17 ต.ค. 61 - นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำแน่วร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) แสดงความเห็นเผ่านเฟบุ๊กอีกครั้ง โดยระบุว่า "ทหารไม่ได้มีไว้เพื่อทำรัฐประหารกองทัพไม่ได้มีไว้ใช้แก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง
ต่อข้อถามที่ว่า “แสดงว่ามั่นใจว่า(รัฐประหาร)จะไม่มีเกิดขึ้นในอนาคตแน่นอนใช่หรือไม่”พลเอกอภิรัชต์กล่าวว่า “ผมมั่นใจว่าถ้าการเมืองไม่เป็นต้นเหตุการจลาจล ถ้ามันไม่เกิด มันก็ไม่มีอะไร”
ก็คือ พล.อ.อภิรัชต์ ยืนยันว่า ถ้าไม่มีความขัดแย้งทางการเมืองจนถึงขั้นเป็นจลาจล มันก็ไม่มีการรัฐประหาร
หรือความนัยที่ซ่อนอยู่ก็คือ “ถ้ามันมีความขัดแย้งทางการเมืองจนถึงขั้นเป็นจลาจล มันก็จะเกิดการรัฐประหาร”
ตรงนี้เท่ากับ ตอบชัดเจนว่า
เมื่อมีเงื่อนไขดังกล่าวก็จะทำรัฐประหาร
เมื่อมีเงื่อนไขดังกล่าวก็จะใช้กองทัพเข้ามาแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง
ผมขอเรียน พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการกองทัพบกด้วยความเคารพว่า
หลักสัจจธรรมในโลกนี้ได้ตราไว้แล้วว่า
“การเมืองต้องแก้ปัญหาด้วยการเมือง”
“การทหารไม่สามารถแก้ปัญหาทางการเมืองภายในประเทศได้”
การใช้การทหารแก้ปัญหาทางการเมืองภายในประเทศ
มักนำไปสู่ปัญหาที่สาหัสมากยิ่งขึ้น
สงครามกลางเมืองกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยยุติได้โดยใช้ “การเมืองนำการทหาร” คำสั่งนายกรัฐมนตรี66/23เพียงฉบับเดียวสามารถยุติสงครามกลางเมืองที่สูญเสียชีวิตคนไทยทั้งสองฝ่ายปีละหลายร้อยศพเป็นเวลาหลายปีภายในเวลาเพียงชั่วไม่นาน
นี่เป็นข้อพิสูจน์ที่มีพลังที่สุด
การแก้ปัญหาที่ต้องการทำลายระบอบทักษิณ โดยการยึดอำนาจรัฐประหารเมื่อปี49กลายเป็นว่า
ปัญหาความขัดแย้งยืดยาวมาจนต้องรัฐประหารซ้ำปี57และก็ไม่มีหลักประกันใดๆที่ปัญหา “ระบอบทักษิณ”จะหมดไป
หรือจะต้องทำรัฐประหารซ้ำอีกหรือไม่
ซึ่งหากทำรัฐประหารซ้ำอีก
ก็ไม่มีวี่แววว่าจะยุติ “ระบอบทักษิณ”ลงไปได้
แต่กลับจะสร้างความขัดแย้งแตกแยกที่ร้าวลึกมากยิ่งๆขึ้นไปอีก
ภารกิจของกองทัพไม่ใช่ทำการยึดอำนาจรัฐประหาร
โดยอ้างเหตุที่จะยุติการจลาจล หรือไม่ว่าจะอ้างเหตุใดก็ตาม
ไม่มีอารยะประเทศใดๆในโลกปัจจุบันที่ผู้นำกองทัพยึดอำนาจรัฐประหารเพื่อโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนลงไปมาเป็นเวลาหลายสิบปีแล้วนับตั้งแต่หลังสงครามเวียดนามเป็นต้นมา(ก่อนนั้นโดยการหนุนหลังของจักรพรรดินิยมอเมริกาผู้นำทหารเผด็จการมักจะทำการรัฐประหารรัฐบาลประชาธิปไตยอยู่เนืองๆ)
อันที่จริงการรัฐประหาร49นั้นก็ปรากฏชัดแล้วว่าเป็นการตกลงร่วมกันโดยผู้นำม๊อบสร้างความวุ่นวายเพื่อเป็นเงื่อนไขปูทางให้ผู้นำกองทัพทำการรัฐประหารโค่นล้มทักษิณ
ในปี57ก็ปรากฏหลักฐานในสื่อบางฉบับบ่งบอกโดยผู้นำม๊อบเองว่ามีการร่วมมือกันกับฝ่ายทหารเพื่อนำไปสู่การรัฐประหาร แม้ว่าฝ่ายทหารจะปฏิเสธก็ตาม
ประวัติศาสตร์ประเทศไทยก็ได้บันทึกเรื่องราวที่ผู้นำทหารสร้างเรื่องขึ้นเพื่ออ้างเป็นเหตุในการทำการรัฐประหารยึดอำนาจที่ชัดเจนก็คือ
ในสมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ที่ก่อให้เกิดการรวมตัวชุมนุมของนิสิตนักศึกษา แล้วเดินไปคัดค้านการเลือกตั้งสกปรกของจอมพลป.
จนจอมพลสฤษดิ์ได้โอกาสในการสร้างภาพตนเองให้เป็น
"อัศวินม้าขาว”กระโดดออกมาช่วยนิสิตนักศึกษาให้รอดจากการถูกยิงกระหน่ำโดยทหารที่ติดอาวุธสงคราม
จากนั้นจอมพลสฤษดิ์ก็ได้ใช้เงื่อนไขนี้ในการยึดอำนาจจากจอมพลป.
ส่วนในสมัยรสช.ทหารก็ยึดอำนาจ โดยไม่จำเป็นต้องมีเหตุการณ์วุ่นวายจลาจล มีคนไทยออกมาตีกัน ยิงกัน ฆ่ากัน เผาโน่นเผานี่แต่อย่างไร รสช.ก็ออกมายึดอำนาจโดยอาศัยข้ออ้างต่างๆซึ่งต่อมาภายหลังก็พิสูจน์ชัดเจนว่าไม่เป็นความจริง
ดังนั้นการยึดอำนาจนั้น เป็นเจตจำนงของผู้นำทหารว่าจะทำการยึดอำนาจหรือไม่ ส่วนเหตุผลหรือข้อกล่าวอ้าง ก็เป็นเพียงข้อแก้ตัวให้กับการกระทำที่ผิดกฏหมายอาญาฐานกบฏของพวกตนเท่านั้น
ผมยืนยันว่า ทหารต้องไม่ทำการรัฐประหาร ทหารต้องไม่เข้ามาแทรกแซงการเมือง ไม่ว่าจะมีเหตุประการใดก็ตาม
ทหารและกองทัพมีหน้าที่ในการปกป้องรักษาอธิปไตยของประเทศ และสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์จากการรุกรานของข้าศึกศัตรูต่างชาติเท่านั้น"
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |