23 ต.ค.61--ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา อาจารย์สาขาประสาทวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะกรรมการพิจารณาการนำกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ กล่าวว่า สิ่งที่กังวลในการเสนอปลดล็อกกฎหมาย โดยใช้รูปแบบเปลี่ยนจากสารเสพติดประเภท 5 เป็นประเภท 2 เพื่อให้เป็นยานั้น คือ จะใช้ได้เฉพาะสารสกัด แต่ดอก ใบ ที่เป็นพืชยาจะใช้ไม่ได้ แต่หาก ทาง อย.สามารถระบุไปได้ว่า พืชยาให้เป็นยาได้ด้วยนั้นก็จะเป็นเรื่องดี ทั้งนี้ตนมองว่าการแพทย์แผนไทย หรือการใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นในการบำบัดรักษาโรคเป็นสิ่งจำเป็น และต้องใช้ควบคู่กับการแพทย์แผนปัจจุบัน เนื่องจากการที่ตนได้ทำงานด้านกัญชามา 8 เดือน เริ่มรู้สึกว่าที่ผ่านมาตนเองอาจใจกว้างไม่พอ และจะรู้สึกละอาย หากไม่รับฟังภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ได้พัฒนาสูตรการบำบัดรักษาโรคมานานจนกระทั่งปัจจุบัน
ศ.นพ.ธีระวัฒน์ กล่าวอีกว่า หลังจากตระหนักแล้วว่า ตนเป็นแพทย์แผนปัจจุบัน เรามักตีกรอบตัวเอง โดยเชื่อหลักฐานเชิงประจักษ์จากต่างประเทศ และหลักฐานดังกล่าว ส่วนมากจะเป็นการเรื่องการศึกษาเทียบเคียงความปลอดภัย และประสิทธิภาพทางคลินิก คือ จะบอกว่าได้ผลหรือไม่ได้ผล ซึ่งมีตัวแปรหลายอย่างในเรื่องของข้อมูล อาจมีการละเลย การใช้ข้อมูลไม่ครบถ้วน ทำให้ผลที่ได้ออกมาไม่ตรงกับความเป็นจริงก็มี ดังนั้น การจะทำอะไรต้องดูให้ลึกซึ้ง 2 ประการ คือ 1.ต้องทราบกลไกการเกิดของโรคนั้นๆ ให้มากที่สุด ทั้งกลไกของยา ของสารประกอบอะไรก็ตามที่จะมาขัดขวางกระบวนการเกิดโรคนั้นได้หรือไม่ และ2.ต้องดูกลไกที่เราอาจยังไม่ทราบ โดยการศึกษาจากภูมิปัญญาการแพทย์ท้องถิ่น ซึ่งมีการพัฒนาและประยุกต์ จนเริ่มมีมาตรฐานขึ้น
“สิ่งจำเป็นที่หากจะปลดล็อกกฎหมายต้องครอบคลุมทั้งแพทย์แผนปัจจุบันและแพทย์แผนไทย ซึ่งวันที่ 24 ต.ค.นี้ ที่กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ผมได้รับเชิญให้ร่วมประชุมจากกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเพิ่งแต่งตั้งคณะกรรมการกำหนดนโยบาย แนวทาง และการดำเนินการตามร่าง พ.ร.บ.ให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ… ร่างประมวลกฎหมายยาเสพติด และร่างพ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดียาเพสติด (ฉบับที่…) พ.ศ.. ครั้งที่ 1/2562 โดยมีนพ.เสรี ตู้จินดา ประธานคณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานกรรมการชุดนี้ ซึ่งผมจะเสนอแนวทางการปลดล็อกกัญชา และล่าสุดจากภาคประชาชน ภาคีเครือข่ายต่างๆ ได้จัดทำร่างกฎหมายฉบับประชาชน คือ ร่างพ.ร.บ.พืชยา กัญชา พืชกระท่อม พ.ศ. .... ซึ่งได้ปรับปรุงล่าสุดวันที่ 21 ตุลาคม 2561 โดยจะจัดทำเป็นกฎหมายเฉพาะเพื่อให้สามารถนำไปรักษาทางการแพทย์ และการควบคุมการใช้อย่างเข้มงวด” ศ.นพ.ธีระวัฒน์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากเสนอร่างพ.ร.บ.ใหม่ จะทำให้กฎหมายออกมาล่าช้าหรือไม่ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ กล่าวว่า เราต้องตกผลึกให้ได้เสียก่อนว่าจะใช้อะไร รูปแบบไหน อย่างหากเป็นการใช้กฎหมายเฉพาะ ก็ต้องมาหาวิธีลัดที่จะทำให้กฎหมายออกมาได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งจะหารือกันว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
ด้าน นพ.เสรี ตู้จินดา ประธานคณะที่ปรึกษารัฐมนตรีฯ ในฐานะประธานกรรมการกำหนดนโยบาย แนวทาง และการดำเนินการตามร่างพ.ร.บ.ให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติดฯ กล่าวว่า ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการฯชุดนี้ขึ้นเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2561 เพื่อทำหน้าที่ในการออกอนุบัญญัติเพื่อสอดคล้องกับพ.ร.บ.ฯฉบับใหญ่ที่อยู่ในขั้นตอนตามกฎหมายอยู่ ณ ขณะนี้ ซึ่งเป็นแค่การออกอนุบัญญัติ หรือกฎหมายรอง ว่าในส่วนของกระทรวงฯ โดย อย.จะมีกฎหมาย หรือมีอะไรมารองรับ ยังไม่ใช่ว่าจะเป็นชุดที่จะได้ข้อสรุปเรื่องการพิจารณากัญชาทางการแพทย์แต่อย่างใด.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |