ยอดแฟนเพจ "ลุงตู่" พุ่งกระฉูดกว่า 2 แสน ฮือฮาจ่อไลฟ์สดด้วย "เนติบริกร" โบ้ยไม่ต้องไปยุ่งกับ กก.ยุทธศาสตร์ที่ไปเล่นการเมือง อ้างอีกหน่อยก็เปลี่ยนแปลงเอง รมต.พปชร.เปิดตัวสถาบันปัญญาประชารัฐ อุบไต๋ "ประยุทธ์" ร่วมสอน "สุเทพ" รอ กกต.อนุมัติพรรครปช.ก่อนเดินสายลุยพื้นที่เต็มสูบ อดีต ส.ส.อีสานเพื่อแม้วอ้างชาวบ้านส่งสารถึงผู้ใหญ่หวั่นโดนยุบพรรค กาง 2 แนวทางป่วน "โนโหวต" กับ "โหวตโน" ขู่ทำให้เปิดสภาไม่ได้
เมื่อวันพุธ ภายหลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เปิดช่องทางโซเชียลมีเดียในการติดต่อสื่อสารกับประชาชนผ่านเพจเฟซบุ๊กชื่อ "ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha" ไปเมื่อวันที่ 14 ต.ค. ล่าสุด มีผู้ใช้เฟซบุ๊กติดตามแล้วกว่า 2 แสนคน โดยมีการอัพเดตภาพและข้อความในทุกวัน ขณะที่ในอินสตาแกรมหรือไอจี ชื่อ "@Prayutofficial" มีผู้ติดตามกว่า 8 หมื่นคน และทวิตเตอร์ในชื่อผู้ใช้งานว่า "@Prayutofficial" มีผู้ติดตามแล้วเกือบ 2 หมื่นคน
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ต่อไปหากมีโอกาสและจังหวะที่เหมาะสม นายกฯ อาจจะมีการไลฟ์สด และขอยืนยันว่าการเปิดช่องทางโซเชียลของนายกฯ ในครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมืองอย่างแน่นอน เพราะนายกฯ ยังไม่ได้มีความชัดเจนว่าจะร่วมกับพรรคการเมืองไหนอย่างไร แต่ถ้ามองว่าเป็นเรื่องการเมือง ก็อาจจะใช่ ถ้าการเมืองคือการรับฟังแก้ไขปัญหาประชาชน แต่ก็ไม่เป็นไร ถ้าผลสุดท้ายคือประชาชนได้รับการแก้ไขปัญหาอย่างแท้จริง
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์เปิดเพจเฟซบุ๊กส่วนตัวในขณะที่ทีมรัฐมนตรีพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ลงพื้นที่ตลาดน้ำคลองลัดมะยม ว่า ประชาชนดูออกว่าเป็นความพยายามในการหาเสียงในช่วงโค้งสุดท้ายของรัฐบาลอย่างเป็นกระบวนการหรือไม่ ประชาชนเรียกร้องให้ลาออกก็ไม่ลาออก แล้วยังมาอ้างว่ามาตรฐานดีกว่านักการเมืองรุ่นเก่า โดยลืมอธิบายว่ามาจากการยึดอำนาจฉีกรัฐธรรมนูญ แค่ที่มามาตรฐานก็ต่ำกว่านักการเมืองรุ่นเก่าหรือไม่ จากกรรมการผันตัวเองเป็นผู้เล่น เขียนกติกาเอง ควบคุมเกมได้เกือบทั้งหมด ยังจะเอาเปรียบคู่แข่งทุกวิถีทางหรือไม่ ในขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์เปิด Facebook รุกในทุกช่องทางโซเชียลมีเดีย แต่กลับห้ามพรรคการเมือง นักการเมืองหาเสียงทางโซเชียลมีเดีย ทำให้ตอบสังคมได้ยากว่าเส้นแบ่งของการหาเสียงกับไม่หาเสียงอยู่ตรงไหน ในขณะที่ห้ามคนอื่นไม่ให้หาเสียง แต่กลุ่มก๊วนในเครือข่ายที่จะสนับสนุนรัฐบาลทำได้อย่างเต็มที่หรือไม่
