คำนับครูก่อนเปิดม่านโขนพระราชทาน ตอน“พิเภกสวามิภักดิ์”


เพิ่มเพื่อน    

 

     เพื่อความเป็นสิริมงคลก่อนเปิดม่านให้ชมความวิจิตรตระการตาของ “โขน มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ” ประจำปี 2561 ในตอน “พิเภกสวามิภักดิ์” ซึ่งจะแสดงระหว่างวันที่ 3 พ.ย.-5 ธ.ค.2561 คณะครู อาจารย์ ผู้อาวุโสด้านนาฏศิลป์ และนักแสดงกว่า 300 ชีวิต จึงได้จัดพิธีคำนับครูนาฏศิลป์ขึ้นเมื่อวันที่ 18 ต.ค.ที่ผ่านมา ณ วิทยาลัยนาฏศิลป สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม สำหรับพิธีคำนับครู เป็นพิธีไหว้ครูแบบโบราณของผู้เรียนนาฏศิลป์ หรือนักแสดงโขน แสดงความเคารพต่อครูผู้สอนวิชา และเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้กับนักแสดงทุกคน

 


    อาจารย์ประเมษฐ์ บุณยะชัย ผู้กำกับการแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ตอน “พิเภกสวามิภักดิ์" ในปีนี้ กล่าวว่า ในจารีตการเรียนการสอนของวิชานาฏศิลป์ไทย จะมีคุณธรรมสำคัญข้อหนึ่งที่จะต้องปลูกจิตสำนึกแก่ผู้เรียน คือความกตัญญูต่อครูบาอาจารย์ ทั้งครูบาอาจารย์ที่เป็นเทพเจ้า เพราะชาวนาฏศิลป์มีคติความเชื่อว่า ศาสตร์ด้านดนตรี นาฏศิลป์ ได้รับการสืบทอดมาจากเทพเจ้า แล้วก็บูชาครูอาจารย์ผู้ให้วิชาทั้งผู้อยู่ในอดีตและปัจจุบัน ส่วนในการไหว้ครูครั้งนี้เรียกว่า พิธีคำนับครู ซึ่งหมายถึงการไหว้ครูอย่างย่อๆ ที่ไม่ได้มีการประกอบพิธีมากมาย โดยมีครูผู้ใหญ่ ครูอาวุโส เป็นผู้กล่าวนำพิธีบูชาครู พร้อมทั้งขออนุญาตเริ่มต้นกิจกรรม ประสิทธิ์ประสาทพร ให้ทำงานประสบผลสำเร็จ ทั้งในเรื่องของการฝึกซ้อมการแสดง การต่อท่ารำ ให้เป็นสิริมงคลและขจัดอุปสรรคต่างๆ นอกจากนั้นอาจมีการถวายเครื่องสังเวย เช่น ขนม ที่นิยมคือ ขนมต้มแดง ขนมต้มขาว ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง และขนมนมเนย เท่าที่จะหาได้ แล้วก็ผลไม้ที่มีชื่อเป็นมงคล เช่น ขนุน กล้วย อ้อย ปัจจุบันนี้นิยมใช้ผลไม้ตามฤดูกาลเพื่อความสะดวก
    ผู้กำกับการแสดงกล่าวต่อว่า การที่ครูอาจารย์ทุกคนได้พานักแสดงมาร่วมคำนับครูครั้งนี้ ก็เพราะอยากให้เขาได้เห็นประเพณีโบร่ำโบราณ ถ้าไม่ทำตอนนี้ก็ไม่รู้จะได้เห็นอีกหรือไม่ และหลังจากพิธีคำนับครูแล้ว ลำดับต่อไปจะเป็นการซ้อมร่วมครั้งแรกของนักแสดงทั้งตัวพระ นาง ยักษ์ และลิง กว่า 300 ชีวิต เพราะที่ผ่านมาได้นำบทไปฝึกซ้อมกันเองตามวิทยาลัยนาฏศิลป พอซ้อมรวมแล้ว จากนั้นนักแสดงทั้งหมดต้องไปซ้อมใหญ่ที่เวทีจริง ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เพื่อซ้อมร่วมกับเทคนิคการแสดงสมัยใหม่ แต่ยังคงจารีตรูปแบบโขนหลวงโบราณไว้ ทั้งรอก สลิง แสง สี เสียงจริง และไฮไลต์ฉากต่างๆ เพื่อความสมบูรณ์แบบ และสร้างความประทับใจให้กับผู้ชมตลอดการแสดง อาทิ ฉากท้องพระโรงกรุงลงกา ที่สวยงามขึ้นด้วยการเพิ่มพระที่นั่งบุษบก, ฉากเรือสำเภาโล้ไปปล่อยพิเภกขึ้นฝั่ง

 


    ในส่วนของนักแสดง นายปพน รัตนสิปปกร นักศึกษาชั้นปี 1 จากวิทยาลัยนาฏศิลปลพบุรี ผู้รับบทเป็นพิเภก ตัวเอกของเรื่อง ได้เผยความรู้สึกว่า การแสดงครั้งนี้พิเภกจะเป็นตัวหลักของเรื่อง ซึ่งที่ผ่านมายังไม่มีผู้ใดนำเรื่องราวของพิเภกไปแสดงเป็นตอนหลัก ทุกครั้งที่มีการแสดงโขน มักจะมีผู้คนถามว่าทำไมพิเภกต้องอยู่กับพระราม ซึ่งในเรื่องนี้ก็จะได้ชมกัน โดยจะเล่นตั้งแต่การเล่าเรื่องว่าทำไมไปอยู่กับพระราม จนถึงโดนขับไล่ และหลังขับไล่ การต่อสู้ต่างๆ ผสานมุกตลกบ้าง ซึ่งถือเป็นความยิ่งใหญ่และแปลกใหม่มาก เพราะพิเภกมีหลายบทบาท หลายอารมณ์ หลายเรื่องราวในตอนเดียว มีทั้งเศร้า โกรธ ในบทบาทของพิเภก ตนมองว่าแม้จะมีหลายอารมณ์ แต่บางครั้งก็แสดงออกมากไม่ได้ เพราะว่าไม่ได้มีฤทธิ์ พลังอะไรจะสู้กับเขา อีกทั้งความแปลกใหม่ของตอนนี้ องก์แรกที่โดนขับไล่ออกจากเมือง พิเภกจะต้องถอดมงกุฎ เหมือนเป็นการยึดทรัพย์สมบัติ ให้ไปแต่ตัว ซึ่งไม่มีที่ไหนแน่นอนที่จะได้รู้เรื่องราวที่ละเอียดเช่นนี้
    นายปพนกล่าวต่อว่า การแสดงโขนปีนี้เป็นครั้งแรกที่ได้รับบทเด่น หลังจากปีที่ผ่านๆ มาเคยมาออดิชั่นเพื่อจะร่วมแสดงด้วย แต่ก็ไม่ผ่านเข้ารอบบ้าง ได้รับบทเล็กๆ บ้าง แต่ไม่ได้รู้สึกแย่อะไร เพราะบททุกบทมีความสำคัญ เพียงแค่ได้เข้ามาแสดงก็ถือเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตแล้ว เพราะฉะนั้นจึงมีความกดดัน ต้องทำการบ้านอย่างหนักหน่วง ไม่ว่าจะโดยการไปดูวิดีโอ พบว่าบทพิเภกมีน้อย ก็ต้องไปอ่านพระราชนิพนธ์ของ ร.1-ร.2 และ ร.6 ว่าเขียนไว้อย่างไร บทและอารมณ์เป็นอย่างไร ในพรราชนิพนธ์จะบอกเรื่องราวมากพอสมควร ตนฝึกซ้อมอยู่สม่ำเสมอ ท่องบทสำคัญ เพราะเหมือนกับการเล่นเอ็มวี แม้เราไม่ได้พูด แต่เราก็ต้องท่องจำบทให้ได้ ถึงจะรู้ฉาก รู้จังหวะ เพื่อให้แสดงออกมาได้ดี ถือว่ายากพอสมควร เพราะการอยู่ในหัวโขนจะมีเพียงรูเล็กๆ ที่สายตาเราสามารถมองเห็น รอบข้างเราจะไม่เห็นอะไร การได้ยินก็น้อยลง ทั้งยังมีการแต่งตัวที่แน่น มีความกดดันมากในเรื่องที่จะต้องตั้งสติให้ดี

