ขอเวลาอีกนิด4รมต.ไขก๊อกเกลี้ยง


เพิ่มเพื่อน    


     4 รัฐมนตรีรับเหลือเวลาอีกนิดไขก๊อกเกลี้ยงแน่ “มาร์ค” เชียร์บิ๊กตู่หากชื่ออยู่ในบัญชีพรรคถือว่าชอบธรรมนั่งนายกฯ เพนกวินตายคาโลกโซเชียลหลังปลุกรีพอร์ตเพจประยุทธ์ “จตุพร” ย้ำต้องแยกกันจึงชนะ เตือน พท.อาจไร้ปาร์ตี้ลิสต์ อนาคตใหม่เหยียบถิ่นห้อยบุรีรับสมาชิก สามมิตรเร่ปัดข่าวถูกพลังประชารัฐเมิน โวหากได้ร่วมงานได้หัวใจคนไทยทั่วประเทศแน่ พรรคกำนันเฮ! กกต.ประกาศรับรองแล้ว
    เมื่อวันจันทร์ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และว่าที่รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีซูปเปอร์โพลเผยผลสำรวจความเห็นประชาชน 99% ต้องการกรรมการยุทธศาสตร์ชาติที่สังกัดพรรคการเมืองลาออกว่า อย่างที่บอก เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมรัฐมนตรีทั้ง 4 คนที่เข้าไปร่วมทำงานกับ พปชร.ลาออกแน่ แค่ขอสะสางงานสำคัญก่อน แต่ละคนก็มีเรื่องสำคัญๆ ของตัวเอง 
     “อย่ากังวล พวกผมเหลือเวลาอีกนิดเดียวเท่านั้น ส่วนตำแหน่งต่างๆ ถ้าคิดว่ามีส่วนได้ส่วนเสียก็พร้อมลาออก ถ้าออกก็จะออกให้เกลี้ยง” นายสุวิทย์ย้ำ
     ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการลงพื้นที่ของ 4 รัฐมนตรี พปชร.ว่า ทุกคนต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ส่วนจะถึงเวลาที่ต้องประกาศลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีแล้วหรือไม่นั้น เป็นสิทธิว่าเขาจะลาออกเมื่อไหร่ แต่อยากให้ยึดเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ เพราะเป้าหมายในการปฏิรูปการเมืองไม่ต้องการให้คนมีอำนาจรัฐหรืออาศัยความเป็นรัฐสร้างความได้เปรียบในการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลไหน ยุคไหน ส่วนการลงพื้นที่ของเขาจะเป็นการสร้างความได้เปรียบหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่ที่ว่าใช้อะไรที่อิงอยู่กับอำนาจรัฐหรือไม่
     ส่วนกรณีคำให้สัมภาษณ์ครั้งแรกของ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เมื่อสัปดาห์ก่อนในเรื่องการทำรัฐประหาร ก็ยังคงมีความต่อเนื่อง โดยนายอภิสิทธิ์กล่าวในรายการต้องถามเรื่องนี้ ว่าท่านคงมองเหตุการณ์การรัฐประหาร 2 ครั้งที่ผ่านมา ที่มีสาเหตุจากภาวะบ้านเมืองไม่สงบ ซึ่งดูจากประวัติศาสตร์เท่านั้น แต่ถ้าถามว่าจะสนับสนุนหรือไม่ คนส่วนใหญ่คงไม่มีใครอยากให้เกิด  
     “แทนที่จะไปคาดคั้น ผบ.ทบ.เรื่องนี้ แต่เรามาช่วยกันดีกว่า ทุกคนต้องไปย้อนดูในส่วนของตัวเองก่อน ถ้าการเมืองช่วยกันว่าต่อไปใครจะแพ้ชนะทุกฝ่ายหลีกเลี่ยงไม่มีการสร้างเงื่อนไข มันไปไม่ถึงขั้นที่ ผบ.ทบ.พูด”
