อ่านแบบคำต่อคำ 'บิ๊กแดง-ผบ.ทบ.' กับบทบาทกองทัพและสถานการณ์ประเทศไทย!


เพิ่มเพื่อน    

 

พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2561 เป็นครั้งแรกหลังจากรับตำแหน่ง ผบ.ทบ. ก่อนการประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบกวาระพิเศษ

 

เป็นโอกาสแรกของผมที่รับตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก เป็นครั้งแรกที่มีโอกาสได้พบปะสื่อมวลชน วันนี้เราได้เชิญผู้บังคับหน่วยตั้งแต่ผู้บังคับกองพันขึ้นไป เพื่อรับมอบนโยบาย เรื่องนโยบายกองทัพก็ไม่อยากมีอะไรแถลงมาก เพราะเนื่องจากส่วนใหญ่เป็นนโยบายที่สืบสานต่อจาก พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบกท่านที่ 40 เพราะว่าในตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผมได้มีโอกาสทำงานกับท่านในฐานะผู้บัญชาการทหารบกนั้น ท่านได้สร้างความเข้มแข็ง แข็งแกร่งให้กับกองทัพ สมกับที่เป็นนายทหารรบพิเศษ เป็นทหารที่เติบโตมาด้วยฝีมือแท้ๆ ของตัวท่านเอง และใน 2 ปีที่ท่านได้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก ท่านได้สร้างรากฐานแนวทางที่แข็งแกร่ง มั่นคง ให้กับกองทัพเป็นอย่างดียิ่ง ซึ่งผมได้มีโอกาสได้ใกล้ชิด และเรียนรู้งานหลายอย่างจากท่าน จึงเป็นที่มาของการที่ท่านตั้งแนวทางว่า สมาร์ทแมน สมาร์ทอาร์มี่ นำไปสู่ของผม Smart SoldierSmart army นั่นหมายความว่า ในอีก 2 ปีข้างหน้า กองทัพบกจะมีความเข้มแข็ง แข็งแกร่งไปสู่รูปธรรมให้มากที่สุดในนโยบายต่างๆ ตามนโยบายที่ พล.อ.เฉลิมชัยท่านได้วางเอาไว้

 

ยินดีต้อนรับสื่อมวลชนสายทหารที่อยู่มานานแล้ว ตั้งแต่สมัยพ่อผม ป้าแจ๋ว หลายๆ ท่าน อยู่กันมาตั้งแต่สมัยคุณพ่อ ตั้งแต่สมัยผมยังเด็กอยู่ ความรู้สึกของผมกับสื่อมวลชนทหารนั้น สื่อมวลชนทหารเหมือนกำลังพลส่วนหนึ่งของกองทัพบก ถึงแม้ท่านจะแต่งกายพลเรือน แต่งานในสายวิชาชีพของท่านคือ ทำข่าว หาข่าว บางครั้งในการทำข่าวให้กองทัพบกนั้น บางอย่างก็มีความสลับซับซ้อน บางอย่างท่านต้องการความกระจ่างชัดในเรื่องบางเรื่อง แต่ในเรื่องบางเรื่องที่ท่านต้องการความกระจ่างชัดแต่กองทัพบกไม่สามารถขยายความให้ท่านได้มาก ก็ต้องเป็นที่เข้าใจว่าด้วยเหตุผลบางประการที่ไม่สามารถขยายความได้ อย่างที่บอกแล้วว่า กำลังพลสายทหารก็เปรียบเหมือนกำลังพลของกองทัพ และผมรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ เพราะทุกคนเห็นหน้าเห็นตากันมา ผมก็ได้พบปะสื่อมวลชนค่อนข้างจะนาน ได้เรียนรู้นิสัยใจคอ บางคนเข้ามาใหม่ บางคนเพิ่งเข้ามาทำงาน บางคนอยู่มานานแล้ว

 

- นโยบายที่ต้องปรับปรุงให้สอดคล้องกับสถานการณ์จะเกิดขึ้นหรือไม่

 

