ซํ้าซาก!รถตู้ชนไฟท่วมคลอก9ศพ


เพิ่มเพื่อน    

    สลด! เกิดอุบัติเหตุรถชนอย่างรุนแรงวันเดียว 3 ราย "อยุธยา" หนุ่มชัยภูมิขับเก๋งฝ่าสายฝนชนราวสะพานเสียชีวิต 6 ราย "กำแพงเพชร" รถตู้ขนแรงงานเมียนมาชนต้นไม้ไฟลุกท่วมคลอก 9 ศพ บาดเจ็บ 6 ราย  "หนองคาย" พาครอบครัวไหว้พระรถเสียหลักตกห้วยน้ำลึก 10 เมตร เสียชีวิต 4 ราย  
    เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ได้เกิดอุบัติเหตุรถชนอย่างรุนแรงใน 3 พื้นที่ จนมีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก โดยตั้งแต่เวลา 03.30 น. พ.ต.ท.พรนรินทร์ เปรื่องกระโทก สว.สอบสวน สภ.พระอินทร์ราชา อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถชนราวสะพานข้ามคลอง 1  กม.53-50 ถนนพหลโยธินขาออก กทม. บนถนนด้านล่างใกล้ต่างระดับบางปะอิน จุดถนนทางเชื่อมระหว่างวางแหวนตะวันตกกับถนนพหลโยธิน หมู่ 9 ต.เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก จึงพร้อมด้วยมูลนิธิป่อเต๊กตึ๊งพุทไธศวรรย์ ไปยังที่เกิดเหตุ บริเวณก่อนถึงสะพานข้ามคลอง เป็นถนนคู่ขนาน พบรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อฮอนด้าแจ๊ส สีฟ้า หมายเลขทะเบียน กต 583 ชัยภูมิ ชนกับราวสะพานตกลงไปในคลอง
    ในที่เกิดเหตุพบผู้เสียชีวิตกระจัดกระจายบนถนนและตกลงไปในร่องน้ำรวมทั้งสิ้น 6 ราย ทราบชื่อต่อมา นายภาคภูมิ  สีดอกไม้ อายุ 25 ปี บ้านเลขที่ 33 หมู่ 7 ต.ห้วยบง อ.เมืองชัยภูมิ จ.ชัยภูมิ เป็นผู้ขับขี่, นายทศวัฒน์ ไพศาลพันธ์ อายุ 23 ปี บ้านเลขที่ 132 หมู่ 7 ต.ห้วยบง อ.เมืองชัยภูมิ จ.ชัยภูมิ, นายแสงสุรีย์ บุญคุ้ม อายุ 29 ปี  บ้านเลขที่ 96 หมู่ 7 ต.ห้วยบง อ.เมืองชัยภูมิ จ.ชัยภูมิ,   นายพีระพงษ์ โพธิระ อายุ 24 ปี บ้านเลขที่  59 หมู่ 7 ต.ห้วยบง อ.เมืองชัยภูมิ จ.ชัยภูมิ, น.ส.สุวิสา ประดุจชนม์ อายุ 31 ปี บ้านเลขที่ 20 หมู่ 10 ต.ตรำดม อ.ลำดวน จ.สุรินทร์ และ น.ส.รวิวรรณ เลางาม อายุ 20 ปี บ้านเลขที่  52 หมู่ 9 ต.หนองปลิง อ.หนองแค จ.สระบุรี นำส่ง รพ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา
    สอบสวนทราบว่า นายภาคภูมิได้ขับรถยนต์คันเกิดเหตุโดยมีเพื่อนๆ นั่งมาในรถอีก 5 คน วิ่งมาตามถนนที่เกิดเหตุ ใช้ช่องทางขวาสุด ขณะมาถึงบริเวณที่เกิดเหตุ รถได้วิ่งผ่านบริเวณที่มีน้ำท่วมขัง เนื่องจากก่อนหน้านี้มีฝนตกลงมาต่อเนื่อง ทำให้รถเสียการทรงตัวและเสียหลักวิ่งพุ่งชนคอสะพานข้ามคลอง 1 อย่างแรง จนรถพลิกคว่ำลงร่องสะพาน ตกลงไปในคลองพังเสียหายทั้งคัน โดยในที่เกิดเหตุพบผู้เสียชีวิตด้านบน 3 ราย และตกลงไปในน้ำ 3 ราย ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ส่งศพให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ตรวจพิสูจน์อีกครั้ง
