“ม็อบปาล์มน้ำมัน” บุกศาลากลางจังหวัดกระบี่ประท้วงราคาตก ถก 2 ชั่วโมงได้ผลสรุป 6 ข้อก่อนชง “บิ๊กตู่” ตัดสิน เกษตรกรกลัวเสียเที่ยวเผาปาล์ม-โรงศพที่ขนมาก่อนนัดชุมนุมใหม่ 25 ต.ค. “พาณิชย์” โอ่ 3 มาตรการดูแล แต่เมินพูดเรื่องราคารับซื้อ 4.50 บาท/กก.
    เมื่อวันพุธ นายชโยดม สุวรรณวัฒนา ประธานกลุ่มคนปลูกปาล์มน้ำมันแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มกว่า 200 คน นำรถบรรทุกผลปาล์มน้ำมันเต็มคันรถกระบะ 33 คัน และรถบรรทุกหกล้ออีก 3 คัน มาจอดด้านหน้าศาลากลางจังหวัดกระบี่  พร้อมปราศรัยผ่านเครื่องขยายเสียงเรียกร้องให้เร่งแก้ปัญหาราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำลงมาอย่างต่อเนื่อง โดยระบุว่าจะปักหลุมชุมนุมยืดเยื้อจนกว่าจะได้รับคำตอบที่ชัดเจนจากรัฐบาล 
    ต่อมานายสมโภช โชติชูช่วง รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ได้ลงมาพบแกนนำและเชิญแกนนำเข้าประชุมก่อนเสนอไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พิจารณา โดยหลังประชุมกว่า 2 ชั่วโมง ในเวลา 14.00 น. ที่ประชุมได้สรุปข้อเรียกร้อง 6 ข้อที่จะนำเสนอนายกฯ คือ 1.ให้ดำเนินการตามมติการประชุมของคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติเมื่อวันที่ 13 พ.ค.2561 2.ให้ใช้น้ำมันปาล์มในการผลิตไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้ากระบี่ 3.เพิ่มการใช้ไบโอดีเซลบีบี 20 และบี 100 ให้เป็นพลังงานทางเลือกสำหรับประชาชน 4.ให้รับซื้อผลปาล์มน้ำมันดิบที่มีคุณภาพตามเกณฑ์ไม่ต่ำกว่าราคา กก.ละ 4.50 บาท 5.ให้คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ และคณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติสินค้าและบริการอย่างจริงจัง และ 6.ให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) รับซื้อกระแสไฟฟ้าจากโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม โดยเกษตรกรกว่า 200 คนได้ร่วมกันลงนาม
    ต่อมาเวลาประมาณ 14.30 น. แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมได้นำรถบรรทุกปาล์มน้ำมันเต็มคันเททิ้งที่บริเวณถนน หน้าอาคารศากลาง เพื่อประชดราคาผลผลิตที่ตกต่ำลงมาเหลือ 2.30 บาทต่อ กก. และได้นำรถบรรทุกโลงศพมาจอดที่ศาลากลาง ก่อนแกนนำทยอยกันนำดอกไม้จันทน์มาวาง แล้วราดน้ำมันจุดไฟเผาเพื่อแสดงพลังเชิงสัญลักษณ์ แต่ไม่ทันที่โลงศพจะไหม้ เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดกระบี่ และเจ้าหน้าที่ ปภ.จังหวัดและดับเพลิงเทศบาลเมืองกระบี่ ได้ช่วยกันนำถังดับเพลิงมาฉีดสกัดจนเกิดกลุ่มควันฟุ้งกระจายทั่วบริเวณ  
จากนั้นแกนนำได้ประกาศแจ้งแก่กลุ่มเกษตรกรที่มาร่วมชุมนุมให้ยุติ และแยกย้ายกันกลับไปก่อน และนัดมารับฟังผลการพิจารณาที่ศาลากลางในวันที่ 25 ต.ค.นี้
    ด้านนายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาราคาปาล์มในบางพื้นที่ตกต่ำว่า กรมได้เร่งรัดดำเนินการ 3 มาตรการเร่งด่วนเพื่อยกระดับราคา โดยมาตรการแรกจะเร่งส่งออกน้ำมันปาล์มดิบ 3 แสนตันภายใน 3 เดือน โดยขณะนี้เสนอสำนักงบประมาณเพื่อนำเรียนนายกฯ พิจารณาเห็นชอบการใช้เงินงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน 525 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้สนับสนุนต้นทุนค่าขนส่งและค่าบริหารจัดการให้ผู้ประกอบการ กก.ละ 1.75 บาท และจะเสนอคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติพิจารณาต่อไป
     มาตรการที่ 2 จะผลักดันให้เร่งใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 20 ในรถยนต์บรรทุกขนาดใหญ่ให้เพิ่มขึ้นโดยด่วน รวมทั้งเสนอให้กระทรวงพลังงาน ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบพิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาข้อขัดข้องในการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 20 และมาตรการจูงใจให้พัฒนารถยนต์บรรทุกขนาดเล็กให้สามารถใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 20 ได้ เพื่อขยายช่องทางรองรับผลผลิตน้ำมันปาล์มดิบได้ 1.2-1.5 แสนตันต่อเดือน และมาตรการที่ 3 จะสนับสนุนร่างประกาศของกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่องกำหนดวัตถุดิบและคุณภาพผลิตภัณฑ์ของโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม โรง A ต้องสกัดน้ำมันได้ไม่น้อยกว่า 18% และโรง B ต้องสกัดน้ำมันได้ไม่น้อยกว่า 30% เพื่อผลักดันให้บังคับใช้โดยเร็ว     “หากสามารถดำเนินมาตรการทั้งหมดควบคู่กันไปได้ คาดว่าจะช่วยดูดซับผลผลิตปาล์มน้ำมันที่กำลังจะทยอยออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือน พ.ย.2561-ก.พ.2562 รวม 15.4 ล้านตัน และช่วยลดภาวะการสต๊อกน้ำมันปาล์มลงได้อีก 50% จากปัจจุบันที่มีสต๊อกอยู่ราว 3.5-3.8 แสนตัน ซึ่งจะช่วยผลักดันให้ราคาปรับตัวสูงขึ้นเป็น กก.ละ 3.50-3.60 บาท จากปัจจุบันที่ระดับราคาเฉลี่ย 2.90-3.40 บาท” นายวิชัยกล่าว
     นายวิชัยกล่าวอีกว่า การบริหารจัดการปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มในระดับพื้นที่ ได้ขอความร่วมมือผู้ว่าราชการ จ.กระบี่และชุมพร พิจารณาแนวทางบริหารจัดการในรูปแบบของการแต่งตั้งคณะกรรมการระดับจังหวัด อำเภอ และตำบล เพื่อกำกับและแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มในพื้นที่ และจัดทำข้อตกลง (เอ็มโอยู) การซื้อขายผลปาล์มคุณภาพระหว่างเกษตรกรกับโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม ตามรูปแบบของจังหวัดสุราษฎร์ธานี และร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จัดทำแผนปฏิบัติการในส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นข้อมูลให้จังหวัดใช้เป็นแนวทางในการขับเคลื่อนการบริหารจัดการการผลิตการตลาดสินค้าปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มในระดับพื้นที่.