     นายอภิสิทธิ์ระบุอีกว่า การรัฐประหารสามารถหยุดเหตุการณ์วุ่นวายตรงนั้นได้ แต่การตัดเชื้อต้องดูว่าจะปฏิรูปอะไรบ้าง ส่วนเรื่องข่าวดูด ความเหมาะสมเรื่องการอยู่ในอำนาจ ใครจะแพ้ชนะ มีความสุ่มเสี่ยง วันนี้ต้องสร้างทางใหม่ยึดหลักการประชาธิปไตยที่แท้จริงและยั่งยืนด้วย ซึ่งไม่สนับสนุนนายกฯ คนนอก แต่ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มาอยู่ในบัญชีพรรคใดพรรคหนึ่ง เสียงที่มาจากการเลือกตั้ง 250 เสียงก็ถือชอบธรรมตามระบบ
     ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล  หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวว่า หากทุกฝ่ายในบ้านเมืองเล่นตามกติกา เคารพกฎหมาย และแก้ปัญหาตามระบบประชาธิปไตย และไม่นำพาเหตุการณ์ไปสู่เงื่อนไขให้อำนาจนอกระบบเข้ามา ก็ไม่ต้องกังวลจะเกิดสถานการณ์ดังกล่าวขึ้น ซึ่งจุดยืนของพรรคคือเล่นตามกติกา และคำนึงถึงชาติบ้านเมืองเป็นหลัก และความอยู่ดีกินดีของพี่น้องประชาชน 
โซเชียลฯ รุมจวกเพนกวิน
     “ที่ผ่านมาระบอบรัฐสภาดีอยู่แล้ว กลับไม่ใช้กติกา ดังนั้นหากทุกฝ่ายเคารพรัฐธรรมนูญที่ตราไว้ชัดเจน ก็จะไม่มีทางสิ่งแปลกปลอมนอกระบอบเข้ามา และผมขอยืนยันอีกครั้งว่า ไม่ขอเติมฟืนเข้ากองไฟ ขออยู่อย่างสงบ สันติ ให้เกิดความสามัคคีในชาติ และพรรคภูมิใจไทยจะไม่ทำตัวมีปัญหาแน่นอน”นายอนุทินย้ำ
     ด้านนายอลงกรณ์ พลบุตร ผู้สมัครเข้ารับการหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรค ปชป.หมายเลข 3 กล่าวถึงการใช้สื่อโซเชียลมีเดียสื่อสารของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ผู้นำรัฐบาลเปิดพื้นที่สื่อสารกับประชาชนโดยตรง ขณะเดียวกันก็เป็นการส่งสัญญาชัดเจนมากขึ้นว่าท่านนายกฯ มีแนวโน้มสูงมากขึ้นที่จะเข้ามาสู่การเมืองโดยตรงในฐานะผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกฯ ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นพรรค พปชร. ถือว่าเดินมาถูกทาง ผ่านการเลือกตั้งตามครรลองประชาธิปไตย เป็นผลดีประเทศชาติสืบทอดภารกิจเพื่อชาติดีกว่าสืบทอดอำนาจ และเป็นทางเดินที่ดีกว่าเส้นทางนายกฯ คนนอก 
     ขณะที่นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน แกนนำกลุ่มสหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.) หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ได้โพสต์เฟซบุ๊กถึงเพจประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha ว่าได้เผยแพร่ข้อมูลทั้งภาพและเสียงของบุคคลที่ไม่เหมาะสม ใช้วาจาอารมณ์ร้อน ดูถูกชาวบ้าน บ้าอำนาจ และแสดงพฤติกรรมขัดต่อกฎหมายบ้านเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113 (ข้อหากบฏ) จึงขอเชิญชวนทุกท่านร่วมกันกด report เพจดังกล่าว เพื่อไม่ให้เป็นตัวอย่างที่ผิดแก่เยาวชนสืบต่อไป
     ทั้งนี้ หลังข้อความของนายพริษฐ์ถูกเผยแพร่ออกไป ผู้คนในโลกโซเชียลเข้าไปตำหนิการกระทำของนายพริษฐ์จำนวนมาก โดยส่วนใหญ่ระบุว่าประชาชนจะตัดสินเอง ไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาปลุกระดม พร้อมทั้งตำหนิว่านี่หรือนักประชาธิปไตย แต่ทำตัวยิ่งกว่าเผด็จการเสียอีก สิทธิขั้นพื้นฐานของคนอื่นยังไม่รู้จักเคารพ 
     นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า รัฐธรรมนูญปี 2560 มุ่งจัดการพรรคการเมืองขนาดใหญ่ เพื่อไม่ต้องการให้เกิดปรากฏการณ์ได้ที่นั่ง ส.ส.ในสภาเกินกว่าครึ่งอีกต่อไป ซึ่งพรรคเพื่อไทย (พท.) เมื่อปี 2554 ได้ 204 เขต แต่หากเป็นระบบใหม่ จะได้ไม่ถึง 204 เขต และจะไม่เหลือบัญชีรายชื่อแม้แต่ตำแหน่งเดียว ซึ่งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) เข้าใจรัฐธรรมนูญปี 2560 ว่าร่วมกันแพ้แยกกันจึงจะชนะ แล้วไปรวมกันตอนปลาย จึงแยกไปอยู่ถึง 5 พรรค และไม่มีใครออกมาพูดว่าใครจะไปแย่งคะแนนให้กับใคร
     "ทุกฝ่ายต่างทราบดีว่า ในแผ่นดินรัชกาลที่ 10 นั้น จะชุมนุมแบบเดิมอีกต่อไปไม่ได้ ดังนั้นจึงต้องเปลี่ยนเวทีไปสู้กันในสภา แต่หากยังเดินกันแบบเดิมคะแนนเสียงก็จะไม่ถึงครึ่ง เราจึงต้องดึงการเลือกตั้งครั้งล่าสุดออกไปจากสมอง และต้องวางแผนและแก้ไขไม่ให้ถูกจัดการได้ง่าย” นายจตุพรกล่าว
     วันเดียวกัน ยังคงมีข่าวความเคลื่อนไหวของนักการเมืองและพรรคการเมืองอย่างคึกคัก โดยนายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวถึงกระแสข่าวมีส่วนร่วมจัดตัวผู้สมัคร ส.ส.ในจังหวัดอุตรดิตถ์และภาคเหนือตอนล่างให้ พปชร. โดยยอมรับว่าได้ช่วยแนะนำให้กับพรรคการเมือง และเพื่อนพี่น้องที่รู้จักกันทุกพรรค ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหน เพราะเป็นที่รู้จักในพื้นที่ แต่ไม่มีอำนาจไปตัดสินใจว่าให้ใครลงสมัครรับเลือกตั้ง
     “เชื่อว่า สนช.ทุกคนมีวิจารณญาณไม่ทำอะไรขัดต่อบทบาทหน้าที่ของ สนช. เพราะมีประมวลจริยธรรม มีกรอบระเบียบและข้อบังคับ เชื่อว่าทุกคนที่เป็นข่าวคงคล้ายๆ กับผมคือแค่แนะนำให้คนมาเจอกัน”
สามมิตรปัดข่าวถูกทิ้ง
     นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกกลุ่มสามมิตรกล่าวถึงกระแสข่าวผู้ใหญ่ใน พปชร.ไม่อยากได้กลุ่มสามมิตรไปร่วมว่า ไม่เคยได้ยิน ซึ่งที่ผ่านมากลุ่มได้รับการชักชวนจากหลายกลุ่มการเมืองให้ไปร่วม แต่กลุ่มเห็นว่า พปชร.มีนโยบายที่ชัดเจน ตอบโจทย์พี่น้องประชาชนได้ จึงตัดสินใจเข้าร่วม ซึ่งกลุ่มก็มีอดีต ส.ส.จำนวนมาก และเป็นประเภทดาวฤกษ์ ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับ พปชร.ได้
     “พปชร.มีนโยบายด้านเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศดีมาก หากนำนโยบายของกลุ่มสามมิตรในเรื่องสร้างความเข้มแข็งให้กับพี่น้องเกษตรกร และการแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องคนยากคนจนไปร่วมด้วยแล้ว เชื่อว่าพรรคพลังประชารัฐจะครองหัวใจพี่น้องคนไทยทั้งประเทศแน่นอน” นายธนกรกล่าว
     ด้านความเคลื่อนไหวของพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) แกนนำพรรคได้เดินทางมายังที่ทำการพรรค เพื่อเตรียมงานประชุมใหญ่ในวันที่ 26 ต.ค. โดยนายวราวุธ ศิลปอาชา แกนนำคนรุ่นใหม่ ชทพ. กล่าวถึงกรณีมีข่าวว่า น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา จะมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค และนายประภัตร โพธสุธน เป็นเลขาธิการพรรค และจะมีนักการเมืองหลายกลุ่มมาร่วมเปิดตัวในวันที่ 26 ต.ค. ว่าก่อนหน้านี้อดีตนักการเมืองที่เป็นผู้ใหญ่ในวงการยังไม่มีความชัดเจนร่วมกับพรรค แต่ขณะชัดเจนพรรคจึงต้องปรับกระบวนทัพ ส่วนที่เคยชูคนรุ่นใหม่แล้วมาเปลี่ยนแปลงนั้น ก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องที่มีปัญหา 
     นายอนุทินกล่าวถึงแนวทางจัดส่งผู้สมัครพรรคว่าต้องเป็นผู้สมัครที่มีคุณภาพ ถ้าใครได้ไม่ถึง 2 หมื่นคะแนนหมดสิทธิ์ลงในระบบเขตที่มีโอกาสชนะการเลือกตั้ง เพราะขืนส่งลง ก็เหมือนไปหลอกประชาชน ส่วนผู้ลงสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อจะส่งลงสมัครเรียงตามลำดับความสำคัญของผู้สนับสนุนพรรค ซึ่งหากเกินลำดับที่ 10 ก็ไม่รับประกันว่าจะได้ ส.ส.แล้ว  เพราะพรรคเน้นชนะเขตเลือกตั้ง
     ส่วนนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) พร้อมคณะ ในช่วงเช้าได้เดินทางลงพื้นที่พบปะมวลชนและเปิดรับสมาชิกที่สนใจร่วมงานกับพรรคที่มูลนิธิครูทิม บุญอิ้ง อ.ชำนิ จ.บุรีรัมย์ ก่อนที่ช่วงบ่ายได้เดินทางไปที่ศูนย์ประสานงานพรรคที่เขตเทศบาลเมืองนางรอง ต.นางรอง อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ เพื่อพบปะสมาชิกและว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. และเปิดสาขาพรรคอนาคตใหม่จังหวัดบุรีรัมย์ (ชั่วคราว) 
     นายปิยบุตรกล่าวว่า ยังต้องลงพื้นอย่างต่อเนื่อง เพราะมีเวลาน้อยมาก และต้องหาสมาชิกให้มากที่สุด ซึ่งพรรคยืนยันชัดเจนหนักแน่นว่า คนที่มาร่วมต้องเห็นเหมือนกัน เราจะไม่ไปเอาคะแนน เอา ส.ส. หรือสมาชิกผ่านการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ เพราะถ้าทำอย่างนั้น วันหนึ่งมีพรรคอื่น มีคนอื่นมาทุ่มเงินดูด เขาก็จากไปได้
นพ.เรวัต วิศรุตเวช อดีตอธิบดีกรมการแพทย์ ในฐานะสมาชิกพรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า ในวันที่ 24 ต.ค. พรรคจะจัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2561 เพื่อเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคที่เซ็นทรัลเวสต์เกต 
     ทั้งนี้ มีรายงานว่าในวันดังกล่าวพรรคจะเปิดตัวกรรมการบริหารพรรคและสมาชิกพรรค อาทิ นายปิติพงศ์ เต็มเจริญ อดีต ส.ส.กทม.พรรคไทยรักไทย และในอดีตเลขานุการ รมว.ยุติธรรม สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ, นายสุวัตร สิทธิหล่อ อดีตปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์, นายวัชรา ณ วังขนาย อดีต ส.ส.นครราชสีมา พรรคชาติพัฒนา และนายพิทักษ์ สันติวงศ์สกุล อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคไทยรักไทย 
     นายศักดิ์ระพี พรหมชาติ ผู้ประสานงานพรรคเพื่อชาติ (พช.) กล่าวในวันจันทร์ที่ 19 พ.ย. เวลา 09.00 น. ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต พรรคจะจัดประชุมใหญ่สมาชิกเพื่อเลือกหัวหน้าพรรคและคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ รวมทั้งเปิดตัวคณะทำงานฝ่ายเศรษฐกิจ โดยขอย้ำว่า พรรคไม่ได้เป็นนอมินีพรรคเพื่อไทย เมื่อถึงคราวเลือกตั้งจะต่อสู้แข่งขันกันอย่างเต็มที่ ไม่มีฮั้ว ไม่ซูเอี๋ย หรือจะเป็นนอมินีให้ซึ่งกันและกัน เพราะหากทำอย่างนั้น จะผิดกฎหมายเข้าขั้นอาจทำให้ถูกยุบพรรคได้ 
รับรองพรรคกำนันแล้ว
     ด้าน พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวภายหลังการประชุม กกต.ว่า ที่ประชุม กกต.เห็นชอบให้นายทะเบียนพรรคการเมืองลงนามรับรองการขอจัดตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ที่มี ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล เป็นหัวหน้าพรรค พรรคเพื่อคนไทยที่มีนายวิทยา อินาสา เป็นหัวหน้าพรรค พรรคสยามพัฒนาที่มีนายบุญส่ง เกิดหลำ เป็นหัวหน้าพรรค และพรรคพลังปวงชนไทยที่มีนายนิคม บุญวิเศษ เป็นหัวหน้าพรรคให้เป็นพรรคการเมืองแล้ว 
     ก่อนหน้านี้ ในการประชุม กกต.เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กกต.ได้เห็นชอบให้นายทะเบียนพรรคการเมืองลงนามรับรองการขอจัดตั้งพรรคเพื่อนไทย ที่มีนายสิระ พิมพ์กลาง เป็นหัวหน้าพรรค และพรรคไทยศรีวิไลย์ ที่มีนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ เป็นหัวหน้าพรรค เป็นพรรคการเมือง และอยู่ระหว่างประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งคงเหลืออีก 15 พรรคการเมืองที่อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อมูล
     พ.ต.อ.จรุงวิทย์ยังกล่าวถึงการเปิดรับลงทะเบียนองค์กรที่จะมีสิทธิเสนอชื่อผู้สมัคร ส.ว.ว่า ในช่วง 23-24 ต.ค.นี้ เป็นโค้งสุดท้ายของการเปิดรับลงทะเบียนแล้ว จึงอยากให้องค์กรที่ประสงค์จะลงทะเบียนเตรียมเอกสารหลักฐานต่างๆ ให้ครบถ้วน เพื่อจะได้ไม่มีปัญหาในการยื่นลงทะเบียน และอยากจะให้มายื่นลงทะเบียนกันมากๆ เพื่อที่จะได้มีผู้สมัคร ส.ว.มีความรู้ความสามารถและมีความหลากหลายมาเป็น ส.ว.
     นายพีระศักดิ์กล่าวถึงกระแสข่าวสมาชิก สนช.วิ่งเต้นเพื่อตำแหน่ง ส.ว.ว่า กลไกการตั้งคณะกรรมการสรรหา 9-12 คนยังไม่เริ่ม ซึ่งฝ่าย คสช.บอกว่าน่าจะเริ่มหลังการแบ่งเขตการเลือกตั้งและรับสมัครแล้ว รูปแบบการสรรหาจึงยังไม่กำหนด แต่การพูดคุยกันเรื่องนี้คงมีอยู่แล้วเป็นธรรมชาติ เพราะ ส.ว.ค่อนข้างมีบทบาทสำคัญ คงห้ามใครไม่ได้ ซึ่ง สนช.มีประสบการณ์ในการทำหน้าที่นิติบัญญัติ แต่คงไม่ได้มีแค่ สนช.ที่เข้ามาเป็น ส.ว. คงจะมีบุคคลที่มีความสามารถจากส่วนอื่นมาด้วยตามกฎหมาย 
     "ยืนยันว่า คสช.ไม่ได้ส่งสัญญาณหรือพูดคุยกับผมถึง สนช.ที่พร้อมเป็น ส.ว.ต่อ และ คสช.เองก็คงยังไม่พูดคุยเรื่องนี้ตอนนี้ เพราะยังไม่ถึงเวลา จะทำให้เกิดแรงกระเพื่อมเปล่าๆ" นายพีระศักดิ์กล่าว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"