ยอดตามเพจ-ทวิตเตอร์-ไอจี "ประยุทธ์" ถล่มทลาย คนเมนต์รัวๆ ทั้งหยิก เหน็บ ล้อเลียน  "หลานโอ๊ค" เย้ย "ลุงฉุน" รับสมัครนักลบไซเบอร์ไหม "เด็กเพื่อไทย" ท้าอย่าปิดเพจหนี ด้าน "ไก่อู" ซัดกลับนักการเมืองก็ใช้โซเชียลมีเดียเหมือนกัน เชื่อนายกฯ อยู่ในแวดวงนี้ต้องทำใจอยู่แล้ว
    เมื่อวันที่ 15 ต.ค. มีความเคลื่อนไหวจากฝ่ายการเมืองหลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เปิดโซเชียลมีเดียในการสื่อสารกับสังคมเมื่อวันที่ 14 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและผู้ต้องหาหนีคดี ได้โพสต์ภาพตนเองภายในร้านกาแฟ พร้อมเขียนข้อความลงอินสตาแกรมว่า "ลุงฉุน รับสมัครนักลบไซเบอร์ไหมครับ ลบเร็ว ลบหมด ลบทุกคอมเมนต์"
    นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สาเหตุที่ พล.อ.ประยุทธ์เปิดเพจเฟซบุ๊กส่วนตัวอย่างเป็นทางการเพื่อต้องการให้คนเข้ามาเชียร์ เพราะก่อนหน้านี้ที่ทีมงานเปิดเพจต่างๆ ขึ้นมากลับถูกคนเข้ามาโจมตี แต่ครั้งนี้คงไม่ต่างกัน เพราะสุดท้ายสิ่งที่ประชาชนจะแสดงความคิดเห็นเข้ามาคือการโจมตีเหมือนเดิม เนื่องจากประชาชนต้องการแสดงความคิดเห็นถึงการบริหารงานที่ผิดพลาด เพราะวันนี้ประชาชนเดือดร้อนทุกพื้นที่ สิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ต้องทำไม่ใช่เปิดเพจใหม่ไปเรื่อยๆ แต่ต้องยอมรับความเป็นจริงว่าผลงานที่ผ่านมาไม่เข้าตาประชาชน      
    นายสมคิด เชื้อคง อดีต ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์เป็นนักการเมืองเต็มร้อย อย่าคิดว่าตัวเองไม่ใช่ เป็นตั้งแต่ที่รับตำแหน่งนายกฯ เพียงแต่ไม่ยอมรับเองเท่านั้น การเปิดสื่อออนไลน์ต่างๆ ทีมงานก็ดำเนินการให้อยู่แล้ว แต่ในส่วนตัวของนายกฯ ไม่รู้จะทำเองได้หรือเปล่า หรือเพียงแต่ต้องการพัฒนาเป็น 4.0 นอกจากนี้ท่านจะต้องถูกนำรายชื่อเสนอให้เป็น 3 แคนดิเดตนายกฯ  ของพรรคการเมืองตามรัฐธรรมนูญ ดังนั้นจึงต้องเปิดช่องทางเพื่อหาคะแนนเสียงจากประชาชน การกระทำดังกล่าวไม่ใช่เรื่องที่ผิดแปลก ส่วนจะได้ผลประการใดประชาชนจะตอบสนองอย่างไรก็อีกเรื่องหนึ่ง
    "ขอแนะนำนายกฯ ว่าอยากแสดงความคิดเห็นอย่างไร ก็แสดงออกมาผ่านทางช่องทางที่มี แต่อย่าอ่านคอมเมนต์ เพราะเมื่ออ่านแล้วเป็นไปได้ว่าไม่กี่วันอาจจะต้องปิด Account พวกนี้ก็ได้ นอกจากนี้จะต้องรู้จักเคารพความคิดเห็นของทุกคน ไม่ว่าเราจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย และในฐานะของนายกฯ ก็ต้องอยู่นิ่งๆ" นายสมคิดกล่าว          
    ขณะที่ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการวิพากษ์วิจารณ์กรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์เปิดช่องทางสื่อสารออนไลน์ของตนเองว่า มีการวิพากษ์วิจารณ์กันได้ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการลงพื้นที่ตรวจราชการในกรุงเทพฯ ก็หาว่าเป็นการหาเสียง ลงพื้นที่ต่างจังหวัดก็บอกว่าหาเสียง อีกทั้งในการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรนอกสถานที่ก็หาว่ารุกหนักหาเสียง และเมื่อเปิดเฟซบุ๊กก็ถูกมองว่าเป็นการหาเสียงอีก แต่หากไม่มีการติดต่อกับประชาชนเลยก็กลายเป็นเข้าถึงยาก ดังนั้นหากคนจะตำหนิก็สามารถตำหนิได้ทุกเรื่อง แต่หากเข้าใจว่าเป็นเรื่องของช่องทางหนึ่งที่นายกฯ ต้องการติดต่อสื่อสารกับประชาชนโดยตรงก็จบ ไม่น่ามีปัญหาอะไร อีกทั้งยังเห็นว่านักการเมืองแทบทุกคนที่ออกมาต่อว่าคนนั้นคนนี้ แต่ตนเองก็ทำเหมือนกัน
    พล.ท.สรรเสริญยังกล่าวถึงกรณีที่อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย (พท.) แนะให้ พล.อ.ประยุทธ์อย่าอ่านคอมเมนต์เพราะอาจจะต้องปิด Account เฟซบุ๊กไปได้ว่า เป็นเรื่องธรรมดาที่คนไทยหากรู้สึกเห็นด้วยหรือชอบก็อาจเฉยๆ แต่ถ้าคนที่ไม่ชอบจะโพสต์ไม่เห็นด้วย หรือโพสต์ข้อความอะไรก็ตามก็เป็นเรื่องธรรมดาปกติ หากอยู่ในแวดวงนี้ก็ต้องทำใจอยู่แล้ว
     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 14 ต.ค.ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ได้สื่อสารกับประชาชนผ่านสื่อโซเชียลมีเดียในหลากหลายช่องทาง ทั้งเว็บไซต์ www.prayutchan-o-cha.com/PRAYUT CHAN-O-CHA  มีการนำเสนอประวัติพลเอกประยุทธ์ วิสัยทัศน์ มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ความเคลื่อนไหวรวมถึงภารกิจต่างๆ  และยังมีการทำผลสำรวจความคิดเห็นจากประชาชน เช่น "นโยบายใดของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ที่ชื่นชอบและอยากให้ดำเนินการต่อมากที่สุด", "คุณอยากให้นายกรัฐมนตรี ประยุทธ์ จันทร์โอชา แก้ไขปัญหาอะไรมากที่สุด" รวมถึงช่องทางการติดต่อกับนายกฯ
    นอกจากนั้นยังมีการเปิดเพจเฟซบุ๊กชื่อ "ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha" Government  Official ซึ่งมีการโพสต์ภาพและข้อความแนะนำตัวว่า "สวัสดีครับ พี่น้องประชาชนที่รักทุกท่าน จากการที่พวกเราส่วนใหญ่นิยมสื่อสารกันผ่าน Facebook อยู่เป็นประจำ ผมจึงถือโอกาสเปิด Facebook ส่วนตัวของผม เพื่อใช้เป็นอีกช่องทางในการสื่อสารแนวนโยบายการทำงานของผมและรัฐบาล รวมถึงเล่าสู่กันฟังถึงข้อมูลที่จะเป็นประโยชน์ และเป็นช่องทางที่ผมและพี่น้องประชาชนจะเข้าถึงกันได้ดียิ่งขึ้น หากท่านมีข้อเสนอแนะ ต้องการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น หรือต้องการให้ผมลงไปดูแลแก้ปัญหา ก็สามารถเขียนเข้ามาเล่าสู่กันฟังได้ เพื่อที่ผมและทีมงานจะได้มีข้อมูลและดูแลช่วยเหลือได้โดยตรงครับ"
    ขณะเดียวกันยังเปิดช่องทางสื่อสารอินสตาแกรมหรือไอจี ชื่อ "@Prayutofficial" และทวิตเตอร์ ในชื่อผู้ใช้งานว่า "@Prayutofficial" ซึ่งเป็นช่องทางที่คนไทยนิยมใช้ติดต่อสื่อสารและใช้รับข้อมูลข่าวสารอีกด้วย อย่างไรก็ตาม การเปิด 4 ช่องทางการสื่อสารนั้น นายกฯ และทีมงานใกล้ชิดจะเป็นแอดมินดูแลเพจเอง ซึ่งช่องทางดังกล่าวนายกฯ จะสื่อสารถึงประชาชนโดยตรง โดยจะมีการเผยแพร่การทำงาน รวมถึงเผยแพร่มุมสบายๆ หรือไลฟ์สไตล์ของนายกฯ ในมุมที่ไม่เคยเห็น ซึ่งจะต่างจากเพจอื่นๆ ก่อนหน้านี้ ที่เป็นทีมงานหรือบุคคลอื่นเป็นคนจัดทำขึ้น
     เป็นที่น่าสังเกตด้วยว่า หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ประกาศสนใจงานการเมือง มีการประกาศเปิดตัวพรรคพลังประชารัฐ และกำลังใกล้เข้าสู่ช่วงเลือกตั้งตามที่กำหนด 24 ก.พ.62 ก็ได้เห็นการปรับเปลี่ยนรูปแบบการสื่อสารของ พล.อ.ประยุทธ์มากยิ่งขึ้น นอกเหนือจากการลงพื้นที่ตรวจราชการและประชุมครม.สัญจร
    ทั้งนี้ ภายหลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์เปิดเพจเฟซบุ๊กได้เพียง 1 วัน ปรากฏว่ามีประชาชนผู้ใช้เฟซบุ๊กให้ความสนใจกดไลก์เพจและโพสต์ข้อความจำนวนมาก โดยมียอดผู้ติดตามล่าสุดถึงช่วงบ่ายของวันนี้ (15 ต.ค.) เกือบ 6 หมื่นคน โดยมีการโพสต์ข้อความโจมตี เหน็บแนม และภาพอินโฟกราฟิกล้อเลียน อีกทั้งยังมีการโพสต์ข้อความที่ พล.อ.ประยุทธ์เคยระบุว่า "วิธีทําให้ตัวเองมีความสุขคือการไม่เล่นเฟซบุ๊ก ไม่ดูโซเชียล เพื่อทำให้หัวโล่งทั้งวัน เพราะถ้าเปิดอ่านก็หมดแรงข้าวต้ม เพราะเห็นว่ามีแต่คนด่าทั้งวัน" ขณะที่อีกส่วนหนึ่งก็ได้โพสต์ข้อความชื่นชมและให้กำลังใจ ขณะที่ทวิตเตอร์มีคนตามเกือบ 8 พันคน 
    ช่วงค่ำ พล.อ.ประยุทธ์ได้โพสต์ข้อความในเพจประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha ระบุว่า  "ขอบคุณทุกคนมากที่ให้ความสนใจในการที่ผมเปิดเฟซบุ๊ก เห็นคนเขียนมาหามากมาย ผมดูแล้วส่วนใหญ่จะมาเขียนเอาสนุก ทั้งชอบทั้งไม่ชอบ เป็นเรื่องปกติ ผมเปิดเฟซบุ๊กเพราะต้องการทราบปัญหาของพี่น้องประชาชน ผมจะได้หาแนวทางให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องลงไปดูและแก้ปัญหา ตอนนี้หากใครมีปัญหา หรือข้อแนะนำอะไรลองเข้าเว็บไซต์ของผม ผมมีทีมงานช่วยเอาข้อมูลมาให้ผมดูโดยตรง อาจจะตอบช้าบ้าง แต่ยังไงผมก็จะพยายามติดตามอ่านให้ได้มากที่สุดครับ www.prayutchan-o-cha.com"