รัฐบาลหลายประเทศกดดันซาอุดีอาระเบียเปิดเผยข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการสังหาร จามัล คาช็อกกี นักข่าวอาวุโสชาวซาอุฯ ภายหลังทางการซาอุฯ ยอมรับเมื่อวันเสาร์ว่าเขาโดนฆ่าตายแล้ว แต่ยังไม่ยอมตอบตอบว่าศพของเขาอยู่ที่ใด

แฟ้มภาพ เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2561 ผู้ประท้วงชูภาพของจามัล คาช็อกกี ขณะชุมนุมหน้าสถานกงสุลซาอุดีอาระเบียในนครอิสตันบูลของตุรกี / AFP

    จามัล คาช็อกกี คอลัมนิสต์ของหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์หายตัวไปภายหลังเดินเข้าไปในสถานกงสุลซาอุดีอาระเบียประจำนครอิสตันบูลของตุรกีเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2561 โดยตุรกีระบุว่าเขาโดนฆ่าหั่นศพภายในสถานกงสุลแล้วถูกนำศพไปทิ้งด้านนอก สื่อของตุรกีที่หนุนหลังรัฐบาลรายงานด้วยว่า ตุรกีมีวิดีโอและเทปบันทึกเสียงที่สนับสนุนคำกล่าวหานี้ แต่ทางการซาอุฯ ยืนกรานปฏิเสธมาโดยตลอด  อ้างว่าคาช็อกกีออกจากสถานกงสุลไปแล้ว และยังยอมให้ตุรกีเข้าตรวจค้นด้วย ทว่าเมื่อวันเสาร์ที่ 20  ตุลาคม เจ้าหน้าที่รัฐบาลซาอุดีฯ แถลงยอมรับว่าคาช็อกกีโดนฆ่าตายแล้วจริง

    คำแถลงของซาอุฯ อ้างว่า นักข่าววัย 60 ปีรายนี้โดนฆ่าตายขณะเกิดเหตุ "ทะเลาะวิวาท" กับเจ้าหน้าที่ภายในสถานกงสุล แต่คำชี้แจงของทางการซาอุฯ ซึ่งรวมถึงการไม่มีศพของเขามายืนยัน ยิ่งเพิ่มข้อสงสัยและทำให้รัฐบาลหลายประเทศ รวมถึงชาติพันธมิตรสำคัญของซาอุฯ ตำหนิ

    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าวเมื่อวันเสาร์ว่า เขาไม่พอใจคำอธิบายนี้ของซาอุฯ  ขณะที่สหภาพยุโรป, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, อังกฤษ, ออสเตรเลีย, แคนาดา และองค์การสหประชาชาติต่างเรียกร้องคำตอบที่ชัดเจนกว่านี้ ส่วนรัฐบาลตุรกีประกาศว่าจะเปิดเผยรายละเอียดผลการสอบสวนของตุรกีทั้งหมด

    เรื่องอื้อฉาวที่เกิดขึ้นกับนักข่าวรายนี้ทำให้ราชวงศ์ซาอุดตกเป็นเป้าหมายของการวิพากษ์วิจารณ์  คาช็อกกีเคยเป็นบุคคลใกล้ชิดกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาล แต่ระยะหลังเขามักวิจารณ์นโยบายของเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารซาอุดีอาระเบียผู้พยายามสร้างภาพพจน์ของเชื้อพระวงศ์สมัยใหม่หัวปฏิรูป โดยเฉพาะนโยบายการแทรกแซงประเทศเพื่อนบ้าน

    ไมเคิล สตีเฟนส์ ผู้เชี่ยวชาญด้านตะวันออกกลางจากสถาบันรอยัลยูไนเต็ดเซอร์วิสเซสในกรุงลอนดอน ให้ทัศนะกับเอเอฟพีว่า เรื่องอื้อฉาวนี้ส่งผลสะเทือนเลื่อนลั่นต่อการเมืองในตะวันออกกลางที่สุดนับตั้งแต่การลุกฮืออาหรับสปริง

    ในคำแถลงของอัยการสูงสุด เชค ซาอุด อัลโมเจบ เมื่อวันเสาร์ เขาประกาศด้วยว่าตำรวจได้จับผู้ต้องสงสัยชาวซาอุฯ 18 ราย และเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่ถวายงานเจ้าชายโมฮัมเหม็ด 2 คนถูกปลดพร้อมกับเจ้าหน้าที่ข่าวกรองอีก 3 คน.