พรุ่งนี้ (๑๙ ตุลา ๖๑)
    ใครเบื่อ "นั่งกิน" ข้าวเที่ยงจำเจ ก็แวะมา "ยืนกิน" ที่ไทยโพสต์นี่นะ จะเป็นมงคล
    มาช่วยเลือกชิมกันหน่อย 
    เพราะปีนี้ "พระโคเสี่ยงทาย" กินน้ำ-หญ้า-สุรา ขึ้นรอบปีที่ ๒๓ ไทยโพสต์ ข้าวปลาอาหาร จึงกระเดียดไปทาง มากันมากเป็นพิเศษ
    ดูบัญชีแล้ว สมบูรณ์ด้วยภักษาหารหวาน-คาว ส่วนสุรายาเมาไม่สมบูรณ์ ด้วยไม่มี 
    ก็ตามนโยบาย สสส.ของ "ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์" ที่เขารณรงค์น่ะ!
    ตึงท้องแล้ว ขากลับ........
    อย่าลืมบรรจงช้อนกล้วยหอมทอง จากไร่ประเสริฐทอง พระพุทธบาท สระบุรี ติดอุ้งมือกันไปคนละหวี-สองหวีด้วย
    ก่อนนอน "ซักลูก"
    จะหลับสบาย ตื่นตอนเช้า ถ่ายคล่องปรื๊ด
    ส่วน "มาดามเฮง" เฮงคู่ไทยโพสต์ สบู่ขิงที่ใช้สมุนไพรทำ ไม่ใช้ไขสัตว์
    ผมมาถึงที่ทำงานบ่ายวาน "คุณวรรณชัย สุรอมรรัตน์" ให้พนักงานลำเลียงมาตั้งไว้หน้าห้องก่อนแล้ว 
    มาดามเฮง แฟนๆ ร้องหากันกระจองอแง ก็ให้เข้าใจกันก่อน "มีเท่าที่หมด-หมดเท่าที่มี"
    ของเขาดี ก็อย่างนี้แหละเน้อ! 
    ขนาดขนมาถึงโรงพิมพ์ ยังไม่ทันไร แทบจะตบตีกันโครมคราม ขนาดนั้น
    ขออนุโมทนาและซาบซึ้ง "คุณผ่องพรรณ" จากบางคล้า ฉะเชิงเทรา 
    ส่งผ้าไตรเนื้อดี มาร่วมถวายพระทุกปี เห็นแล้วอยากบวช
    ปีนี้เช่นกัน ส่งมาล่วงหน้าตั้งแต่ปลายกันยาโน่นแล้ว และคิดตรงกันได้อย่างไรก็ไม่รู้
    คือปกติจะส่งมา ๙ ไตร ถวายพระ ๙ รูป แต่ปีนี้ รัชกาลที่ ๑๐ นิมนต์พระ ๑๐ รูป มาเจริญพระพุทธมนต์
    เมื่อวาน เตรียมของพระ เปิดกล่องดู ปรากฏว่า คุณพระ-คุณเจ้า "คุณผ่องพรรณ" ส่งมา ๑๐ ไตร  ยังกะใจทิพย์ สาธุ
    เอิ้นกันลืมแค่นี้..........
    ๑๙ ตุลาเปิดกระจาด-ปาดฝาหม้อ ตั้งแต่ก่อนเที่ยงเรื่อยไป ขอให้มากันแต่ตัวกับท้อง และถุงผ้าใส่กล้วยหอมกลับไป
    อย่านำของใดๆ มามอบไทยโพสต์ให้พะรุง-พะรังอีก มีเยอะแล้ว 
    ส่วนพระ "หลวงพ่อคูณ" วัดบ้านไร่ โคราช กับ "หลวงพ่อทวด" วัดช้างให้ ปัตตานี
    ใคร..ใจยังไม่ถึงศรัทธา อย่าเห็นเพียงของแจก ก็รับไป จะไร้ประโยชน์ 
    ก็มารับจากมือพระคุณเจ้าที่มาเจริญพระพุทธมนต์ ผมจะเตรียมไว้ให้ 
    ส่วนรถรานั้น อย่าขับเข้ามาในซอย 
    ไปจอดโลตัสฝั่งตรงข้าม แล้วเดินเขย่าพุงเข้ามา เมื่อยนิด แลกกับไม่หงุดหงิดใจ ถือว่า คุ้มกว่ากันเยอะเลย!
