คมนาคม แย้มเปิดประมูลสถานีกลางบางซื่อ แปลง Aต้นปี62 ฟุ้งญี่ปุ่นสนใจร่วมลงทุน คาดภายใน30ปี ได้ผลตอบแทน 3-4พันล้าน

นายไพรินทร์  ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดงานเสวนารับฟังความคิดเห็นภาคเอกชน โครงการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์บริเวณสถานีกลางบางซื่อ แปลง A ว่า รฟท.ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นภาคเอกชนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติในการพัฒนาสถานีกลางบางซื่อ พื้นที่แปลงA  จำนวน32ไร่ มูลค่า 10,000ล้านบาท ระยะเวลาสัมปทาน 30ปี ซึ่งเป็นไปตามแผนแม่บทการพัฒนาพื้นที่ศูนย์คมนาคมพหลโยธิน  พื้นที่รวม 2,325ไร่  โดยสถานีกลางบางซื่อจะเปิดให้บริการ ในปี 2564 

ทั้งนี้คาดว่าพื้นที่แปลงA จะเปิดประมูลต้นปี 62 และคาดว่าจะเซ็นสัญญาได้ปลายปี 62 ในปี 63 ดำเนินการจัดทำผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (EIA) และจะเริ่มก่อสร้างในปี 63 โดยใช้เวลาก่อสร้าง 4 ปีในปี 66 แต่จะเปิดบางส่วนในปี 64

นายไพรินทร์ กล่าวว่ารฟท.จะนำพื้นที่บางส่วนมาพัฒนาเชิงพาณิชย์  จากการเปิดเสวนาพบว่ามีผู้สนใจเข้าร่วมรับฟังแผนการดำเนินการ  ทั้งเอกชนไทย และต่างชาติ อาทิ ญี่ปุ่น อังกฤษ ส่วนจีน เกาหลี อยู่ระหว่างการตัดสินใจ ขณะที่การคัดเลือกเอกชนจะเลือกจากผู้ที่มีคุณสมบัติความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานแบบสมาร์ทซิตี้เป็นหลัก และการลงทุนร่วมกับต่างชาตินั้นจะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ภายใต้ข้อกฎหมายไทย

ทั้งนี้  กรณีที่จะขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI  ผู้ยื่นจะต้องมีองค์ประกอบครบตามหลักเกณฑ์ และนำไปยื่นต่อคณะกรรมการสมาร์ทซิตี้ หากผ่านการพิจารณาองค์ประกอบครบตามที่กำหนด สามารถนำไปยื่นขอรับการลงทุนจาก BOI ได้ทันที

ด้านนายวรวุฒิ มาลา รักษาการผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย  รฟท. เปืดเผยว่า รฟท.จะประกาศร่างเอกสารประกวดราคาจัดซื้อจัดจ้าง หรือ TOR ได้ในต้นปีหน้า และคาดว่าจะได้เอกชนผู้ร่วมลงทุนเข้ามาเซ็นสัญญาและเริ่มก่อสร้างปลายปี62ก่อนเปิดให้บริการปี64 สำหรับรูปการลงทุนจะเป็นการลงทุนแบบผสมผสานหรือ โครงการลงทุนแบบมืกส์ ยูส อาทิ ธุรกิจครบวงจร อาคารสำนักงาน โรงแรม เป็นต้น ซึ่งได้มีการคาดการณ์ว่า ภายในระยะเวลา30ปี จะได้ผลตอบแทนโครงการถึง 3000-4000ล้านบาท 

อย่างไรก็ตาม คาดว่าการก่อสร้างโครงการพัฒนาสถานีกลางบางซื่อพื่นที่ แปลงA จำนวน 32ไร่ จะก่อสร้างแล้วเสร็จเต็มรูปแบบในปี66 ซึ่งจะสอดคล้องกับการเปิดให้บริการรถไฟเชื่อม 3สนามบิน (ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา) ที่จะเปิดให้บริการในปี66เช่นกัน