พล.อ.อภิรัชต์ : นโยบายหลักๆ ที่จะได้มอบให้ผู้บังคับหน่วยในวันนี้ก็จะสอดคล้องและดำเนินรอยตามที่ท่านอดีตผู้บัญชาการทหารบกที่ได้ดำเนินการไว้ แต่เนื่องจากในสถานการณ์ข้างหน้า กองทัพบกต้องเผชิญกับสถานการณ์หลายๆ อย่างที่จะต้องเกิดขึ้น พูดได้เลยว่าตามปฏิทินการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในปีหน้านั้น กองทัพบกได้เตรียมการเรื่องความเข้าใจของกำลังพล ที่สำคัญที่สุดคือผู้บังคับหน่วยต้องแยกแยะภารกิจให้ออก เราในฐานะกองทัพบกและเป็นทหารของชาติ ทหารของประชาชน เรามีหน้าที่ที่จะตอบสนองนโยบายของรัฐบาล ไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาลก็ตาม นี่คือหน้าที่ของกองทัพที่ต้องตอบสนองนโยบายรัฐบาล กองทัพต้องทำงานให้กับรัฐบาล เพราะฉะนั้นการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นอยู่นั้น กองทัพบกเราได้เริ่มตั้งแต่เมื่อวาน ผมได้คุยกับผู้บังคับหน่วยที่เป็น ผบ.กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) ก็ได้ให้แนวทางไว้แล้ว เราต้องใช้แนวทางที่ต้องระมัดระวังต่อจากนี้ไป เนื่องจากจะถูกจับตาจับจ้องจากนักการเมือง เราขาดประสบการณ์ ทหารขาดประสบการณ์ หน้าที่ของทหารเราโอกาสที่จะพบกับประชาชนนั้นจะน้อยมาก เพราะว่าเราจะเจอกับประชาชนเมื่อประชาชนเดือดร้อน เช่นเข้าไปช่วยเหลือประชาชนเมื่อประชาชนประสบภัยต่างๆ แต่ในความเป็นจริงในการใช้ชีวิตประจำวันแล้ว ทหารเราจะอยู่ในกรม กอง เพราะฉะนั้น วิสัยทัศน์ที่เราจะไปเจอกับโลกภายนอก ไปเผชิญกับวิธีแบบทางการเมือง มันคงจะลำบาก ก็เลยต้องให้แนวทางเขาไปว่าวันนี้กองทัพโดยเฉพาะ กกล.รส.เราเข้าไปช่วยประชาชน ปฏิบัติตามหัวหน้า คสช. เราสวมหมวกอยู่ 2 ใบด้วยกัน คือ กองทัพบก และในฐานะที่เป็น คสช. เพราะฉะนั้น การเดินต่อไปนี้ต้องมีความระมัดระวัง ไม่ให้การเมืองนั้นเข้ามาใช้ประโยชน์จากการช่วยเหลือประชาชน เราช่วยเหลือประชาชนไม่ได้หาเสียง ทหารไม่รู้จะหาเสียงไปเพื่ออะไร มันเป็นหน้าที่ เป็นอาชีพของเรา อาชีพของทหารไม่ใช่ช่วยเหลือเพื่อได้เสียงมา เราช่วยเหลือประชาชนมาโดยตลอด เราช่วยเหลือประชาชนทุกภารกิจ

 

ในทุกครั้งที่ประชาชนเดือดร้อน นี่คือหน้าที่ของทหารโดยอาชีพ โดยจิตสำนึก โดยจิตอาสา ในทางกลับกัน สิ่งที่ผมต้องให้กำลังพลระมัดระวังไม่ให้มาฉกฉวยโอกาส ที่มองว่าการช่วยเหลือประชาชนของทหารเป็นการหาเสียง ซึ่งผมบอกกับสื่อมวลชนว่าการช่วยเหลือประชาชนเราทำมานานแล้ว ในทางกลับกันเราก็อยากให้ประชาชนนึกด้วยว่าทหารช่วยเหลือประชาชนด้วยใจ ด้วยอาชีพของเขา เราไม่ใช่นักการเมือง เราไม่ได้หวังผล เราไม่ต้องการให้มาเลือกคนที่ไปช่วยเหลือ เราช่วยเหลือตามแนวทางของรัฐบาล ในทุกโครงการ ทหารไม่ว่าจะรัฐบาลไหนเข้ามารัฐบาลก็ตาม เราก็ต้องดำเนินการตามแนวทางที่รัฐบาลกำหนดไว้ ในปัจจุบันนั้นรัฐบาลได้ต่อยอดโครงประชารัฐเป็นโครงการไทยนิยมยั่งยืน โดยมี 3 หน่วยงานเข้ามา มีมหาดไทย กรมการปกครอง กระทรวงการคลัง โดยมีเรื่องความมั่งคั่งยั่งยืนทางเศรษฐกิจ 10 ประการด้วยกัน เราก็ต้องเดินไปคู่กับกรมการปกครอง คือระดับอำเภอ ตำบล ซึ่งผมเห็นว่าโครงการไทยนิยมยั่งยืน รัฐบาลมีความตั้งใจจริง ต้องการทำให้เกิดความมั่นคงสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ทำให้ประชาชนเข้าใจและยืนอยู่ได้ด้วยตนเอง อยู่ด้วยความจริง ทางกรมการปกครองก็ได้แจกคู่มือให้กองทัพบก เพื่อให้กองทัพบกจะได้ช่วยนำไปแจกจ่ายให้ประชาชน ถ้าจำไม่ผิดตอนนี้อยู่ในเฟสที่ 3

