แด่...เพื่อนพ้องน้องพี่


เพิ่มเพื่อน    

        เห็นข่าว...คุณ สมยศ พฤกษาเกษมสุข อดีตแกนนำคนเสื้อแดง นำเอาเรื่องราวชะตากรรมของบรรดาผู้ลี้ภัยในต่างแดน อย่าง วิสา คัญทัพ จรัล ดิษฐาอภิชัย ไปจนถึง หัวโต-สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล มาเปิดเผย เล่าสู่กันฟังโดยคร่าวๆ ซึ่งเมื่อได้อ่านแล้ว ฟังแล้ว ต้องเรียกว่า...อดที่จะ อึ้ง อดที่จะสะทกสะท้อนใจตามไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้...

                                 ------------------------------------------------

        โดยเฉพาะเมื่อแต่ละราย...ต่างก็เคยเป็นเพื่อน หรือถือเป็นเพื่อนๆ มาด้วยกันทั้งนั้น และด้วย ความเป็นเพื่อน นั่นเอง ที่ทำให้เมื่อได้เห็นเพื่อนๆ ตกอยู่ในความเดือดร้อน ลำเค็ญ โดยอารมณ์ ความรู้สึก มันเลยหนีไม่พ้นต้องหดหู่ เศร้าหมอง อดเป็นห่วง เป็นใย ขึ้นมามิได้ แม้ว่าในแง่ของ ความเป็นการเมือง มันจะออกไปในแง่ไหน แนวไหน ก็แล้วแต่ ซึ่งคงแทบไม่ต้องเสียเวลาหยิบยกมาพูดถึง เพราะถ้าว่าถึง ความเป็นเพื่อน ไม่ว่าจะเพื่อนมนุษย์ เพื่อนผู้ร่วมวัฏสงสาร หรือเพื่อนที่เคยคบหาสนิทสนมกันมา เอาเข้าจริงๆ แล้ว...มันอาจมีคุณค่า ราคา สูงซะยิ่งไปกว่า ความเป็นการเมือง ไม่รู้กี่สิบ กี่ร้อยเท่า...

                                   -----------------------------------------------

        แต่ก็นั่นแหละ...สำหรับผู้คนจำนวนไม่น้อย อาจเห็นว่า ความเป็นการเมือง นั้น มันน่าจะสำคัญกว่า เลยทำให้ความขัดแย้ง แตกต่าง ระหว่างผู้ที่มีแนวคิดทางการเมือง มีอุดมการณ์ทางการเมือง ผิดแผกกันไป ไปไกลถึงขั้นต้องกัดกัน ด่ากัน ต้องลงมือ ลงตีน หรือขั้นต้องประหัตประหาร เข่นฆ่ากันและกัน เอาเลยก็ยังมี ไม่ว่าเพื่อนกับเพื่อน พี่กับน้อง หรือแม้กระทั่งพ่อกับลูก แต่สุดท้าย...ไม่ว่า ความเป็นการเมือง มันจะเป็นไปในรูปไหน แบบไหน ผู้ที่ยึดมั่น ถือมั่น อยู่กับแนวคิดทางการเมือง อุดมคติทางการเมืองในแต่ละชนิด ก็คงหนีไม่พ้นไปจาก ความเป็นมนุษย์ กันจนได้ หนีไม่พ้นไปจากการเกิด-แก่-เจ็บ-ตาย อันเป็นสิ่งที่ทำให้ใครต่อใคร ล้วนแล้วแต่เป็น เพื่อนผู้ร่วมวัฏสงสาร ไปด้วยกันทั้งสิ้น...

                                ----------------------------------------------------

        แต่กว่าจะมองเห็นใครต่อใครเป็น เพื่อนผู้ร่วมวัฏสงสาร ไปด้วยกันทั้งนั้น...ไอ้ ความเป็นการเมือง นี่เอง ที่มันทำให้ทุกสิ่งทุกอย่าง ถูกบิดเบือน เฉไฉ ไปในทิศทางอื่น เป็น รายจ่าย ที่อาจต้องจ่ายกันแทบทั้งชีวิตเอาเลยก็มี จนกว่าจะเจ็บ จะตาย หรือจะเห็นการเจ็บ การตาย แบบซ้ำๆ ซากๆ จนพอตระหนักได้ว่า ไม่ว่าใครก็ใคร ไม่ว่าผู้ที่มีแนวคิดทางการเมืองไปในแบบไหน อย่างไร สุดท้าย...มีแต่ต้อง ตาย ไปด้วยกันทั้งสิ้น ไม่มีใครอยู่ยั้ง ยืนยง เป็นอมตะได้เลยซักรายเดียว เมื่อถึงจังหวะนั้นนั่นแหละ เรื่องของ ชีวิต หรือเรื่องของ ความเป็นมนุษย์ จึงอาจถูกยกระดับ ให้มีคุณค่า ราคา ยิ่งไปกว่าเรื่องของ การเมือง ได้บ้าง...