"ก่อนหน้านี้กลุ่มสามมิตรลงพื้นที่เคลื่อนไหวบอกว่ายังไม่ได้เป็นพรรคการเมือง แต่พลังประชารัฐกลายเป็นพรรคการเมืองไปแล้ว และมีแนวโน้มสูงว่าจะมาอยู่ด้วยกัน ยังจะมาอธิบายอยู่อย่างเดิมประชาชนจะฟังได้หรือ ควรยึดหลักบังคับใช้กติกาอย่างเท่าเทียม ไม่เลือกปฏิบัติ ไม่ไร้มาตรฐาน ทางที่ดีควรปลดล็อกให้พรรคการเมืองสามารถทำกิจกรรมได้อย่างเต็มที่ เสมอภาคทุกพรรคการเมือง" นายอนุสรณ์กล่าว
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายกฎหมายของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แนะนำว่ารัฐมนตรีที่ไปร่วมงานกับพรรคการเมือง ไม่ควรพูดเรื่องการเมืองในทำเนียบรัฐบาลว่า ถ้าพูดเรื่องการเมืองในความหมายทั่วๆ ไปได้ แต่ไม่ควรพูดเรื่องการเมืองของพรรคในทำเนียบฯ เพราะจะนำไปสู่บทสรุปว่าหาเสียง ก็ขอให้ระวังกันเองก็แล้วกัน เราเตือนคุณแล้ว
อย่าไปยุ่ง กก.ยุทธศาสตร์
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถึงวันนี้มีพรรคการเมืองใดมาทาบทามให้ร่วมงานหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่มี แม้แต่ทาบทามให้มาเป็นที่ปรึกษาทางใจก็ไม่มี แม้แต่ใครมาบอกว่าให้ช่วยหาสมาชิกพรรคให้หน่อยก็ไม่มี ก็ดีชีวิตนี้ควรจะมีความสุขเสียบ้าง เอาไว้มีแล้วจะบอก ทั้งนี้ไม่ใช่เรื่องประหลาดหรอก เพราะคนแบบตนมีเยอะ
เมื่อถามกรณีคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ไปร่วมงานกับพรรคการเมืองและนั่งอยู่ในคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ จะต้องมีการปรับเปลี่ยนหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า อย่าไปยุ่งกับเขาเลย เดี๋ยวอีกหน่อยมันก็มีความเปลี่ยนแปลงเอง เพราะที่เขาไปมีตำแหน่งในคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ไม่ได้ไปเป็นในฐานะ ครม. แต่เป็นในฐานะผู้ทรงคุณวุฒิ 3 เดือนประชุมครั้ง คงไม่ใช่เรื่องเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม หรือไปล่วงเกินก้าวล่วงอะไร เพราะตั้งแต่ตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติเข้ามา เขาประชุมกันถึง 2 ครั้งหรือไม่
เมื่อเวลา 17.00 น. ที่ตึก C asean ชั้น 10 ถนน รัชดาภิเษก นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ว่าที่รองหัวหน้าพรรค พปชร., นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าที่โฆษกพรรค พปชร. แถลงข่าวเปิด "สถาบันปัญญาประชารัฐ" โดยนายสุวิทย์กล่าวว่า เนื่องจากพวกเรายังมีข้อจำกัดในการทำภารกิจ จึงต้องทำกิจกรรมของพรรคหลังเวลาราชการ สถาบันแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของพรรคพลังประชารัฐ แต่จุดประสงค์ที่แท้จริงคือต้องการสร้างเครือข่าย จากทุกภาคส่วน และจะรับเอานโยบายจากภาคส่วนต่างๆ ขึ้นมา และสร้างผู้นำใหม่ๆ รวมถึงผลิตนวัตกรรมทางนโยบาย ส่วนจะสามารถเปิดหลักสูตรเมื่อไรนั้น ต้องหารือภายในพรรค และ กกต. เพื่อดูเวลาที่เหมาะสม รวมถึงวิทยากรที่จะมาสอน ก็พร้อมเปิดให้คนต่างพรรคด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ด้วยหรือไม่ นายสุวิทย์กล่าวว่า ตอนนี้ขออุบไว้ก่อน แต่รับรองมีร้อง "ว้าว"