 

- ทุกเรื่องที่พูดถือเป็นจุดยืนของกองทัพหรือเปล่า ในการไม่เข้าไปช่วยพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง เพราะมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าเอากองทัพเข้าไปช่วยพรรคการเมือง

 

พล.อ.อภิรัชต์ : เราต้องแยกแยะให้ออก และนี่คือจุดยืนของกองทัพ ซึ่งได้มอบให้ผู้บังคับหน่วย ซึ่งวันนี้เราจะได้ชี้แจงต่อผู้บังคับหน่วยได้รับทราบ เราต้องระมัดระวัง เพราะจากนี้ไปถูกจับตามองแน่ เพราะว่ากองทัพและ คสช.ก็คือเนื้อเดียวกัน อย่างที่บอกว่า ขณะนี้ใครเป็นรัฐบาลก็คือรัฐบาลของท่าน พล.อ.ประยุทธ์ ใครมาเป็นรัฐบาล เราก็ต้องทำ ผมก็ต้องทำ ผมจะไปขัดขืนรัฐบาลได้อย่างไร ไม่ใช่ว่าคนโน่นมาเป็นรัฐบาล ไม่ต้องห่วง ผมยืนยัน และจุดยืนในการทำงานของผม และการกำหนดทิศทางให้กำลังพลในกองทัพได้ทำงาน ก็คือผมทำงาน ร้อยเปอร์เซ็นต์และเกินร้อยอยู่แล้ว ไม่ว่าใครมาเป็นนายผม

 

- เราต้องวางตัวเป็นกลางในการเลือกตั้งให้มากที่สุดใช่หรือไม่

 

พล.อ.อภิรัชต์ : การวางตัวเป็นกลางนี่ เราเป็นทหารอาชีพ และผมผ่านวิกฤติทางการเมืองและการทหารมาทุกยุคทุกสมัย ประสบการณ์ที่ผมเก็บเกี่ยวมาตลอดระยะเวลารับราชการมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ เห็นวิกฤติตั้งแต่สมัยคุณพ่อมา จนมายืนอยู่ตรงนี้ เป็นผู้บัญชาการทหารบกนั้น ความเป็นกลางขึ้นอยู่กับคนมอง บางครั้งเรามั่นใจว่าสิ่งที่เราทำนั้นเป็นกลาง แต่มุมมองของคนอื่นมองว่าเราไม่เป็นกลาง ผมถามสื่อมวลชนว่าจะเอาอะไรมาเป็นเครื่องตัดสิน มาเป็นเครื่องวัดว่ากองทัพอยู่ตรงไหน ขอให้พวกท่านมั่นใจ ขอบอกให้พี่น้องประชาชนมั่นใจว่ากองทัพเป็นกลางและคิดถึง อยู่เคียงข้างประชาชน จะดำเนินการให้ประชาชนอยู่ดีกินดี อยู่เย็นเป็นสุข ช่วยเหลือประชาชนในทุกโอกาส

 

- ปัญหาคือ พล.อ.ประยุทธ์จะลงเลือกตั้ง เราจะวางบทบาทอย่างไรในฐานะที่ พล.อ.ประยุทธ์ก็อยู่ใน คสช. กองทัพจะแยกการวางตัวในฐานะที่กองทัพเป็น คสช.กับ พล.อ.ประยุทธ์อย่างไร

