แฟนคลับช็อก!‘เต็งหนึ่ง บี-โอ-วาย’ยอมรับ’เป็นเกย์’


เพิ่มเพื่อน    

 

          ถือเป็นข่าวช็อควงการบันเทิงไทยอีกข่าว เมื่อนักร้อง-นักแสดงหนุ่ม เต็งหนึ่ง-คณิศ ปิยะปภากรกุล อดีตสมาชิกวง บี-โอ-วาย ได้ออกมาทำคลิป โดยเนื้อหาได้ยอมรับว่าเป็นเกย์ แถมยังได้เล่าถึงวินาทีที่เปิดเผยกับคุณแม่ว่าตนเองนั้น มีรสนิยมทางเพศชอบผู้ชาย ซึ่งในตอนนี้เจ้าตัวได้ใช้ชีวิตอยู่ที่ปักกิ่ง ประเทศจีน เพื่อเรียนภาษา และจะกลับมาเมืองไทยในปลายปีที่จะถึงนี้

          โดยในคลิปมีข้อความประมาณว่า ”เป็นคลิปแรกเลยอยากพูดเรื่องที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์มาเป็น 10 ปีแล้ว มีหลายคนสงสัยมาตลอด “ผมเป็นเกย์นะครับ” แต่ว่าสิ่งหนึ่งที่ผมอยากจะบอก คือ หลังจากที่พูดว่าผมเป็นเกย์ หลังจากนี้ไปที่ทุกคนได้ดูวิดีโอคลิปนี้ อยากจะบอกว่าผมจะยังเหมือนเดิม การใช้ชีวิตก็ยังเหมือนเดิม ยังมีความสุขกับสิ่งที่ผมทำเหมือนเดิม ผมรู้สึกว่าคนหลายๆ คน ยังคิดว่าคำนี้จะทำให้คนเราเปลี่ยน แต่ผมรู้สึกว่ามันไม่เคยเปลี่ยน เพราะว่าเรารู้ตัวเองดีมาตลอด ว่าตัวเราคือใคร เราชอบอะไร มีความสุขกับอะไร ทำไมเราจะไม่รู้ตัวเองถูกไหมครับ ดังนั้นหลังจากที่เราพูดไปแล้วมันก็เหมือนเดิมครับ ชีวิตเราก็ยังต้องเดินหน้าต่อไป เราก็ยังสามารถใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้

          วินาทีที่บอกกับคุณแม่ครับ ที่ว่า”แม่ครับผมเป็นเกย์” จริงๆ แล้วไม่ได้มีโมเมนต์อะไรยิ่งใหญ่เลย ไม่เหมือนคนอื่นที่อาจจะโทรไปบอก หรืออัดวีดีโอตอนนี้ สำหรับผมก็เป็นวันธรรมดาเลยครับ จริงๆ ที่ไม่ธรรมดาสักเท่าไหร่ เพราะเป็นวันที่เราอกหัก ผมมีแฟนเป็นผู้ชาย เราก็เริ่มคบกัน เขาก็เข้ามาอยู่ในครอบครัวเสมือนเป็นลูกชายคนหนึ่งของคุณแม่ ซึ่งคุณแม่ผมค่อนข้างเป็นคนหัวสมัยใหม่ อาจจะเป็นเพราะเราผ่านเรื่องรายๆ ในชีวิตกันมาเยอะ พอมาวันที่เราสบายมากขึ้น หาเงินได้มากขึ้น หรือผมโตมากขึ้น คุณแม่ก็เป็นเหมือนเพื่อนผมได้เลย ตอนนั้นผมกับแฟนก็ไปไหนมาไหนด้วยกัน ไปเที่ยวกันคุณแม่ก็จะไปด้วย ผมไปนั่งปาร์ตี้กับเพื่อนๆ ที่เรียนรามมาด้วยกันผมก็ชวนแฟนผมไปด้วยแล้วผมก็ชวนคุณแม่ผมไปด้วย ไปทานไวน์ด้วยกัน แฟนผมเมาคุณแม่ก็ช่วยดูแล เป็นเหมือนลูกชายอีกหนึ่งคน

 

 

          จนวันหนึ่งที่เรามีปัญหากัน เราก็เลิกกันไป คุณแม่ก็คงสังเกตเห็น ผมก็เศร้ามากพอสมควร ตอนนั้นอายุ 25-26 ประมาณนั้น ผมเฮิร์ทหนักมาก จนมีวันหนึ่งที่มันไม่ไหว คุณแม่นั่งดูทีวีอยู่ เราก็พยายามที่จะยิ้ม จะหัวเราะให้มันดีที่สุดที่จะทำได้ในตอนนั้น แต่เรากลับร้องไห้หนักมาก แม่ก็ถามว่าสาเหตุที่ร้องไห้เพราะลูกชายแม่อีกคนใช่ไหม ผมก็บอกว่าใช่ “แม่รู้ใช่ไหมว่าเราเป็นแฟนกัน แม่ก็บอกว่าแม่ก็รู้ รู้มาตลอด” คำนึงที่ท่านพูดผม”ครอบครัวเราผ่านเรื่องร้ายๆ มาเยอะ ดังนั้นเรื่องนี้มันก็เป็นเหมือนบทพิสูจน์ที่ว่า มันไม่มีเรื่องไหนที่จะมาทำลายพวกเราได้ มันไม่มีเรื่องที่ไหนที่มันจะมาทำลายความรักที่แม่มีให้กับลูกได้”