                                 -----------------------------------------------------

        ทั้งๆ ที่ว่าไปแล้ว...ไม่ว่า มนุษย์ หน้าไหน ต่อหน้าไหน ชาติใด ภาษาใด หรือไม่ว่าจะคิดเห็นทางการเมืองไปในรูปไหน ลักษณะไหน ต่างถูก ออกแบบ หรือถูก โปรแกรม ให้ต้องหันมาคิดในเรื่อง ชีวิต เอาไว้เยอะๆ นั่นแหละ ไม่ใช่ถูกออกแบบให้ต้องมาคิดแต่เรื่องการเมืองกันลูกเดียว ด้วยเหตุเพราะความตาย การพลัดพราก ความไม่สบายกาย สบายใจ หรือบรรดา ความทุกข์ ทั้งหลาย มันคือตัวกำหนดให้ต้องคิดถึงสิ่งเหล่านี้กันจนได้ ไม่ว่าจะก่อกำเนิด เกิดขึ้นมา ในประเทศไหน สังคมไหน ไม่ว่าจะถูกปกครองด้วยระบอบเผด็จการ ประชาธิปไตย คอมมิวนิสต์ คอมมูหน่อย อะไรก็ตาม สุดท้าย...ทุกสิ่งทุกอย่าง ก็ยังคงวนไป-วนมา อยู่กับ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา นั่นแล...

                                 ---------------------------------------------------

        แต่ก็อย่างว่า...กว่าที่ใครต่อใครจะหันมาคิดในเรื่องทำนองนี้ บางครั้ง บางครา อาจต้องทุ่มเท รายจ่าย กันแทบตลอดทั้งชีวิตเอาเลยก็มี ต้องเหน็ดเหนื่อย เมื่อยล้า กับการต่อสู้ เผด็จการ มาตั้งแต่วัยหนุ่ม ต้องเสี่ยงชีวิต เสี่ยงอันตราย จากการ เข้าป่า ขณะวัยฉกรรจ์ ออกจากป่ามาแล้ว ยังต้องดิ้นรน กระวนกระวาย เพื่อให้มีโอกาสอยู่รอด ปลอดภัย มีที่ยืน ที่ให้การยอมรับ ใน สังคมทุนนิยม ที่ตัวเองเคยคิดจะหักโค่น แต่กลับต้องหันมายอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้ อะไรต่อมิอะไรเหล่านี้...มันเลยทำให้เรื่องของ การเมือง มันเลยอาจเป็นสิ่งสำคัญยิ่งไปกว่าเรื่องของ ชีวิต ไปโดยปริยาย...

                              ----------------------------------------------------

        แต่สุดท้าย...เมื่อหนีไม่พ้นต้องแก่ ต้องเจ็บ ต้องตาย ต้องเผชิญหน้ากับการพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก ต้องเจอกับความไม่สบายกาย ไม่สบายใจ หรือบรรดา ความทุกข์ ทั้งหลาย เรื่องของ ชีวิต มันคงเป็นเรื่องที่ควรเก็บมาคิดๆ ให้มากๆ เข้าไว้ หรือให้มากไปกว่าเรื่อง การเมือง ที่มันไม่อาจให้ คำตอบ ใดๆ ได้เลย สำหรับ โจทย์ หรือ โปรแกรม ที่ใครก็ไม่รู้ ท่านได้ ออกแบบ เอาไว้ให้กับ ความเป็นมนุษย์ มาตั้งแต่แรก และด้วย ความเป็นเพื่อน ด้วยความเป็นห่วง เป็นใย นั่นเอง ที่ทำให้อดที่จะส่งความปรารถนาดี มาให้กับผู้ที่ต้องเผชิญกับชะตากรรมอันน่าเหน็ดเหนื่อยเหล่านี้ มาไว้ ณ ที่นี้ ส่วนเรื่อง การเมือง นั้น...คงไม่ต้องเสียเวลาพูดถึง เพราะพูดไป-พูดมา อาจโดน เพื่อนถีบ เอาง่ายๆ เนื่องจากแต่ละราย...ท่านก็ ดื้อๆ ไปด้วยกันทั้งสิ้น เอาเป็นว่า...ในเมื่อต่างก็แก่ๆ กันแล้ว หันมาคิดในเรื่อง ธรรมะ เอาไว้ให้หนักๆ นั่นแหละ น่าจะเข้าท่ากว่าเป็นไหนๆ...

                                 --------------------------------------------------------

        ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Sanskrit saying... “When thou go away from here, no one will follow thee. Only thy good and thy evil deeds, they will follow thee wherever thou go. – เมื่อท่านลาจากโลกนี้ไป ไม่มีผู้ใดจะไปกับท่าน มีแต่กรรมดีและกรรมชั่วเท่านั้น ที่จะติดตามท่านไปในทุกหนแห่ง...”

                                -------------------------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"