 

พล.อ.อภิรัชต์ : ผมพูดไปแล้วว่าอยู่ที่มุมมองของคน ผู้สื่อข่าวมองอย่างไร กับการที่ผมต้องไปพบกับ พล.อ.ประยุทธ์ แล้วมาหาว่าผมไม่เป็นกลาง มันใช่ไหม ซึ่งไม่ใช่ พล.อ.ประยุทธ์เป็นหัวหน้าคณะรัฐบาลนี้ การที่ผู้บัญชาการทหารบกจะไปพบ พล.อ.ประยุทธ์ ก็เป็นเรื่องปกติ ซึ่งในอดีตที่ผ่านมา รัฐบาลที่มาจากพรรคการเมืองอื่นเป็นหัวหน้ารัฐบาล ผมต้องไปพบแล้วบอกว่าผมเป็นกลางหรือไม่เป็นกลาง อยู่ที่คนมอง อย่าตัดสิน อย่างที่บอกว่ากองทัพบกเป็นมืออาชีพ เป็นทหารอาชีพ คำว่าทหารอาชีพกับอาชีพทหารแตกต่างกัน เพราะฉะนั้นขอความเป็นธรรมด้วยตั้งแต่เริ่มต้นด้วย เรากองทัพบกจะวางตัวเป็นกลางเราในฐานะทหารอาชีพ ใครมาเป็นรัฐบาล เราต้องสนับสนุนนโยบายรัฐบาล

 

- อุปสรรคของกองทัพในขณะนี้ รวมถึงในช่วงของการเลือกตั้ง

 

พล.อ.อภิรัชต์ : อุปสรรคของกองทัพขณะนี้ ผมมองว่าสิ่งที่ยากที่สุดคือการทำให้ประชาชนเข้าใจบทบาทหน้าที่ของกองทัพให้มากกว่านี้ การที่กองทัพเข้าไปช่วยเหลือประชาชน ช่วยด้วยความบริสุทธิ์ใจ อย่างที่สอง คือการทำความเข้าใจกับกำลังพลที่ลงไปปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งกำลังพลนั้น บางครั้งมุมมอง หรือการทำงานของเขา ทั้งเป็นอุปสรรคในตัวเอง ซึ่งคำว่าอุปสรรคในตัวเองคือ เมื่อเข้าไปทำ เคยทำอย่างนี้ได้ ไปช่วยเหลือไปตามหมู่บ้านได้ เคยไปแนะนำอย่างนั้นอย่างนี้ได้ ผมถามว่าโครงการไทยนิยมมันจะจบเมื่อไหร่ ยกตัวอย่าง สมมุติว่าทหารเข้าไปแนะนำชาวบ้าน ตามคู่มือโครงการไทยนิยมยั่งยืน แต่โครงการไทยนิยมยั่งยืนอยู่ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ แล้วจะบอกว่าเราสนับสนุนรัฐบาล สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ หรืออะไร ก็เป็นเรื่องลำบาก เพราะฉะนั้นขอให้แยกแยะให้ถูก ประชาชนต้องเข้าใจ สื่อต้องให้ความเป็นธรรมกับเราด้วย อย่าลืมว่าสมัยที่รัฐบาล ....ผมก็ไม่อยากเอ่ยชื่อ (รักษาการ) เมื่อปี 52-53 ก็เกิดวิกฤตการณ์เช่นนี้เหมือนกันก่อนการเลือกตั้ง และทหารก็ต้องดำเนินการตามรัฐบาลที่รักษาการเช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นสิ่งที่เป็นอุปสรรคคือเรื่องการทำงานและความเข้าใจของทั้งสองฝ่ายคือ ทั้งผู้ปฏิบัติและผู้ที่เข้าไปช่วย

 

