก.สตม.) แล้ว

        6 คำสั่ง!!!

        เริ่มตั้งแต่วันที่ 3 ต.ค.61 เซ็นคำสั่งเด้ง พ.ต.อ.กันตวัฒน์ พงศ์ถาบดี ผกก.2 บก.ตม.1 บช.สตม. เพื่อนร่วมรุ่น พร้อมด้วย ร.ต.อ.หญิง มนัญญา เกตุแก้ว รอง สว.บก.ตม.1 พร้อมตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงมีส่วนรู้เห็นกับ น.ส.ยุพิณ จันต๊ะคาด นายหน้าการปลอมแปลงเอกสารให้ชาวต่างชาติอยู่ต่อในประเทศ ด้วยการบิดเบือนข้อมูลที่ชาวต่างชาติอยู่ในเมืองไทย ต้องมีเงินในบัญชี 400,000 บาท แต่กลับเป็นการโอนเข้าตอนเช้าแล้วถอนออกช่วงบ่าย โดยทำกันเป็นขบวนการเพื่อให้ชาวต่างชาติอยู่ในประเทศต่อได้

        วันที่ 8 ต.ค. ถึงแม้จะมีคำสั่ง “NOTIP” แต่ยังได้รับการร้องเรียนเรียกรับเงิน 200 บาท จากนักท่องเที่ยวชาวจีนที่สนามบินดอนเมือง สั่งเด้ง ผกก.-รอง สว.บก.ตม.2 

        วันที่ 12 ต.ค. มีคำสั่งย้าย พ.ต.อ.ภูวสิษฏ์ เมฆี ผกก.ตม.สตูล ไม่มีการบริหารงานบุคคลที่ดี ปล่อยให้นักท่องเที่ยวต้องยืนรอทำหนังสือเดินทางนานกว่า 5 ชั่วโมง 

        วันที่ 15 ต.ค. มีคำสั่งย้าย พ.ต.อ.พรรณศักดิ์ วรวิบูลย์สวัสดิ์ ผกก.ตม.อุบลฯ พร้อมด้วยสารวัตรและรอง สว.หญิงอีกราย ที่ได้รับการร้องเรียนเรียกเก็บเงินค่ารถยนต์ขาออกคัน 200 บาท โดยไม่มีใบเสร็จ

        วันที่ 19 ต.ค. มีคำสั่งให้ พ.ต.อ.ชัยรัตน์ รัตนาธรรมวัฒน์ ผกก.ตม.เชียงใหม่ พร้อมด้วย รอง ผกก.และ สว. หลังภาพโซเชียลว่อนเน็ต นักท่องเที่ยวไม่ได้รับความสะดวก ต้องยืนรอทำหนังสือเดินทางนานกว่า 7 ชม. บ่งบอกถึงความไม่มีประสิทธิภาพของหัวหน้าด่าน 

        วันที่ 21 ต.ค. สั่งเด้ง พ.ต.ท.สัมพันธ์ บุตรโพธิ์ สว.ตม.ชลบุรี พ.ต.ท.ศตวรรษ ศรีรัตนพงศ์ และ ร.ต.อ.ธนดิท เถื่อนชำนาญ รอง สว. หลังพ่อนักท่องเที่ยวชาวเนเธอร์แลนด์โพสต์ประกาศตามหาลูกชายที่มาเที่ยวเกาะเต่า แต่ยังไม่เดินทางกลับตามกำหนดและไม่สามารถติดต่อลูกได้ "รรท.ผบช.สตม." ได้สั่งการให้ติดตามหา แต่กลับเพิกเฉย กลับโยนให้ตำรวจท่องเที่ยวและพื้นที่ดำเนินการ จึงมีคำสั่งย้ายให้มาปรับทัศนคติและเรียนรู้งานใหม่

        การเข้ามาของการควบคุมกำกับดูแลสำนักงานตรวจคนเข้ามืองของ “บิ๊กโจ๊ก” จึงเป็นการยกเครื่องใหม่ทั้งระบบ ต้องดูกันต่อไปว่าขยะที่ซุกอยู่ใต้พรมมานานของ สตม.จะถูกชะล้างทำความสะอาดได้หรือไม่

        ถึงแม้ผลงานในหลายรอบปีที่ผ่านมาจะสามารถจับต้องเป็นรูปธรรมได้

        แต่งานนี้บอกเลยไม่ใช่หมู น้ำซึมลึกทุกอย่างคือ “ผลประโยชน์” มูลค่ามหาศาล!!!.