19 ต.ค. 61 -  นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แถลงข่าวผ่านรายการ "ห้องข่าวเล่าเรื่องเที่ยง" ทางสถานีโทรทัศน์พีซทีวี ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีเวบไซต์ไทยโพสต์ เมื่อ 18 ต.ค. เสนอข่าวมีเนื้อหาสำคัญว่า'พรรคจตุพร-ยงยุทธ'พร้อมหักเพื่อไทย!ร่วมรัฐบาลพปชร.หนุน'บิ๊กตู่'นั่งนายกฯ 

“ผมเชียร์พรรคเพื่อชาติ เพราะมีจุดยืนประชาธิปไตย ไม่เอาเผด็จการ 100% และผมเป็น ประธาน นปช. อยู่ฝ่าย ประชาธิปไตย จะมีจุดยืนหนุนเผด็จการไม่ได้ ดังนั้น เรื่องการหนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. เป็นการปล่อยข่าว เป็นข่าวเท็จ 100% ผมรู้แหล่งข่าวเป็นใคร ขออโหสิกรรมให้”นายจตุพร กล่าว

นายจตุพร ยืนยันว่า ตนเป็นเพียงกองเชียร์พรรคเพื่อชาติ ซึ่งมีสิทธิ์ตามกฎหมาย และรัฐธรรมนูญ 2560 กำหนดไว้ รวมทั้ง ตนสู้มาตลอดชีวิตเพื่อระบอบประชาธิปไตย เพราะเป็นระบอบให้ความเห็นแตกต่างอยู่รวมกันได้โดยไม่แตกแยก แต่การปล่อยข่าว ที่เอาความจริงบางส่วนไปผสมความเท็จที่สร้างขึ้น แล้วโยงให้พรรคเพื่อชาติที่ตนเชียร์อยู่นั้นไปหนุน พล.อ.ประยุทธ์ จนสร้างความเข้าใจผิดกับฝ่ายประชาธิปไตย

“ผมยืนยันได้ชัดเจนเลยว่า นปช. ยึดแนวทางเป็นฝ่ายประชาธิปไตย แล้วจะไปหนุนเผด็จการแห่งชาติได้อย่างไรกัน”

ประธาน นปช. ย้ำว่า การออกมาเรียกร้องให้คนมีความเห็นต่างกันได้คุยกันนั้น เพราะรัฐธรรมนูญ 2560 จะก่อให้เกิดวิกฤตครั้งใหญ่ในสังคมได้เสมอ และการพูดคุยกันไม่ได้หมายถึงการเรียกร้องให้แต่ละฝ่ายเปลี่ยนความคิด ละเลิกจุดยืนของฝ่ายตัวเอง เพียงต้องการให้ทุกฝ่ายที่มีความเห็นแตกต่างกัน สามารถอยู่ร่วมกันได้ โดยไม่แตกแยกกันเท่านั้น

รวมทั้งกล่าวว่า นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ออกแบบรัฐธรรมนูญ 2560 ให้ใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียวจะเป็นปัญหาในอนาคต เมื่อไม่มีพรรคใดได้เสียงเกินครึ่งแล้ว การจัดตั้งรัฐบาลจะไม่มีเสถียรภาพ ดังนั้น ถ้าไม่พูดคุยกันแล้ว เกรงจะเกิดวิกฤตหลังเลือกตั้งตามมา และที่สำคัญการคุยกันนั้นไม่ได้แปรเปลี่ยนให้ฝ่ายประชาธิปไตยไปอยู่ฝ่ายเผด็จการตามที่ถูกปล่อยข่าว

ส่วน พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. แถลงไม่ยืนยันการรัฐประหารจะไม่เกิดขึ้นนั้น ตนเห็นว่า เป็นการพูดที่ตรงไปตรงมาที่สุด แต่คนไทยมีความสุขกับการฟังคนพูดเท็จมาตลอดว่าไม่ยึดอำนาจ แต่ก็ยึดอำนาจ จึงไม่เคยชินกับการพูดความจริงกัน ซึ่ง ผบ.ทบ. พูดตรงที่สุด ราวกับเปิดถ้วยไฮโลให้เห็นกันเลย

อีกทั้ง ระบุว่า ตามประวัติศาสตร์การเมืองไทย สาเหตุการยึดอำนาจนั้น มักนำโยงไปสู่สาเหตุความขัดแย้งของประชาชนแทบทุกครั้ง การยึดอำนาจระยะใกล้ๆเมื่อปี 2549 และ ปี 2557 ก็ยกความแตกแยกขัดแย้งมาเป็นเหตุอ้างอีกตามเดิม

“สังคมไทยถูกสร้างว่า ให้คนเสื้อแดง-เหลือง ขัดแย้งกัน จึงมีฝ่ายเสื้อเขียวมาระงับความขัดแย้ง ซึ่งเป็นประวัติศาสตร์ของผู้ชนะเขียนขึ้น จึงมีแต่เหตุผลด้านดีเข้าข้างฝ่ายตัวเอง”

ส่วนการยึดอำนาจในอนาคตจะเกิดขึ้นมาอย่างไรนั้น นายจตุพร กล่าวว่า สาเหตุที่ตนเรียกร้องให้ลดเงื่อนไขความขัดแย้ง เพื่อไม่ให้เกิดการยึดอำนาจอีก จึงชวนทุกฝ่ายคุยเพื่อหนีเงื่อนไข "ไม่สงบ" จะนำไปสู่การยึดอำนาจ

“จอมพล สฤษดิ์ (ธนะรัชต์) ประกาศไม่วัดรอยเท้าจอมพล ป พิบูลสงคราม แต่กลับอ้างเหตุเลือกตั้งปี 2500 สกปรกมาทำการยึดอำนาจ จอมพล ป ดังนั้น ผบ.ทบ. คนปัจจุบัน พูดกันตรงๆ นั้น เราจึงไม่ควรหยามเหยียดกัน ส่วนอนาคตถ้าจะมีการยึดอำนาจอีกแล้ว เหตุเลือกตั้งสกปรกปี 2500 คงเห็นเป็นตัวอย่างเตือนพวกเอาแต่สะใจแล้ว”

นายจตุพร กล่าวว่า ตนเรียกร้องให้ 4 รมต. ที่ไปเล่นการเมืองสังกัดพรรคพลังประชารัฐลาออก เลือกสวมหมวกการเมืองใบเดียว แต่ไม่ลาออก ซึ่งไม่รู้จะรออะไร แต่ไม่เป็นผลดีอะไรเลย

“ต้องรีบสร้างแบบอย่างที่ดีให้เกิดขึ้น ต้องแสดงสปิริตทางการเมืองให้เห็น เพื่อให้เกิดความยุติธรรม และลดเงื่อนไขจะถูกกล่าวอ้างการเลือกตั้งไม่บริสุทธิ์ ซึ่งอาจจะเข้าทำนองจอมพล สฤษดิ์ อ้างเลือกตั้งสกปรกมายึดอำนาจจอมพล ป เมื่อปี 2500 มาแล้ว”