เรื่องที่สอง เรื่องของการเลือกตั้ง ในปัจจุบันผมให้หน่วยมีความเข้าใจตรงกันว่า ณ วันนี้เกิดอะไรขึ้นในปฏิทินการเลือกตั้ง นับตั้งแต่โรดแมป นับตั้งแต่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ลงพระปรมาภิไธยใน พ.ร.ป.เลือกตั้ง มาตรา 3 มาตรา 4 เรื่องที่มาของ ส.ส. และ ส.ว.มา จากนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง ซึ่งผมได้แจกจ่ายให้  ผบ.หน่วย ซึ่งตั้งแต่ 13 ก.ย.เกิดอะไรขึ้นบ้าง ให้ ผบ.หน่วยเข้าใจก่อน จากนี้ 90 วันจะเกิดอะไรขึ้น และจาก 90 วันไปอีก 150 วันจะเกิดอะไรขึ้น และการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ เพราะฉะนั้น ผู้บังคับหน่วยเข้าใจตรงกัน ถือโพย ถือชีต อันเดียวกัน ที่กำลังทำให้ตามตาราง เราก็จะมา break down คือในแต่ละห้วงการทำงานกองทัพจะทำอะไร เช่น ให้ความรู้กับประชาชน อันนี้สำคัญ เพราะการเลือกตั้งครั้งใหม่เป็นระบบกาเบอร์เดียว ซึ่งจริงๆ ถามว่าเป็นหน้าที่เราหรือไม่ เราก็ต้องไปทำร่วมกับ กกต. หรือกรณี กกต.ขอความร่วมมือหน่วยงานของรัฐที่ให้ช่วยลงไป อย่าลืมว่าผมใช้คำว่าหน่วยงานของรัฐ ไม่ใช่ทหาร ตอนนี้คนที่มีบทบาทที่สุดคือ กกต. ซึ่ง กกต.บางจังหวัดได้ประสานกับทหาร อยากจะขอกำลังทหาร ตรงนี้เป็นกลางหรือไม่ หรือจะไม่ให้ทหารทำอะไรเลย ฟีซไว้เลย ไม่ต้องทำหน้าที่อะไรเลย ไม่ต้องสนับสนุนรัฐบาล งานโครงการไม่ต้องช่วยเหลือประชาชน อย่างวันนี้นักท่องเที่ยวตกเหว น้ำตก ทหารของกองพลทหารราบที่ 9 ก็ไปช่วยอยู่ เกิดเหตุการณ์อย่างนี้จะให้ทหารอยู่นิ่งหรือ บอกว่าไปช่วยเพื่อหาเสียงหรือเปล่า เพราะฉะนั้น การเดินของทหารตอนนี้ กกต.มาขอความอนุเคราะห์ให้ช่วยเหลือ ทหารก็ต้องไปเพราะเรารับภาษีอากรของประชาชน เรื่องการเตรียมพร้อมเลือกตั้งนั้น เราพร้อมที่จะสนับสนุนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กกต.ที่จะมาขอความช่วยเหลือทุกด้าน ตั้งแต่การรักษาความปลอดภัย ในเรื่องของการให้ความรู้ประชาชน

 

- ในเมื่อทหารอยู่นิ่งไม่ได้ หากสถานการณ์ในอนาคตเราไม่คาดว่าเกิดอะไรขึ้น หากเกิดวิกฤติจริงๆ ทหารจะออกมาปฏิวัติ พล.อ.ประยุทธ์บอกว่าไม่ปฏิวัติ แต่ก็ยังปฏิวัติ ในฐานะที่อยู่ในตำแหน่ง 2 ปี ท่านจะให้ความมั่นใจกับพี่น้องประชาชนอย่างไร

 

