อย่าเพิ่งตกใจ!
    ไม่ได้หมายความว่า พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ตั้งท่าจะรัฐประหาร 
    วานนี้ (๑๗ ตุลาคม) นักการเมืองพากันตกใจ เพราะ "บิ๊กแดง" บอกว่า 
    "ผมมั่นใจว่า ถ้าการเมืองไม่เป็นต้นเหตุแห่งการจลาจล ก็ไม่มีอะไร ประเทศไทยเคยมีปฏิวัติมา ๑๐  กว่าครั้ง แต่ไม่เหมือนสมัยก่อนแล้ว เพราะช่วงหลังเกิดจากการเมืองทั้งสิ้น ผมไม่ได้บอกว่านักการเมืองดีหรือไม่ดี แต่เชื่อว่านักการเมืองที่ดีก็มี และนักการเมืองที่ไม่ดีก็มี"
    สิ่งหนึ่งที่นักการเมืองต้องยอมรับคือ เมื่อเกิดความขัดแย้งแล้ว นักการเมืองไม่สามารถจัดการได้  ทำให้ประเทศอยู่ในสภาวะสุญญากาศแห่งอำนาจ 
    เดินหน้าก็ไม่ไป ถอยหลังก็ไม่ได้! 
    กรณีช่วงปลายรัฐบาลยิ่งลักษณ์เป็นตัวอย่างที่เห็นชัดเจน 
    ที่จริงการขจัดความขัดแย้งในสังคมให้หายไปมีอยู่หลายสูตร 
    มีหลายคนเห็นด้วยว่า ทหารไม่ควรเข้ามาเกี่ยวข้องเลย ซึ่งก็เป็นแนวทางที่เป็นสากล ให้การเมืองจัดการกันเอง 
    แต่แนวทางนี้ต้องยอมรับความสูญเสียอย่างมหาศาลที่จะตามมา 
    หากย้อนกลับไปไม่มีการรัฐประหาร ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ จะเกิดอะไรขึ้น 
    ความขัดแย้งระหว่างประชาชน ๒ ฝ่าย มีการเมืองอยู่เบื้องหลัง และไร้กรรมการ จะนองเลือดกันเท่าไหร่ 
    บรรดาคนที่อ้างตัวเป็นแกนนำฝ่ายประชาธิปไตย พูดอยู่หลายครั้งว่า หากต้องนองเลือดก็ยอม เพื่อให้ได้ประชาธิปไตยที่แท้จริง     
    แต่...คุ้นๆ ว่าเราผ่านเหตุการณ์วิปโยค เดือนตุลาคมในอดีต เจ็บ ตาย เป็นร้อยเป็นพัน 
    วันนี้เราก็กลับมาสู่จุดเดิมคือมีความขัดแย้งทางการเมือง มีการรัฐประหาร
    แล้วสาเหตุจริงๆ เกิดจากอะไรกันแน่
    เกิดจากทหารเข้ามายุ่งเกี่ยวการเมือง 
    หรือการเมืองเอาแต่คอร์รัปชัน 
    หรือมันเกื้อหนุนกัน  
    หากนักการเมืองไม่โกง ทหารก็ไม่มีข้ออ้างในการทำรัฐประหาร
    กลับกัน ทหารจะกล้าทำรัฐประหารหรือไม่ หากการเมืองมีความโปร่งใส ทำเพื่อผลประโยชน์ชาติ ประชาชน อย่างแท้จริง
    ประชาชนฉลาดมากขึ้นและไม่ยอมแน่หากอำนาจของการเมืองที่โปร่งใสถูกทหารยึดไป 
    แต่น่าเสียดายตรงที่ประชาชนบางส่วนยังฉลาดไม่พอ ยังเชิดชูคนโกง อยากให้คนโกงกลับมามีอำนาจ  
    บวกกับนักวิชาการโลกสวย ท่องประชาธิปไตยในกระดาษ ไม่ยอมออกมาดูว่าของจริงคืออะไร 
    ฉะนั้นวันนี้มาเริ่มกัน...ช่วยกันทำให้การเมืองโปร่งใส เพื่อป้องกันไม่ให้ทหารทำรัฐประหาร 
    เริ่มจากพรรคที่คนโกงเป็นเจ้าของก่อนดีไหม!