หาจุด 'บาลานซ์' สกัด 'ปชป.' เลือดไหล


เพิ่มเพื่อน    

      ต้นตำรับแห่งการดูดอย่าง พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ยังคงไม่รู้สึกว่าการกระทำที่ดำเนินการอยู่เป็นการเมืองแบบเก่า ที่สำคัญบรรดาคนของ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือแม้กระทั่งตัว “บิ๊กตู่” เอง ก็รังเกียจทั้งเรื่องนักการเมืองและวิธีการเล่นการเมืองแบบวิธีเดิม

      แต่วันนี้ทั้งนายกรัฐมนตรีและพรรคพลังประชารัฐกลับเจริญรอยตามเสียเอง!!!

      ซ้ำร้าย “อุตตม สาวนายน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะว่าที่หัวหน้า พปชร. ยังให้สัมภาษณ์หน้าตาเฉย

       “การดูดอดีต ส.ส.จากพรรคอื่นเป็นปกติของนักการเมืองที่จะย้ายพรรค ทางกลุ่มไม่ได้ทำสิ่งใดที่เกินเลย ส่วนบุคคลที่ติดต่อ ถือเป็นบุคคลคุ้นเคยและมีมาจากหลากหลายกลุ่ม ส่วนเสียงวิจารณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นเรื่องที่ห้ามไม่ได้ แต่สุดท้ายประชาชนจะเป็นผู้พิจารณาว่าข้อกล่าวหาที่มีเชื่อถือได้หรือไม่”

      จากความคิดเห็นดังกล่าว ทำให้ประชาชนที่ไม่ได้ฝักใฝ่พรรคการเมืองใดเป็นพิเศษต้องผิดหวัง เพราะดูทรงแล้วสิ่งที่พูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะทำให้การเมือง ทำให้ประเทศดีขึ้น คงเป็นไปได้ยาก แม้จะมีพรรคใหม่อย่างพลังประชารัฐเพิ่มขึ้นในสภาผู้แทนราษฎรก็ตาม แต่ก็เสมือนเป็นการเพิ่มจำนวนปริมาณน้ำเน่าให้มากขึ้นในวังน้ำวนการเมืองก็เท่านั้น

      ทว่า พูดไปเหมือนเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา ในเมื่อการเข้าสู่หนทางการเมืองเริ่มต้นจากผลประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าผลประโยชน์ส่วนร่วมของประเทศ ดังนั้น จะฉุดพลังดูดให้หยุดดำเนินการจึงไม่ง่าย

      ด้านพรรคการเมืองใหญ่ก็ถูกดูดเช้าดูดเย็น อย่างพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เรียกว่า “เลือดไหลโจ๊ก” โดยจากการประมาณจำนวนที่พรรคต้องสูญเสียบุคลากรให้แก่ "พปชร." อยู่ที่กว่า 10 คน

      ด้านอดีต ส.ส.ที่ย้ายไปซุกปีก พปชร. เช่น ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ อดีต ส.ส.กทม. ปี 52, พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีต ส.ส.กทม. ปี 54, สกลธี ภัททิยกุล อดีต ส.ส.กทม. ปี 50, ประมวล เอมเปีย อดีต ส.ส.ชลบุรี, สรวุฒิ เนื่องจำนงค์ อดีต ส.ส.ชลบุรี เป็นต้น

      ล่าสุด "ดูด" นายธรรมวิชญ์ และ นายอัฏฐพล โพธิพิพิธ อดีต ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ และบุตรชายของ กำนันเซียะ-ประชา โพธิพิพิธ ผู้กว้างขวางในจังหวัดกาญจนบุรีไปอีก

      อย่างไรก็ตาม ปชป.ยังถูกดูดหยั่งลึกถึงอดีตสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) ซึ่งถือเป็นรากแก้วสำคัญในการหาเสียงทำพื้นที่ กทม.

      โดยขณะนี้ไปแล้ว 3 คน ได้แก่ นางกานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ ส.ก.เขตพระนคร นางกนกนุช นากสุวรรณภา ส.ก.เขตดอนเมือง และ นางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา ส.ก.เขตคลองเตย

      จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลายคนตั้งข้อสงสัยว่าเหตุใดคนเหล่านี้ถึงตีจากบ้านเก่าของเขา???

      ส่วนหนึ่งว่ากันว่า ไปเพราะตัวเงินและผลประโยชน์ด้านธุรกิจ แต่บางคนก็มีความจำเป็นและต้องกล้ำกลืนความรู้สึก เช่น สองลูกชายของกำนันเซียะ ว่ากันว่ามีการดีลพิเศษในคดีของบิดา หาก “ธรรมวิชญ์และอัฏฐพล” ยอมย้าย จะช่วยให้กำนันเซียะซึ่งหนีคดีอยู่ต่างประเทศ อีกทั้งสุขภาพไม่แข็งแรงและอายุมาก กลับมารับโทษในเมืองไทยอย่างไม่ทรมานสังขารนัก

      ส่วนอดีต ส.ก.นั้น ปมลึกๆ แล้ว เขาเพียงต้องการมีที่ยืนในสัดส่วน ส.ส. เพราะที่ผ่านมาทำงานใกล้ชิดประชาชนในเขตรับผิดชอบมาโดยตลอด แต่พรรคก็กลับส่งลูกท่านหลานเธอมาเสียบแทน

      ฉะนั้นเมื่อ "พปชร." เปิดโอกาสให้เป็นผู้สมัคร ส.ส.  เป็นธรรมดาที่อดีต ส.ก.เหล่านั้นต้องเก็บเกี่ยวโอกาส เพราะในแง่ฝีมือความจัดจ้านในการหาเสียงของตัวเองไม่ได้แพ้อดีต ส.ส.ของพรรค

      เมื่อถอดบทเรียน "ปชป." ก็ต้องยอมรับในจุดนี้ว่า ควรหาจุดบาลานซ์ ระหว่างคนฝีมือกับเด็กในอุปการคุณ โดยเฉพาะในการเลือกตั้งครั้งที่จะถึงนี้ เห็นว่ามีคนรุ่นใหม่ที่เส้นใหญ่จ่อลง ส.ส.เพียบ

      หากยังเป็นแบบนี้ บอกตรงๆ ปชป.อาจเลือดไหล (เกือบ) หมดตัว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"