พล.อ.อภิรัชต์ : ผมชี้แจงอย่างนี้แล้วกัน เหตุการณ์ต่างๆ ที่มันเกิดขึ้นในประเทศไทย สื่อมวลชนบันทึกภาพทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อย่าให้เป็นเพียงแต่ภาพที่เกิดขึ้น บันทึกอยู่ในสมองในความทรงจำเช่นเดียวกับคนไทยทุกคนที่เห็นภาพต่างๆ ที่มันเกิดขึ้น เวลาที่บ้านเมืองเกิดความวุ่นวาย ไปไหนก็ลำบาก ค้าขายก็ลำบาก ถนนถูกบล็อก คนไทยด้วยกันออกมาตีกัน ยิงกัน ฆ่ากัน ภาพมากมายมหาศาล ก็เอามาใส่อัลบั้มที่นักข่าวทำ มาทำเป็นหนัง ผมว่าคงจะขายดี ถ้าทำเป็นหนัง แต่ก็คงไม่อยากมีใครมาจดจำในสิ่งเหล่านี้ ณ วันนั้น ทหารยืนอยู่ตรงไหน เราถูกรัฐบาลสั่งการออกมาให้ไปควบคุมความสงบเรียบร้อย เราทำโดยหัวใจที่ไม่ได้คิดแบบนักการเมืองว่า เราจะเข้ามาบริหารประเทศ ผมเชื่อมั่นว่า พล.อ.ประยุทธ์ก็คงไม่ได้คิดอย่างนี้เช่นเดียวกัน แต่ความที่ท่านต้องเสียสละ ณ วันนั้นมันเกิดอะไรขึ้น ถ้าวันนั้น พล.อ.ประยุทธ์ไม่ตัดสินใจ ผมคิดว่า ผมเป็นบุคคลหนึ่ง ทั้งสื่อมวลชนในประเทศ หรือ สื่อมวลชนต่างชาติก็รู้ ผมเองก็ไม่มีเรื่องส่วนตัวกับท่าน และท่านก็ใช้ผมทำงานมาโดยตลอด ตั้งแต่รู้จักผม เดือนนึงได้เจอกับท่าน 5 นาที 10 นาทีก็เต็มที่แล้ว ผมถึงบอกว่าความเป็นกลาง ในฐานะที่ผมเป็น ผบ.ทบ. แต่ด้วยความรัก เคารพ และเห็นความทุ่มเทในการทำงาน ท่านเป็นแบบอย่างหนึ่งของผม ในการดำเนินราชการมา

 

ถ้าวันนั้น พล.อ.ประยุทธ์ไม่ตัดสินใจ บ้านเมืองจะเกิดอะไรขึ้น แต่การตัดสินใจนั้นไม่ได้อยู่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ แต่อยู่ที่ประชาชน ที่ถามมาผมบอกได้เลยว่า ผมคาดหวังอย่างยิ่งว่า หวังใจอย่างยิ่งว่า เหตุการณ์รุนแรงในบ้านในเมืองนี้มันคงไม่เกิดขึ้นอีก คงไม่มีใครเห็นบ้านเมืองเป็นแบบนี้อีก ตรงโน่นก็เผา ตรงนี้ก็เผา ตั้งโน่นก็ยิง ตรงนี้ก็ยิง ผมว่าเหมือนในหนังบางประเทศมากกว่า ไม่ใช่กรุงเทพฯ สมัยก่อนเรามีเหตุการณ์อะไรขึ้นมามันไม่ถึงขนาดนี้ เพราะยังมีการแก่งแย่งชิงทางการเมืองเอาชนะกัน ไม่รู้จักแพ้ ไม่รู้จักชนะ คนที่แพ้คือประเทศ ถามว่ากองทัพชนะประชาชนหรือไม่ กองทัพไม่มีวันชนะประชาชน แต่ประชาชนที่ออกมาสร้างความเดือดร้อนที่เชื่อ มีการยุให้จุดไฟเผา พูดถึงเรื่องทำระเบิดทำอะไรก็ตาม นั่นคือท่านแพ้ นั่นคือท่านเป็นประชาชนที่ทำให้ประเทศแพ้ แทนที่เราจะแข่งขันทางการค้า ช่วงนั้นหยุดไปกี่ปี ฟื้นฟูประเทศกี่ปี การฟื้นฟูประเทศไม่ใช่เรื่องที่ง่าย หลังจากเกิดเหตุการณ์ 4 ปีที่แล้ว ท่านเคยรู้ไหมว่าการยกเลิกออเดอร์ การนำเข้า-ส่งออกจากต่างประเทศเป็นเงินเท่าไหร่ กว่าจะ Recover กลับมาได้ ใช้เวลาเท่าไหร่ ฝ่ายตรงข้ามที่ไม่พอใจก็บอกว่าทำไมอยู่นาน คือ 1-2 ปีมันทำอะไรไม่ได้หรอก ทำไมแผนยุทธศาสตร์ของชาติจึงกำหนดไว้ 20 ปี

 

