ทุกอย่างคือกำไรชีวิต คติมีสุขของคนวัยเก๋า


เพิ่มเพื่อน    

(“หลักการพึ่งตนเอง” คติธรรมที่ช่วยให้ผู้สูงอายุอยู่ลำพังใช้ชีวิตได้แบบมีความสุข โดยไม่เป็นทุกข์เมื่อต้องอยู่โดดเดี่ยว)

 

      ปัญหาของผู้สูงอายุฆ่าตัวตายที่ปัจจุบันพบได้บ่อยขึ้น หรือแม้แต่ปัญหาด้านสุขภาพจิตที่หลายคนมองข้ามอย่างความเหงา ทั้งจากถูกลูกหลานถูกทอดทิ้ง หรือผู้สูงวัยที่อยู่ลำพังไร้คนดูแล และก่อนหน้าเราคงคุ้นเคยกันดี เกี่ยวกับสุภาษิตที่บอกถึงเรื่อง “การพึ่งตัวเอง” ถือได้ว่านำมาปรับใช้ในชีวิตได้ไม่น้อย สำหรับปัญหาสุขภาพของคนสูงวัยที่กล่าวไว้ข้างต้น เพราะไม่เพียงทำให้ชีวิตได้คิดบวก แต่ยังสามารถเป็นต้นแบบให้กับคนวัยเกษียณที่กำลังประสบปัญหาดังกล่าว เพราะทุกอย่างในโลกนี้ย่อมมีทางออกเสมอ อ.ธนิสร์ ศรีกลิ่นดี ศิลปินแห่งชาติและนักบรรยายพิเศษ ได้มาให้มุมเกี่ยวกับดำเนินชีวิตมีความสุขในผู้ใหญ่วัยหลัก 6 ไว้น่าสนใจ

(อ.ธนิสร์ ศรีกลิ่นดี)

      อ.ธนิสร์ให้มุมมองว่า “สำหรับผู้สูงอายุแล้วนั้น ต้องนำเอาหลักคำสอนของพระพุทธองค์มาใช้อย่าง “อัตตา หิ อัตตโน นาโถ” มันจะรวมไว้ทั้งหมด ฉะนั้นต้องอยู่ด้วยการช่วยเหลือตัวเองเป็นสำคัญ เราต้องช่วยเหลือตัวเองให้ดูที่สุด สิ่งสำคัญอีกอย่าง “สุขภาพร่างกายก็ต้องดี” เราต้องรู้ว่าตัวเองเป็นอะไร และสามารถทำอะไรได้แค่ไหน นอกจากนี้ “อารมณ์ต้องดี” ต้องปล่อยวางให้ได้ เมื่ออายุมากแล้วเราจะไปคิดแบบเดิมหรือทำแบบเดิมไม่ได้ ต้องปล่อยวางให้ได้ และต้องคิดอยู่เสมอว่าทุกเวลา ทุกนาทีที่เราหายใจอยู่นั้น นั่นคือ “กำไรชีวิต” แล้ว และสิ่งสำคัญก็ต้องทำชีวิตให้มี “กำไร” อีกด้วย โดยการทำทุกวันให้มีความสุข เช่น เรายิ้ม เราพูดคุยกับคนอื่นด้วยความจริงใจ ก็เป็นไปด้วยความสุขใจ เราอย่าคาดหวังอะไรมาก และอย่าคิดว่าเราจะต้องรวยล้นฟ้า ตรงนี้อาจจะเป็นแนวคิดที่ผิด และบั่นทอนกำลังใจของเราได้

      แต่เรา “ต้องปล่อยวาง” แต่ไม่ใช่ไม่เอาอะไรเลย เพียงแต่ว่าเมื่อมีเงินเท่าไรก็ใช้เท่านั้น เราต้องภูมิใจในความเป็นเรา ยิ้มกับตัวเองให้ได้ ยิ้มทุกวัน และต้องคิดดี สำนึกดี เพราะมันจะทำให้เราไม่เครียด ผู้สูงอายุอย่าลืมว่า “ความเครียด” ก่อปัญหาทั้งอารมณ์และร่างกาย และทำให้เกิดโรคทุกอย่าง โดยเฉพาะ “โรคซึมเศร้า” เราต้องมองโลกในแง่ดีว่า เราอายุยืนมาขนาดนี้ก็ดีแล้ว สำหรับบางคนที่อายุ 70-80 นี่กำไรชีวิตเรามากมายแล้ว เพราะถ้ามองต้องร่ำรวย มันจะทำร้ายจิตใจของเรา เพราะคนวัยนี้ไม่ใช่วัยที่จะไปเริ่มต้นอะไรได้

      “ลูกเขาจะเลี้ยงหรือไม่เลี้ยงเราก็ไม่เป็นไร แต่เราต้องเตรียมตัวและใจให้แข็งแรงจนถึงวันสุดท้าย แม้กระทั่งว่าเรานั่งวีลแชร์อยู่ เราก็มีความสุข ยิ้มกับทุกคนทุกวัน คิดดีกับคนทุกคน แม้แต่ผู้ที่ไม่ชอบเราก็ต้องคิดดีกับเขา ถ้ามีโอกาสก็ควรเข้าวัด และเข้าหาหลักธรรมที่แท้จริง แต่ในยุคโซเชียล การศึกษาธรรมะมีอยู่มากมาย และมีหลากหลายครูบาอาจารย์ให้ได้เลือกปฏิบัติตาม เช่น วิธีง่ายที่ผมทำเป็นประจำ ในการมีสติรู้ตัวและอยู่กับเอง คือการทำสมาธิง่ายๆ เช่น จับหายใจเข้า ลมหายใจออก โดยที่ขณะนั้นเราก็มีสติและรู้ว่าขณะนั้นเรากำลังทำอะไรอยู่ และความสงบจะเกิดขึ้นในใจเราเอง

      สิ่งสำคัญอีกอย่างของคนวัยเก๋านั้น เราต้อง “นึกถึงความตายเป็นประจำ” สุดท้ายเราก็ต้องไป ชีวิตมาได้ขนาดนี้แล้ว ถือว่าเป็นกำไรแล้ว คิดบวก เราดำเนินชีวิตมาได้ขนาดนี้มันดีแค่ไหนแล้ว แสดงว่าคนนั้นต้องเก่ง และอีกแง่หนึ่งในชีวิตของเราก็ได้ทำสิ่งดีๆ มากมาย สิ่งไม่ดีอย่าไปคิดถึง แต่ขอ “ให้นึกถึงสิ่งดีๆ” อย่าง เช่นวันนี้เราให้ข้าวหมาจรจัด หรือวันนี้เราเคยบริจาคเงินช่วยเหลือคนอื่น ขอให้คุณจำอารมณ์ตรงนั้นมาคิด และก็นอนยิ้มกับมัน  หายใจให้สบาย หรือวันไหนที่คุณฟังเพลงสบาย ก็ขอให้ยิ้มอย่างมีความสุข นี่คือการทำชีวิตให้มีความสุขทุกวันครับ”.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"