    เข้าเรื่องที่เป็นสาระบ้าง........
    เมื่อวาน (๑๗ ต.ค.๖๑) เห็นฮือฮากัน หลายประเด็นกับที่ ผบ.ทบ.คนปัจจุบัน
    "พลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์" ถูกนักข่าวตั้งคำถามขยี้จี้จุดดำ-จุดแดง
    จะว่าไปแล้ว "พลเอกอภิรัชต์" สังคมกล่าวขานถึงมานาน แต่เจ้าตัวยังไม่เคยขานอะไรถึงสังคมจริงๆ จังๆ เลย
    ก็ครั้งนี้แหละ เมื่อขยี้ถาม ผบ.ทบ.อภิรัชต์ ก็ขยี้ตอบ     
    ทหารอาชีพ ก็ต้องอย่างนี้ 
    ขาวเป็นขาว ดำเป็นดำ ใครเข้าใจ-ไม่เข้าใจ ก็จงเข้าใจ ว่านี่แหละ "คิด-ทิศทางนำ" ของ "ทหารอาชีพ" ที่ชื่อ "อภิรัชต์ คงสมพงษ์-พลเอก"
    -เกี่ยวกับสถานการณ์ข้างหน้า ของกองทัพบก?
    "จากนี้ไป กองทัพก็ต้องถูกจับตา จับจ้องจากนักการเมือง ยอมรับว่า ทหารขาดประสบการณ์เรื่องการเมือง     อาชีพทหาร เราอยู่ในกรมกอง โอกาสพบประชาชนมีน้อยมาก นอกจากออกไปช่วยเหลือประชาชนเมื่อเดือดร้อนและประสบภัยต่างๆ
    เพราะฉะนั้น วิสัยทัศน์ที่จะไปเผชิญกับโลกภายนอก วิถีทางการเมือง ลำบาก 
    ผมจึงให้แนวทางกองทัพ โดยเฉพาะ กกล.รส.(กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย) เนื่องจากเราสวมหมวก ๒ ใบ 
    คือในฐานะกองทัพบก และในฐานะที่เป็น คสช.จากการเดินต่อไปนี้ 
    ต้องระมัดระวัง ไม่ให้การเมืองเข้ามาใช้ประโยชน์จากการช่วยเหลือประชาชน 
    ยืนยันว่า กองทัพช่วยเหลือประชาชน เราไม่ได้หาเสียง"
    -หลายฝ่ายมองว่า......
    ทหารสนับสนุนพรรคพลังประชารัฐ?     
    "เราต้องแยกแยะภารกิจให้ออก นี่คือจุดยืนกองทัพ จะชี้แจงให้ผู้บังคับหน่วยรับทราบว่า เราต้องระมัดระวัง
    จากนี้ไปถูกจับตามองแน่ 
    เพราะกองทัพ และ คสช.ก็คือเนื้อเดียวกัน 
    ขณะนี้ รัฐบาลก็คือรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ แต่ยืนยันว่า 
    ไม่ว่าใครมาเป็นรัฐบาล เราก็ต้องทำ ผมก็ต้องทำ ไม่ว่าใคร พรรคการเมืองใดมาเป็นรัฐบาล 
    ไม่ต้องห่วง ผมยืนยัน และจุดยืนในการทำงานของผมในการกำหนดทิศทางให้กำลังพลในกองทัพบกได้ดำเนินการ ผมทำงานร้อยเปอร์เซ็นต์และเกินร้อยอยู่แล้ว ไม่ว่าใครมาเป็นนายผม"
    -หลัง "พลเอกประยุทธ์" ประกาศลงการเมือง "กองทัพ" จะเว้นระยะห่างอย่างไร?
    "อยู่ที่มุมมองคน การที่ผมไปพบพลเอกประยุทธ์ แล้วบอกว่าผมไม่เป็นกลาง ถามว่าใช่หรือไม่..ก็ไม่ใช่ 
    แต่พลเอกประยุทธ์เป็นหัวหน้ารัฐบาลในขณะนี้ การที่ ผบ.ทบ.ไปพบพลเอกประยุทธ์ ก็เป็นเรื่องปกติ 
    ซึ่งในอดีตที่ผ่านมา รัฐบาลจากพรรคการเมืองอื่นขึ้นมาเป็นหัวหน้ารัฐบาล ผมก็ต้องไปพบ แล้วบอกว่าผมเป็นกลางหรือไม่ 
    ความเป็นกลางอยู่ที่คนมอง ขออย่าเพิ่งตัดสิน 
    กองทัพบกเป็นมืออาชีพ เป็นทหารอาชีพ คำว่าทหารอาชีพกับอาชีพทหารแตกต่างกัน ขอความเป็นธรรมด้วย ตั้งแต่เริ่มต้น 
    ว่าเรากองทัพบก จะวางตัวเป็นกลาง เราในฐานะทหารอาชีพ ใครมาเป็นรัฐบาล ต้องสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล"
    -อนาคตหากเกิดวิกฤติจะปฏิวัติอีกหรือไม่ ตอน "พลเอกประยุทธ์" เป็น ผบ.ทบ.ยืนยันตลอดไม่ปฏิวัติ แต่ก็ปฏิวัติ?      
    "เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย สื่อได้มีการบันทึกภาพในทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อย่าให้เป็นเพียงแต่ภาพที่เกิดขึ้น ให้บันทึกอยู่ในสมอง ในความทรงจำ 
    เช่นเดียวกับคนไทยทุกคน ที่เคยเห็นภาพต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้น 
    เมื่อบ้านเมืองเกิดความวุ่นวาย ทำอะไรก็ลำบาก ค้าขายก็ลำบาก ถนนถูกบล็อก คนไทยออกมาตีกัน ยิงกัน ฆ่ากัน 
    วันนั้น ทหารยืนอยู่ตรงไหน.........?
    เราถูกรัฐบาลสั่งการให้ออกมาควบคุมความสงบเรียบร้อย เราทำด้วยหัวใจ ที่ไม่ได้คิดแบบนักการเมือง ว่าเราจะเข้ามาบริหารประเทศ
    และผมเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า พลเอกประยุทธ์ไม่ได้คิดอยากเช่นเดียวกัน แต่ความที่ท่านต้องเสียสละ 
    ถามว่าในวันนั้น จะเกิดอะไรขึ้น......
    ถ้าพลเอกประยุทธ์ ไม่ตัดสินใจทำรัฐประหาร?