ท่านคิดว่าจุดไฟเผาในเมืองเกิดกลียุค เกิด Riot (จลาจล) ขนาดนั้นปีเดียว สิ่งปลูกสร้างทำได้ แต่ในทางการค้านั้นไม่ใช่ ความมั่นใจของต่างชาติในการลงทุนนั้น ไม่ใช่ แต่ ณ วันนี้ ทุกอย่างเริ่มดีขึ้น อาจจะเห็นผลช้า ไม่ทันใจนักการเมืองบางคน แต่ผมเชื่อว่ารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ทำทุกสิ่งทุกอย่างอย่างรอบคอบ ไม่ผลีผลาม เพราะฉะนั้นสิ่งที่ถาม ผมหวังใจเป็นอย่างยิ่งว่าการเมืองอย่าเป็นสาเหตุให้เกิดความขัดแย้งของคนในชาติอีก

 

-  มั่นใจว่าในอนาคตจะไม่เกิดเหตุการณ์ขึ้นแน่นอนใช่หรือไม่

 

พล.อ.อภิรัชต์ : คือผมมั่นใจว่า ถ้าการเมืองไม่เป็นต้นเหตุแห่งการจลาจล ถ้ามันไม่เกิด มันก็ไม่มีอะไร อยู่ๆ มาบอกว่า ประเทศไทยเคยมีปฏิวัติมากว่า 10 ครั้ง มันไม่เหมือนสมัยก่อนแล้ว สมัยหลังๆ มันเกิดขึ้นเพราะเรื่องการเมืองทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นอยากให้คิดด้วย ผมไม่ได้บอกว่านักการเมืองดีหรือไม่ดี การเมืองดีก็มี การเมืองไม่ดีก็มี แต่ปัจจุบันคนไทยเป็นอย่างไร ผมเสียใจนะหลายๆ เรื่อง ที่เห็นว่ากระบวนการยุติธรรมถูกละเมิด การตัดสินคดีสำหรับบางคดีของคนที่ทำความผิดบอกว่าไม่เป็นธรรม แล้วประเทศชาติจะอยู่ตรงไหน อะไรเป็นกลาง อะไรเป็นจุดยืนของประเทศ ในเมื่อบอกคนนี้ผิด แต่บอกไม่ผิดเพราะถูกแกล้ง แล้วมันจะอยู่อย่างไร ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน จะให้คนไทยอยู่อย่างไร อยู่กันโดยไม่มีกฎ ไม่มีระเบียบวินัย

 

- เรื่องกวดขันยาเสพติด

 

พล.อ.อภิรัชต์ : สองสิ่งที่ยอมไม่ได้คือ ขบวนการยาเสพติดและอาวุธสงคราม สิ่งที่ผมเพิ่มเติมนอกจากกวดขันแล้วก็จับ ในหน่วยทหารหากมีกำลังพลเข้าไปเกี่ยวข้องผมจะไม่ใช่กระบวนการสอบสวนแบบปกติ หมายความว่าผมจะตัดสินด้วยความรวดเร็วหากมีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้อง ผมจะดำเนินการเลยทันที หากเป็นเอกชนที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง นอกจากจับกุมแล้วจะติดตามผลคดีด้วย เพราะที่ผ่านมาประสบการณ์ของผมตั้งแต่เป็นผู้บัญชาการกองพล แม่ทัพภาคมา พอจับได้ เราก็จะปล่อยเป็นหน้าที่กระบวนการยุติธรรม ตำรวจ อัยการ ส่งฟ้องศาล บางครั้งก็หลุดที่ตำรวจ ซึ่งไม่ได้โทษ แต่บางครั้งมันมีเรื่องของหลักฐานข้อมูล ผมได้สั่งการว่าจากนี้ไปติดตามด้วยว่าใครเป็นเจ้าของสำนวนของคดีส่งเรื่องไปถึงไหน ใครเป็นอัยการ เพื่อให้คลอบคลุมและมั่นใจว่าจะขยายผลได้ และผู้กระทำผิดติดคุก ต้องได้รับโทษ

 

- จุดยืนของท่านเรื่องความเป็นทหารของพระราชา จะดูเรื่องการหมิ่นสถาบันอย่างไร

 

พล.อ.อภิรัชต์ : ผมอยากทำความเข้าใจสื่อมวลชนว่า ปัจจุบันสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท่านดำรงตำแหน่งองค์จอมทัพไทย บางทีทหารบางคนยังลืม ซึ่งผมเดี๋ยวจะเตือนสติเขาว่า ผู้บังคับบัญชาสูงสุดก็คือองค์พระมหากษัตริย์ เพราะท่านดำรงพระอิสริยยศ และดำรงตำแหน่งเป็นจอมทัพไทย ซึ่งคำว่าจอมทัพไทยคือเหนือสิ่งอื่นใด ดังนั้น ในส่วนของกองทัพบกเป็นข้ารองบาทมีหน้าที่อยู่แล้ว ทั้งด้วยหน้าที่และทั้งหัวใจ ในการที่จะปกป้องพระมหากษัตริย์ อันเป็นที่รักยิ่งและเป็นศูนย์รวมจิตใจ กองทัพบกจะใช้ศักยภาพและใช้ขีดความสามารถทุกอย่างในการปกป้องสถาบัน การหมิ่นที่เกิดขึ้นหลายต่อหลายครั้ง การก้าวล่วงหลายครั้งเกิดจากคนสติไม่สมประกอบ ยกตัวอย่างเมื่อเร็วๆ นี้ ไม่อยากเอ่ยชื่อ ไปยื่นถวายฎีกา พอไปจับเข้าเอาแพทย์มาตรวจ ป่วยเป็นโรคจิต ตำรวจส่งศรีธัญญาไปแล้ว คนส่วนใหญ่จิตไม่ปกติ ส่วนที่อาจจิตปกติแต่มีความคิดแปลก ไม่ได้อยู่เมืองไทย ไปอยู่ต่างประเทศ หนีไปอยู่ต่างประเทศ อยู่เมืองไทยไม่ได้ เมื่อเราอยู่ภายใต้พระบรมโพธิสมภาร ตั้งแต่รุ่นปู่ รุ่นย่า ทำไมไม่สำนึกบุญคุณแผ่นดินเกิด ไม่มีใครเขาไม่รักแผ่นดินเกิดหรอกครับ รัฐบาลเปลี่ยนไป แต่องค์พระมหากษัตริย์อยู่คู่ฟ้า คู่แผ่นดินไทยไปตลอด นี่คือหน้าที่ของกองทัพ และผมจะปกป้องสถาบันด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมมี

 

- แนวทางแก้ไขปัญหาสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

 

พล.อ.อภิรัชต์ : ในช่วงปลายเดือนนี้ จะลงพื้นที่เพื่อมอบนโยบายการทำงานอย่างเป็นทางการ ทั้งนี้ที่ผ่านมาผมเคยรับราชการเป็นผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจที่ 24 ที่ จ.สตูล และเป็นผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจที่ อ.ธารโต และ อ.เบตง จ.ยะลา มีความคุ้นเคยกับหน่วยและพื้นที่พอสมควร สำหรับเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในฐานะที่เป็น ผบ.ทบ. ในขั้นต้นยังไม่ได้มอบนโยบายไป แต่ได้บอกกล่าวกับหน่วยปฏิบัติไปแล้วว่าให้ร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อแยกแยะแต่ละคดีความให้ออก ซึ่งหากมองย้อนไปเมื่อ 20 ปีที่ผ่านมาก็มีเหตุการณ์ปล้นและฆ่ากันเหมือนกับที่ กทม. แต่ขอให้แยกแยะเหตุการณ์ว่าเหตุการณ์ใดเป็นก่อการร้าย หรือเหตุการณ์ไหนเป็นเรื่องส่วนตัว หรือเป็นการปล้นฆ่า ซึ่งต้องยอมรับว่าไม่มีพื้นที่ไหนในโลกที่ไม่มีการปล้นและฆ่ากัน ดังนั้น ต้องแยกแยะเหตุการณ์

 

การทำสถิติของเหตุการณ์มีความสำคัญอย่างยิ่ง ที่สำคัญผมจะเข้มงวดกำลังพลให้มากกว่านี้ และได้เชิญพล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 มาประชุมเพื่อมอบนโยบาย และผมจะลงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย เพราะตั้งใจไว้แล้วว่าจะทำตาม พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท องคมนตรี ซึ่งเป็นอดีต ผบ.ทบ. ได้เคยดำเนินการไว้ เช่น การไปค้างคืนในพื้นที่เป็นเวลา 1-2 คืน เดือนละครั้งและจะทำเช่นนี้ให้ได้.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"