          ในตอนนั้นถามว่าเสียใจไหมที่เลิกกับแฟนก็เสียใจ แต่มันก็ผสมกันไป น้ำตาที่ออกมาก็เป็นน้ำตาของความดีใจด้วย เราได้ทำความเข้าใจกับคุณแม่แล้ว ได้บอกคุณแม่แล้วว่าเรา มีรสนิยมทางเพศคือเราชอบผู้ชาย ซึ่งมันผ่านมาหลายปีแล้วครับ ประมาณ 6 ปีที่แล้ว ผมก็อยากจะบอกกับหลายๆ คนว่าสำหรับเรื่องของการเปิดเผยตัวคน ผมรู้สึกว่าในชีวิต คนเราสามารถแตกต่าง คนเราสามารถที่จะมีความหลากหลายในความความรู้สึกของตัวเองได้ หลาย ๆ คนที่เคยเห็นข่าวผมก็เคยมีแฟนเป็นผู้หญิง ซึ่งถามว่าทุกอย่างเกิดขึ้นจากความรักไหม ผมบอกได้เลยว่ามันเกิดขึ้นจากความรักแน่นอน แต่ว่าตอนนั้นมันเด็กมาก คนเราเติบโตขึ้นมาเราสามารถที่จะเปลี่ยนความคิดอะไรได้อีกเยอะมาก ซึ่ง ณ โมเมนต์นั้นผมยังยืนยันว่านั่นคือความรัก ผมรู้สึกว่าชีวิตผมมันง่ายกว่านั้น มันไมได้มีอะไรซับซ้อนอย่างที่ทุกคนวิพากษ์วิจารณ์ เราสามารถเข้าใจอะไรได้ง่ายกว่านั้น เราไม่ได้มีอะไรลับคมคมในอะไรเยอะ

          สำหรับวงการบันเทิงไทยผมรู้สึกว่าการเปิดเผยตัวตนหรือรสนิยมทางเพศมันค่อนข้างที่จะแคบประมาณหนึ่ง มันก็ไม่ได้เปิดกว้างมากพอ แต่ ณ เวลานี้ที่ผมโตแล้ว จนอายุ 31 แล้ว ผมรู้สึกว่าผมค่อนข้างจะพร้อมกับการรับฟังการวิจารณ์จากคนภายนอกที่เข้ามาสู้ตัวเรา แล้วผมก็โตมากพอ ผมมองโลกในแง่ดีพอที่จะยิ้มกับคนที่วิพากษ์วิจารณ์เราในแง่ลบหรือแม้กระทั่งที่จะหัวเราะหรือยิ้มไปกับสิ่งต่างๆ ที่มันทำร้ายจิตใจเราอยู่บ้าง แต่ผมจะไม่เสียใจที่เขาวิจารณ์ผมว่าเป็นเกย์ ผมจะขัดใจว่าทำไมคนเหล่านั้นเขาไม่เห็นความแตกต่างในด้านนิสัยมากกว่า

 

 

          ผมมองว่าการเป็นเกย์ของผมมันไม่ได้ทำร้ายใคร ณ วันนี้ผมมีความสุขกับการเป็นตัวของตัวเอง ครอบครัวผมมีความสุข ผมสามารถทำให้ที่บ้านมีความสุขได้ พวกเรามีความสุขกัน นั่นคือสิ่งที่ผมรู้สึกว่าผมมีความสุขที่สุดแล้ว ส่วนคนอื่นๆ อย่างเช่น คนในอินเตอร์เน็ต หรือคนที่จะวิพากษ์วิจารณ์หลังจากที่ได้ดูวีดีโอนี้นะครับ มันก็เป็นสิทธิ์ของคุณ บางครั้งคุณพิมพ์อะไรไปบนอินเตอร์เน็ต ผมอยากให้คิดเยอะๆ การที่จะวิพากษ์วิจารณ์ใครเราเริ่มต้นไปทำร้ายคนอื่นจากคำพูด ถ้าคนอื่นมาทำร้ายเราจากคำพูดบ้างมันก็อาจจะเป็นวันที่เราเสียใจที่สุดเหมือนกัน

          ส่วนเรื่องการเป็นเกย์ของผมนะครับ ตอนนี้ผมก็ โสดนะครับ ไม่มีแฟน จริงๆ ก็ไม่มีแฟนมานานพอสมควรแล้ว รู้สึกว่าตอนนี้มันเป็นช่วงเวลาของความสุขส่วนตัว เรามีความสุขกับการเรียนอะไรใหม่ๆ ตอนนี้ก็มีความสุขกับการเรียนภาษาจีน เรียนภาษาอังกฤษ เรายังอยากมีโอกาสทำอะไรอีกเยอะเยอะ มีเป้าหมายที่เกี่ยวกับภาษาทั้งสองภาษาที่เราเรียนมา รวมถึงเรามีความสุขเกี่ยวกับการทำอาหาร ทำขนม คิดอะไรใหม่ ๆ มันก็เลยเวลาก็หมดไปกับการทำความสุขส่วนตัวเยอะไปหน่อย ก็เลยยังโสดอยู่ และไม่ต้องไปหานะครับว่าคนในชีวิตผมเป็นใคร เพราะตอนนี้ผมไม่มีนะครับ แล้วถ้าวันหนึ่งที่เราพร้อมนะครับ เดี๋ยวเราก็จะมีคนดีๆ ที่เข้ามาทำให้เรามีความสุขขึ้นไปกว่านี้เอง ฝากถึงทุกๆ คนนะครับว่าให้เป็นตัวเองดีทีสุดครับ

 

 

 

ขอบคุณภาพประกอบจากอินสตาแกรม @teng1

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"