เมื่อถามว่า กรณีกลุ่มสามมิตรมีปัญหาอะไรถึงยังไม่เข้าร่วมกับพรรค นายสุวิทย์กล่าวว่า ไม่ทราบ เพราะทุกคนมีหน้าที่แตกต่างกัน สำหรับตนและนายกอบศักดิ์ รับผิดชอบการสร้างผู้นำและนโยบายพรรค
ส่วนที่บอกว่า พปชร. ถ้าจะได้ ส.ส. 100 คน ถือว่าน้อยไป นายสุวิทย์กล่าวว่า "เราตั้งพรรค มีแนวคิดดีๆ ก็ต้องหวังมากกว่า 100 คน"
เมื่อถามย้ำถึงเรื่องลาออก 4 รัฐมนตรี นายสุวิทย์ กล่าวว่า บอกหลายครั้งแล้วว่าเมื่อภารกิจหมด เพราะไม่อยากให้เป็นภาระ เพราะมีช่วงข้อต่อสำคัญ เมื่อหมดภารกิจสำคัญเราก็ไปด้วยกันมาด้วยกัน เรามีสปิริต เราทั้ง 4 คนคุยกันแล้วว่าจะก้าวออกไปพร้อมกัน เมื่อภารกิจเสร็จจะไม่ผลักภาระให้คนที่จะเข้ามาใหม่
ด้านนายกอบศักดิ์กล่าวเสริมติดตลกว่า "เรา 4 คน เลือดสุพรรณ มาด้วยกันก็ต้องไปด้วยกัน"
เทือกรอ กกต.ก่อนเดินสาย
นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ ว่าที่กรรมการบริหารพรรค พปชร. กล่าวถึงกระแสข่าวว่า นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ใช้อำนาจในฐานะ รมว.พาณิชย์ เอื้อประโยชน์บางประการให้กับบริษัทเอกชนที่นายพงศ์กวินเป็นผู้บริหารก่อนหน้านี้ด้วยว่า เป็นความพยายามเชื่อมโยงเพื่อโจมตีทางการเมืองเท่านั้น กรณีดังกล่าวเป็นการยื่นเรื่องตามกระบวนการทางกฎหมาย ในฐานะบริษัทที่จดทะเบียนการค้ากับกระทรวง และได้ยื่นอุทธรณ์ให้ทางกระทรวงชี้ขาดข้อพิพาทกับผู้บริหารอีกกลุ่มเพื่อขอเปิดประชุมคณะกรรมการบริษัท คลี่คลายปัญหาให้ผู้ถือหุ้น ที่สำคัญ เราต้องรอนานเกือบ 1 ปีเต็มถึงได้รับอนุญาตจากกระทรวงพาณิชย์ หากตนมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ รมว.พาณิชย์อย่างที่มีการกล่าวหา คงได้รับการอนุมัติเร็วกว่านี้ ไม่ต้องรอการอนุมัติเรื่องถึงเกือบ 1 ปีเต็ม อยากให้ดูว่าการกระทำของบริษัทนั้นถูกต้องตามกฎหมาย และมีข้อกฎหมายรองรับทุกข้อด้วย
ที่อาคารทูแปซิฟิคเพลส นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) แถลงข่าวถึงการดำเนินงานรณรงค์เชิญชวนประชาชนให้เป็นสมาชิกพรรคในแคมเปญ “ร่วมสร้างพรรคการเมืองที่แท้จริงของประชาชน” ว่า ในการทำงานของเรา ก็ต้องระวังให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย ในกรอบคำสั่ง คสช. จนวันนี้ก็เห็นว่าเป็นช่วงเวลาที่เราจะดำเนินการรณรงค์เชิญประชาชนร่วมเป็นเจ้าของพรรคได้ ที่จริงพรรคเราได้ยื่นขอจดทะเบียนพรรคแล้ว โดยคาดว่าประมาณ 2 เดือน กกต.จะอนุมัติให้เป็นพรรคที่สมบูรณ์ ซึ่งจะครบกำหนดในหนึ่งถึงสองวันนี้ที่ กกต.จะอนุมัติพรรคเรา ทั้งนี้ เราจะโพสต์ทั้งในเพจของพรรค รปช.และเฟซบุ๊กส่วนตัวของตน อธิบายเหตุผลในเฟซบุ๊กส่วนตัวร่วมด้วย เพื่อประกอบการตัดสินใจของประชาชน