    ยอมรับว่า ผมมีความคุ้นเคยกับพลเอกประยุทธ์ แต่ไม่มีเรื่องส่วนตัวกับท่าน เพราะท่านใช้ผมทำงานมาโดยตลอด เดือนหนึ่งได้เจอกัน ๕-๑๐ นาทีก็เต็มที่แล้ว ผมถึงบอก ความเป็นกลางก่อนผมในฐานะที่เป็นผู้บัญชาการทหารบก 
    ผมเจอท่านในเวลาสั้นๆ ถือว่าเก่งแล้วในชีวิตนี้ เคยนั่งคุยกับท่านไม่เกิน ๑ ชั่วโมง 
    แต่ได้เห็นความรัก ความรู้ ความทุ่มเทในการทำงานของท่าน ซึ่งเป็นแบบอย่างหนึ่งของผมในการดำเนินงานด้านราชการ 
    และถ้าวันนั้น พลเอกประยุทธ์ ไม่ตัดสินใจ บ้านเมืองจะเกิดอะไรขึ้น 
    ผมว่า การตัดสินใจไม่ได้อยู่ที่พลเอกประยุทธ์ แต่อยู่ที่ประชาชน
    ผมหวังใจเป็นอย่างยิ่งว่า เหตุการณ์รุนแรงในบ้านเมืองเช่นนี้ คงไม่เกิดขึ้นอีก 
    ที่ผ่านมามีเหตุการณ์อะไรขึ้นมาก็ไม่เคยขนาดนี้ เพราะมีการแก่งแย่ง ชิงการเมือง การเอาชนะ ไม่รู้จักแพ้-ไม่รู้จักชนะ 
    แล้วคนที่แพ้ ก็คือประเทศ 
    ยืนยันว่า กองทัพไม่มีวันชนะประชาชน แต่ประชาชนที่ออกมาสร้างความเดือดร้อน ยั่วยุให้จุดไฟเผามีการประกอบระเบิด นั่นคือท่านแพ้ 
    ท่านเป็นประชาชน ที่ทำให้ประเทศแพ้ 
    แทนที่เราจะแข่งขันทางการค้า แล้วต้องใช้เวลากี่ปีฟื้นฟูประเทศ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย 
    หลังเกิดเหตุการณ์เมื่อ ๔ ปีที่แล้ว มีการยกเลิกการนำเข้า-ส่งออกของประเทศต่างประเทศเป็นเงินมหาศาล กว่าจะฟื้นฟูกลับมาได้ ใช้เวลาเท่าไร? 
    จุดไฟเผาในเมือง เกิดกลียุค ปีเดียวสิ่งปลูกสร้างทำได้ แต่ในทางการค้า ไม่ใช่ ความมั่นใจของต่างชาติในการลงทุนต้องใช้เวลานานกว่านั้น 
    แต่วันนี้ ทุกอย่างเริ่มดีขึ้น........
    อาจจะเห็นผลช้า ไม่ทันใจ ผมเชื่อว่า รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ทำทุกอย่างอย่างรอบคอบ 
    สิ่งที่สื่อถามว่า จะมีปฏิวัติหรือไม่?
    ผมหวังใจเป็นอย่างยิ่งว่า การเมือง อย่าเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความขัดแย้งของคนในชาติอีก
    ผมมั่นใจว่า ถ้าการเมือง ไม่เป็นต้นเหตุแห่งการจลาจล ก็ไม่มีอะไร 
    ประเทศไทยเคยมีปฏิวัติมา ๑๐ กว่าครั้ง แต่ไม่เหมือนสมัยก่อนแล้ว เพราะช่วงหลัง 
    เกิดจากการเมืองทั้งสิ้น! 
    ผมไม่ได้บอกว่านักการเมืองดีหรือไม่ดี แต่เชื่อว่า นักการเมืองที่ดีก็มี และนักการเมืองที่ไม่ดีก็มี 
    แต่ปัจจุบัน คนไทยเป็นอย่างไร?
    ผมเสียใจในหลายๆ เรื่องที่เห็นว่ากระบวนการยุติธรรมถูกละเมิด 
    การตัดสินคดีในหลายคดีกับคนทำความผิด บอกว่าไม่เป็นธรรม แล้วประเทศชาติจะอยู่ตรงไหน 
    อะไรเป็นกลาง อะไรคือจุดยืนของประเทศ?
    ในเมื่อบอก คนนี้ผิด ก็แย้งว่าไม่ผิด ถูกแกล้ง แล้วจะอยู่อย่างไร ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน 
    จะให้คนไทยอยู่กันอย่างไร โดยไม่มีกฎระเบียบวินัย"
    ครับ...พลเอกอภิรัชต์ แกะกระดุมเสื้อพูดมากกว่านี้ 
    แต่แค่นี้ หน้าเสื่อก็ "เคลียร์เรียบ" มิใช่หรือ?
    หรือ...หน้าไหนยังข้อง?