    ส่วนที่ จ.กำแพงเพชร เวลา 06.00 น. ร.ต.ท.ชัชชานนท์ สนิทมาก รอง สว.สอบสวน สภ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร พร้อมหน่วยกู้ภัยสว่างกำแพงเพชรธรรมสถาน ต่างระดมเจ้าหน้าที่ไปยังที่เกิดเหตุถนนพหลโยธิน บริเวณโรงสีคงเดช ต.ท่าพุทรา อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร ซึ่งมีรถตู้ประสบอุบัติเหตุเสียหลักชนอยู่กับต้นไม้ข้างทาง และมีไฟลุกท่วม เป็นรถตู้โดยสารหมายเลขทะเบียน 33-2779 กรุงเทพมหานคร โดยถนนสายดังกล่าวเป็นถนนสายหลักพหลโยธินจากจังหวัดนครสวรรค์ มุ่งหน้าขึ้นสู่ทางภาคเหนือ เป็นช่วงรอยต่อของอำเภอคลองขลุงกับอำเภอเมืองกำแพงเพชร
    เจ้าหน้าที่ได้นำรถดับเพลิงมาฉีดสกัดเพลิงไหม้ไว้ได้ แต่ไฟก็เผาไหม้รถวอดไปทั้งคัน ภายในห้องโดยสารเจ้าหน้าที่กู้ภัยนำเครื่องมือตัดถ่างตัดตัวถังรถดังกล่าว พบผู้เสียชีวิตถูกไฟไหม้ดำเป็นตอตะโกนอนกองรวมกัน 9 ราย เป็นชาย 4 ราย หญิง 5 ราย และมีผู้บาดเจ็บจำนวน 6 ราย ซึ่งร่างคนขับรถตู้คันดังกล่าวเสียชีวิตอยู่ในรถด้วย  เจ้าหน้าที่ได้ช่วยกันดับไฟที่ไหม้รถ ก่อนจะนำคนเจ็บส่งโรงพยาบาลคลองขลุงอย่างเร่งด่วน โดยผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บเป็นแรงงานชาวเมียนมา 14 ราย คนไทย 1 ราย รวม 15 ราย เบื้องต้นยังไม่ทราบชื่อและที่อยู่ที่ชัดเจน
    สอบสวนทราบว่า รถตู้คันดังกล่าววิ่งฝ่าสายฝนเพื่อนำผู้โดยสารชาวเมียนมาไปส่งที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก พอมาถึงจุดเกิดเหตุ คาดว่า รถเสียหลักหรือคนขับหลับใน จึงไปชนกับต้นไม้ใหญ่ข้างทางเกิดประกายไฟลุกไหม้ทันที ทำให้ผู้โดยสารที่อยู่ในรถซึ่งอาจจะนอนหลับอยู่หรืออาจจะหมดสติไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ถูกไฟคลอกเสียชีวิต 
    ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. รับทราบเหตุดังกล่าวแล้ว และได้กำชับให้เร่งพิสูจน์ศพผู้เสียชีวิตโดยเร็ว พร้อมทั้งประสานเรื่องการเยียวยาผู้เสียชีวิตและผู้ที่ได้รับบาดเจ็บอย่างรวดเร็วตามสิทธิที่พึงได้ รวมทั้งประสานไปยังสถานทูตเมียนมา ประจำประเทศไทย เพื่อแจ้งให้ญาติทราบ 
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้เสียชีวิต 9 ราย ประกอบด้วย 1.Mr. Htet Min หนังสือเดินทางเลขที่ CC701458 2. Mr. Thar หนังสือเดินทางเลขที่ CC7014608 3.Mr. Nay Htet Lin หนังสือเดินทางเลขที่ MB254336 4. Ms. Zin Zin Mar หนังสือเดินทางเลขที่ MB996546 5.หญิงเมียนมา ไม่ทราบชื่อ 6.หญิงเมียนมา ไม่ทราบชื่อ 7.หญิงเมียนมา ไม่ทราบชื่อ 8.หญิงเมียนมา ไม่ทราบชื่อ 9.หญิงเมียนมา ไม่ทราบชื่อ 
    ที่ จ.หนองคาย เวลา 10.00 น. พ.ต.ต.เนติพงษ์ จำนงนิตย์ สว.สอบสวน สภ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถเก๋งตกน้ำมีผู้ติดอยู่ภายในรถ บริเวณห้วยลาน ริมถนนทางเข้าบ้านท่าเจริญ หมู่ 9 ต.น้ำโมง จึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบนายพงษ์พันธ์ ไสแสง อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 310 หมู่ 13 ต.น้ำโมง อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย นั่งร้องไห้อยู่ริมถนน โดยทราบว่าเป็นคนขับรถเก๋งฮอนด้า บีอาร์วี สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน 7 กบ 2946 กรุงเทพมหานคร ที่ตกลงไปในน้ำห้วยลาน ระดับน้ำในห้วยลึกประมาณ 8-10 เมตร 
    เจ้าหน้าที่กู้ภัยลงน้ำงมหารถยนต์ที่เกิดเหตุ พบรถหงายท้องล้อชี้ฟ้าอยู่ใต้น้ำ ประตูรถฝั่งคนขับเปิดออก พบศพผู้เสียชีวิตอยู่ในน้ำ 4 ศพ จึงช่วยกันนำร่างผู้เสียชีวิตออกจากรถ ทราบชื่อคือ นางทอง มุ่งพึ่งกลาง อายุ 65 ปี, นางแพร มุ่งพึ่งกลาง อายุ 53 ปี, ด.ช.นฤเบศ ไสแสง อายุ 3 ขวบ และนางอิงอร ไสแสง อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 310 หมู่ 13 ต.น้ำโมง ซึ่งศพนางอิงอรไม่อยู่ภายในรถ เจ้าหน้าที่ต้องงมหาในน้ำอีกรอบจึงนำตัวขึ้นมาได้ คาดว่าจะพยายามออกมาจากรถได้ แต่ขึ้นจากน้ำไม่ได้ทำให้จมน้ำเสียชีวิต 
    นายพงษ์พันธ์ให้การว่า ไปทำงานที่กรุงเทพฯ เดินทางกลับมาเยี่ยมครอบครัวที่บ้านเพื่อจะมารับภรรยา คือ นางอิงอร และ ด.ช.นฤเบศ ลูกชายไปอยู่ด้วยกันที่กรุงเทพฯ และเพิ่งจะออกรถคันใหม่ได้ 6 เดือน เมื่อรับประทานอาหารเสร็จ จึงชวนภรรยา ลูกชาย พร้อมด้วยนางแพร แม่นางอิงอร และนางทอง ยายของนางอิงอร ขึ้นรถจะไปไหว้พระขอพรที่วัดศรีชมภูองค์ตื้อ บ้านน้ำโมง แต่พอมาถึงที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นทางตรงและมีห้วยลานอยู่สองข้างทางก็เหลือบไปมองด้านซ้ายมือ เพราะเห็นอะไรผิดสังเกต ทำให้รถเสียหลักพุ่งลงไปในน้ำแล้วพลิกคว่ำ ก่อนที่จะออกจากรถมาได้และตะโกนให้คนช่วยทุกคนในรถ แต่ไม่ทันเวลา
    วันเดียวกัน สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ได้รายงานสภาพอากาศและฝนว่า พายุดีเปรสชันบริเวณอ่าวไทย ได้เคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณ อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ แล้วเมื่อเวลา 22.00 น. ของวันที่ 20 ต.ค. และได้อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ช่วงวันที่ 23-26 ต.ค.61 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนลดลง ส่วนภาคเหนือ ภาคกลางตอนล่างและภาคตะวันออก และภาคใต้ยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคใต้ 
    "วันนี้มีพื้นที่เสี่ยงฝนตกหนักมาก 10 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี และพังงา ปริมาณฝนสะสม 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีฝนตกหนักถึงหนักมาก 7 จังหวัด ได้แก่ กำแพงเพชร สุพรรณบุรี นครปฐม ราชบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และพังงา" สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติระบุ. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"