เมื่อถามว่า หาก กกต.ยังไม่อนุมัติให้เป็นพรรคที่สมบูรณ์ จะสามารถทำกิจกรรมอย่างพรรค พปชร.ที่ลงไปฟังปัญหาของประชาชน ซึ่งรูปแบบอาจจะคล้ายกับการหาเสียง นายสุเทพกล่าวว่า กฎหมายห้ามไม่ให้หาเสียง เมื่อเราไปไหน เราไม่ได้หาเสียง ไม่ทำผิดกฎหมาย สิ่งที่ทำได้ในขณะนี้ไปฟังปัญหาของประชาชน เพื่อนำมาวิเคราะห์เป็นนโยบายต่อไป เรามั่นใจว่าเราทำตามกฎหมายทุกอย่าง อย่างในกรณีที่เราให้ประชาชนลงชื่อใบแสดงเจตจำนงหรือจองเป็นสมาชิกพรรค เมื่อใดที่พรรคได้รับการอนุมัติ ก็ให้เป็นสมาชิกทันที โดยทันทีที่ กกต.อนุมัติให้เป็นพรรคการเมืองที่สมบูรณ์แล้ว ก็พร้อมจะเดินสายทันที ค่ำไหนนอนนั่น
ส่วนที่ 4 รัฐมนตรีแกนนำพรรค พปชร.ใช้รูปแบบการเดินสายคล้ายกับการหาเสียง เป็นการเอาเปรียบกับพรรคการเมืองอื่นหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ปัญหานี้ไม่ควรถามตน ตนเป็นคู่แข่งพรรคประชาชรัฐ จุดยืนของเราไม่ต้องการไปต่อสู้หรือขัดแย้งกับพรรคการเมืองไหน เราต้องการทำงานการเมืองของเรา คิดว่าทุกคนต้องเคารพกฎหมาย ทำตามกฎหมาย ซึ่งเราจะไม่ตีความเกินข้อกำหนดของกฎหมาย
นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ว่าที่กรรมการบริหารพรรคพปชร. กล่าวถึงข่าวที่ระบุว่าตนไปดูดอดีต ส.ก.และ ส.ส.จากพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) มาอยู่กับพรรคพปชร.ว่า รู้สึกเสียใจที่มีการอ้างอิงถึงตนแบบนั้น ตนต้องการทำพรรคพลังประชารัฐให้เข้มแข็งและเป็นทางเลือก ไม่มีทางที่จะเอาตำแหน่งหรือเงินไปเสนอให้กับอดีต ส.ส.หรืออดีต ส.ก.แน่นอน ตนอยู่กับ ปชป.มานานทราบดีถึงการดำเนินการของพรรค และเห็นว่า ปชป.เป็นพรรคที่มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มี ส.ส. มี ส.ก.ที่เข้มแข็งฉะนั้นถือเป็นการเข้าใจผิดอย่างมาก ทั้งนี้ ตนไม่ได้คุยกับนายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส.กทม.เกือบ 3 ปีแล้ว ตนให้เกียรติทุกคน แต่ถ้าเกิดใครอยากจะมาอยู่กับพรรค พปชร.ก็ยินดี
พท.ขู่ยุบพรรคเจอป่วน
เมื่อถามว่า ตกลง 3 อดีต ส.ก.จาก ปชป. ใครเป็นคนติดต่อมาอยู่ พปชร. นายณัฏฐพลกล่าวว่า พปชร.มีเครือข่ายที่ใหญ่พอสมควร ตนไม่ทราบ แต่หากจะต่อจิ๊กซอว์ ว่าทำไมอดีต ส.ก.ถึงอยากไปอยู่พรรคอื่น คิดว่าอดีต ส.ก.เหล่านี้อยู่ในสนามท้องถิ่น ก็เป็นไปได้ที่เขาอยากเติบโตมาเล่นการเมืองในระดับชาติ ซึ่งมองได้ง่ายมาก อย่างไรก็ตามคงไม่ใช่เลือดไหลไม่หยุด ปชป.เป็นพรรคที่เข้มแข็ง อดีต ส.ส.อย่างตน อย่างนายพุทธิพงษ์ หรือนายสกลธีออกมาก็ไม่ได้กระทบกระเทือนอะไร มีคนที่จะเข้ามาแทนที่เยอะ คงไม่เป็นเรื่องที่ ปชป.ต้องกังวลขนาดนั้น