 


    ด้านนางสาวสุภาพร เปี่ยมนงนุช นักศึกษาชั้นปีที่ 4 วิทยาลัยนาฏศิลปลพบุรี ผู้รับบท นางตรีชฎา กล่าวว่า ตรีชฎาเป็นภรรยาพิเภก เมื่อพิเภกถูกขับไล่ออกจากเมือง หัวใจของตรีชฎาผู้รักสามีก็ต้องเศร้า เสียใจหนักเป็นธรรมดา แต่ไม่ได้ออกจากเมืองไปกับสามี เพราะจะไปลำบากกันหมด นางตรีชฎาก็ต้องดูแลลูกด้วย แม้ใจจะสลายเพราะคิดถึงสามีก็ตาม เพราะฉะนั้นบทบาทของตนจึงต้องแสดงอารมณ์ให้รู้สึกเศร้า เสียใจ เหมือนต้องลาจากสามีจริงๆ ความยากอยู่ที่การต้องทำให้คนดูคล้อยกับอารมณ์ที่ตนแสดงออกมา รู้สึกกดดันเหมือนกัน เพราะเป็นปีแรกที่ได้รับบทที่โดดเด่น หลังจากที่เคยออดิชั่นมา แต่ไม่เคยได้รับบทหลักๆ เลย ดังนั้นจึงต้องพยายามทำหน้าที่ตนเองให้ดี เพราะทุกคนต้องจับตามองอยู่แล้ว ถ้าตนเล่นไม่ดี คนดูก็จะสงสัยว่ามารับบทนี้ได้อย่างไร แต่ถ้าเล่นได้ดี คนก็จะชมว่าเหมาะสมที่ได้มารับบทนี้ ตนก็ต้องทำการบ้านอย่างหนัก ทั้งดูยูทูบ ดูอารมณ์ว่าเขาเล่นอย่างไร แล้วตนก็คิดว่าต้องเล่นให้ดีกว่าเขา และก็อ่านบทละคร บทพระราชนิพนธ์ ทำการบ้าน ทำซีนอารมณ์ว่าจะทำอย่างไรให้เศร้า เสียใจที่สุด
    “การได้รับบทแสดงครั้งนี้เหมือนได้รับใช้ใต้เบื้องยุคลบาท และรับใช้พระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ หนูเป็นเด็กรุ่นใหม่ การได้เรียนนาฏศิลป์แล้วได้เข้ามาแสดงโขนมูลนิธิฯ ถือว่าได้เป็นผู้สืบสาน ก็รู้สึกดีใจมาก หนูก็จะทำอย่างเต็มที่ไม่ให้เสียชื่อสถาบัน และครูผู้ไว้วางใจให้โอกาสหนูรับบทนี้ ก็อยากให้ทุกคนหันมาสนใจวรรณคดีไทยมากขึ้น และก็มาสนใจโขนมากขึ้น เพราะถ้าเราไม่สนใจก็ไม่มีใครสืบสานแล้ว โขนเป็นวัฒนธรรมไทย เวลาที่ต่างชาติมองไทย เขาต้องมองเรื่องมรดกอย่าง โขน วัดวาอารามอยู่แล้ว ก็อยากให้ช่วยกันสืบสานให้อยู่คู่คนไทยไปนานๆ” นางสาวสุภาพรกล่าว


    อย่างไรก็ตาม สำหรับการแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ กำหนดจัดแสดงระหว่างวันที่ 3 พฤศจิกายน-5 ธันวาคม 2561 ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ผู้สนใจสามารถซื้อบัตรเข้าชมได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ที่ไทยทิคเก็ต เมเจอร์ ทุกสาขา โทร.0-2262-3456 หรือ www.thaiticketmajor.com บัตรราคา 420, 620, 820, 1,020, 1,520 และ 1,820 บาท รอบนักเรียน นักศึกษา บัตรราคา 200 บาท (หยุดการแสดงทุกวันจันทร์) ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook: Khon Performance โขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ.

 


 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"