15 ต.ค.61-ชมรมเภสัชกรภาคใต้และ 12  เครือข่ายวิชาชีพเภสัชกรรม  อาทิ ชมรมเภสัชกร 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้, ชมรมเภสัชกรชุมชนจังหวัดสงขลา, ชมรมเภสัชกรชุมชนจังหวัดภูเก็ต,ชมรมเภสัชกรชุมชนจังหวัดสุราษฎร์ธานี, สมาคมศิษย์เก่าคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์, เป็นต้น  ได้ออกแถลงการณ์  ฉบับที่ 1461 ลงนามโดย ภญ. สุจิตา กุลถวายพร)ประธานชมรมเภสัชกรภาคใต้ เพื่อคัดค้าน (ร่าง) พระราชบัญญัติยา พ.ศ.....ฉบับเดือนตุลาคม พ.ศ. 2561: ฉบับยื่นต่อคณะรัฐมนตรี  โดยระบุว่า   ผู้รับผิดชอบจัดทำ (ร่าง) พระราชบัญญัติยา ได้สรุปการรับฟังความคิดเห็นไปฝ่ายเดียวว่า “ชมรมเภสัชกรภาคใต้เห็นด้วยกับ ร่าง พ.ร.บ. พ.ศ.....ที่จะเสนอต่อคณะรัฐมนตรี ดังกล่าว”  ซึ่งไม่เป็นความจริง โดย ชมรมเภสัชกรภาคใต้และเครือข่ายยังยึดมั่นในเจตนารมณ์เดิมเสมอมา คือ ต้องการให้ ร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้คุ้มครองประชาชนด้านยาอย่างแท้จริง  และได้เสนอข้อคิดเห็นต่อผู้เกี่ยวข้องที่รับผิดชอบหลายประการ แม้ผู้จัดทำจะได้ปรับแก้ไขในบางประเด็นที่ได้ถกเถียงหรือโต้แย้ง กันไปบางส่วนแล้ว  แต่ปรากฎว่า มีการเพิ่มบทบัญญัติที่มีเนื้อหาอันเป็นสาระสำคัญซึ่งไปกระทบกระเทือนความปลอดภัยด้านยาของประชาชนอย่างมาก เข้าไปใน (ร่าง) พ.ร.บ.ยา พ.ศ.....ฉบับที่จะนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี โดยไม่เคยมีในร่าง พ.ร.บ. ยา พ.ศ....ฉบับเดิมที่เคยผ่านการทำประชาพิจารณ์  ระหว่างวันที่ 26-31 กรกฎาคม 2561  ทางเว็บไซต์  http:/lawamendment.go.th  เพียงแค่ 6 วัน เท่านั้น  
จากความเร่งรีบในการแก้ไข และเสนอ (ร่าง ) จึงส่งผลกระทบให้เปลี่ยนแปลงระบบยาของประเทศทั้งระบบ ให้ยิ่งซ้ำเติมปัญหาเดิม โดยไม่คำนึงว่าจะทำลายระบบยาของประเทศและยิ่งทำให้เสี่ยงต่อความไม่ ปลอดภัยในการใช้ยาของประชาชนอย่างร้ายแรงที่สุด และขาดหลักธรรมาภิบาลว่าด้วยการรับฟังให้รอบด้าน และความโปร่งใส นอกจากนั้นยังไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 77 ด้วย 

ชมรมเภสัชกรภาคใต้และ 12 เครือข่ายวิชาชีพเภสัชกรรมจึงขอคัดค้านและไม่เห็นด้วยกับการกระทำดังกล่าว และขอเรียกร้องให้ 

1.ผู้จัดทำ(ร่าง) พรบ.ยา และผู้เกี่ยวข้องออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อกรณีกล่าวอ้าง บิดเบือนข้อมูลอันเป็นเท็จ จนเกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนและสร้างความเสียหายต่อชมรมเภสัชกรภาคใต้ 

2.เสนอให้นำ (ร่าง) พระราชบัญญัติยา พ.ศ...... (ฉบับเดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๑: ฉบับยื่นต่อคณะรัฐมนตรี) กลับคืนมา และให้เปิดเผย(ร่าง)ต่อสาธารณชน เปิดรับฟังประชาพิจารณ์จากทุกภาคส่วน ในหลายช่องทางอย่างชอบธรรมทั้งกระบวนการ เนื้อหา และระยะเวลา ไม่น้อยกว่า 15 วัน รวมถึงปรับแก้อย่างรอบคอบและชอบธรรมในทุกมิติ เพื่อให้ประชาชนชาวไทยได้รับความคุ้มครองและมีความปลอดภัยจากการใช้ยาอย่างแท้จริง.