นายสุทิน คลังแสง สมาชิกพรรคเพื่อไทย และอดีตส.ส.มหาสารคาม พรรคไทยรักไทย เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 17 ต.ค. ได้ทำบันทึกข้อคิดเห็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ส่งถึง พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่ได้รับฟังเสียงจากชาวบ้าน ที่ได้มาพูดคุยกับตน กังวลกระแสข่าวการยุบพรรคเพื่อไทยว่าอาจจะเกิดขึ้นอีกรอบ ซึ่งเขาได้มีบทเรียนมาแล้วในอดีต ตั้งแต่การยุบพรรคไทยรักไทย ยุบพรรคพลังประชาชนอีก ซึ่งถือเป็นความเจ็บปวด ส่วนพรรคเพื่อไทย ถือเป็นเรื่องที่น่าหวั่นไหว จึงเสนอแนวคิด 2 แนวทางผ่านมายังตน คือ 1.โนโหวต ถ้ามีการยุบพรรคเพื่อไทยจริง เขาอาจจะพร้อมใจไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง เท่าที่ทราบฐานเสียงเพื่อไทยมีประมาณ 17 ล้านเสียงจากคราวที่แล้ว ตอนนี้อาจมีถึง 20 ล้านเสียง จากจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมดในการเลือกตั้งครั้งหน้า โดยประมาณ 41 ล้านเสียง ถ้าหาก 20ล้านเสียงพร้อมใจไม่ไปใช้สิทธิ อาจจะทำให้ผู้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งไม่ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ ถ้าเป็นเช่นนั้น คงทำให้การเลือกตั้งได้รับผลกระทบแน่นอน
หรือ 2.ไปใช้สิทธิแต่จะโหวตโน คือไม่ประสงค์ลงคะแนนให้ใคร หากเป็นเช่นนั้นคงจะเกิดเหตุการณ์หลายเขต ผู้สมัครถึงแม้ชนะ แต่ยังจะแพ้คะแนนโหวตโนต่อผู้ที่ไม่ประสงค์ลงคะแนนเลือกใครอยู่ดี ทำให้ต้องมีการเลือกใหม่อีกหลายรอบ กว่าจะได้ผู้สมัครที่ชนะคะแนนโหวตโน
"ทั้งหมดเป็นแนวความคิด แฟนคลับหรือเอฟซีของพรรค อดีต ส.ส. และทางพรรคไม่รู้เรื่องด้วย ซึ่งทั้ง 2อย่างล้วนมีปัญหาต่อการเลือกตั้งแน่นอน แนวคิดนี้ก็แพร่กระจายไปยังหลายจังหวัดภาคอีสานแล้ว เพราะฐานเอฟซีของพรรคมีมาก เขาสื่อสารถึงกันหมด ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นกรณีที่ไม่ควรมองข้าม ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใด พรรคการเมือง ฝ่าย กกต. หรือฝ่ายที่เกี่ยวข้อง" นายสุทินกล่าว
เมื่อถามว่า พูดเหมือนขู่ว่าจะมีอย่างนี้เกิดขึ้น นายสุทินกล่าวว่า ไม่ใช่ แต่ถ้าจะคิดแบบนั้นก็ได้ แต่ตอนนี้ชาวบ้านเขาคิดแบบนี้จริงๆ เท่าที่รู้ก็แรงขึ้นเรื่อยๆ
ถามอีกว่า ในกรณีโหวตโน แม้จะเลือกหลายรอบ แต่สุดท้ายก็จะได้ผู้ชนะอยู่ดี นายสุทินกล่าวว่า ก็ใช่ แต่จะเสียเวลา อาจทำให้การตั้งรัฐบาลล่าช้า และถ้าเกิด 20-30 เขตพร้อมกัน ก็จะเปิดสภาไม่ได้ เพราะการจะเปิดสภาได้ ต้องมี ส.ส.ถึง 95 เปอร์เซ็นต์จึงเปิดสภาเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีได้ เรื่องนี้เอฟซีเขาก็มีสิทธิ์คิด เพราะเขาได้รับผลกระทบมาแล้ว 2 รอบ และถือเป็นวิธีอารยะ ไม่ได้ออกมาชุมนุมเดินขบวนทำให้วุ่นวาย.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |