สอบ2ตร.ตั้งด่าน ทำรถชนนักร้องเจ็บ


เพิ่มเพื่อน    

งานเข้าอีกแล้ว 2 ตำรวจทางหลวงตั้งด่านลอยยืนกลางถนนเรียกจับรถบรรทุกวิ่งเลนขวา เก๋ง 2 คันตกใจเบรกกะทันหันเจอเสยท้าย นักร้องสาวได้เลือด เครื่องดนตรีพังยับ ตำรวจปฏิเสธความรับผิดชอบ ไล่เบี้ยสิบล้อรับผิดแถมลงบันทึกประจำวันไม่ระบุสาเหตุ สังคมออนไลน์จวกยับ "จักรทิพย์" ครวญถูกจ้องจับผิด เผยตั้งกรรมการสอบแล้ว ทนายชี้เจ้าหน้าที่ผิดเต็มประตู
    ได้กลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมอย่างกว้างขวาง เมื่อนักร้องสาว "ฮาวา-อรวี ชูชื่น อายุ 27 ปี ผู้เข้าประกวดรายการ เอ็กซ์ แฟกเตอร์ ไทยแลนด์ โพสต์ภาพและข้อความลงเฟซบุ๊ก โดยเป็นภาพใบหน้าตนเอง หางตาแตกเลือดอาบ และคลิปวิดีโอตำรวจทางหลวง 2 นายตั้งด่านลอยยืนอยู่กลางถนน โบกให้รถบรรทุกหยุดเพื่อจับกุม แต่รถเก๋งคันหน้าเข้าใจว่าตำรวจเรียกตนเองจึงเบรกกะทันหัน ทำให้รถคันที่เธอนั่งเบรกตาม แต่รถบรรทุกที่วิ่งตามมาเป็นคันที่ 3 เบรกไม่ทัน ชนท้ายรถเธอจนรถกระเด็นไปชนรถคันหน้า
    ทั้งนี้ น.ส.อรวีระบุว่า "กำลังขับรถไปเล่นดนตรีที่อยุธยา อยู่ๆ ตำรวจทางหลวงเดินมากลางถนนเพื่อโบกรถสิบล้อคันข้างหลังที่อยู่เลนขวาสุดให้หยุด เป็นด่านลอย ยืนกันอยู่ 2 คน เราเป็นคันตรงกลาง มีรถอยู่ข้างหน้าเราคันนึง เราเบรกทัน แต่สิบล้อเบรกไม่ทัน ชนรถเรา กีตาร์ เอฟเฟ็กต์ของกช (นายกชกร มิ่งบุญ คนขับรถ) โดนเต็มๆ เราหางตาแตกเลือดไหลเต็มเสื้อ ตอนนี้หาหมอเรียบร้อย อยู่สถานีตำรวจแล้ว พอเจอตำรวจ ตำรวจพูดจาเหมือนไม่ใช่ความผิดตำรวจ บอกว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่ ควรรู้สึกยังไงดี" 
    ต่อมา น.ส.อรวีได้โพสต์รายงานความคืบหน้าคดีนี้ตามบันทึกของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางปะอิน ว่า "อุบัติเหตุครั้งนี้เกิดจากคนขับรถบรรทุกขับรถด้วยความประมาท เป็นเหตุให้เฉี่ยวชนรถคันอื่นได้รับความเสียหาย 3 คัน เบื้องต้นจึงแจ้งข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้เฉี่ยวชน มีทรัพย์สินเสียหาย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งโชเฟอร์รถบรรทุกยอมให้การรับสารภาพ ทางพนักงานสอบสวนจึงเปรียบเทียบปรับเป็นเงิน 400 บาท ส่วนความเสียหายกับรถคู่กรณีจะทำการตกลงกันภายหลังต่อไป"
    ขณะที่แฟนของ น.ส.อรวี หรือฮาวา โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กว่า เบื้องต้นบริษัทประกันรถบรรทุกจะรับผิดชอบรถของตนและเครื่องดนตรี แต่ไม่รู้ว่าสุดท้ายจะจ่ายตามจริงแค่ไหน ส่วนประกันรถนั้น ความเสียหายเกินวงเงินประกัน ซึ่งในวันเกิดเหตุมีงานจ้างที่ จ.พระนครศรีอยุธยา แต่เกิดเหตุก่อนจึงไปเล่นไม่ได้ กำลังให้ทางร้านออกเอกสารการจ้าง งานประจำที่ต้องลา ทั้งตนและฮาวา ตอนนี้ฮาวาก็อยู่โรงพยาบาล รอเช็กให้แน่ใจ 1-2 วัน ว่าสมองไม่ได้รับการกระทบกระเทือน และเมื่อตนเดินทางไปที่สถานีตำรวจ สิ่งที่พบคือ ใบแจ้งความได้เขียนไว้หมดแล้ว โดยที่ไม่มีสอบปากคำจากตนเอง และไม่มีการเขียนสาเหตุว่าทำไมรถทุกคันจึงต้องเบรกกะทันหัน
    "ผมถามย้ำหลายรอบมากว่า ไม่ต้องเขียนสาเหตุเหรอ ร้อยเวรตอบว่า ไม่ต้อง ก็ถามว่าอีก ถ้าสมมุติหมาตัดหน้ารถ ต้นไม้ล้มและชนกัน ก็ไม่ต้องเขียนรายละเอียดเหรอ เขาก็ยังยืนคำเดิมว่า เขาไม่สนว่าจะเกิดจากอะไร สนเพียงแค่ใครชนใครเท่านั้น สน.บางปะอิน สาขาเชียงรากน้อย #ไม่มีแม้คำขอโทษซักคำ #ผมไม่ได้เรียกพี่ ผมเรียกคันหลัง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ #รายงานประจำวันเกี่ยวกับคดี สถานีตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับการ 8 กองบังคับการตำรวจทางหลวง #ตำรวจทางหลวง #ด่านที่มีตำรวจทางหลวงสองคนยืนกลางถนน..."
    ด้าน พ.ต.ต.ขุนเขา โพธิ์สุวรรณ สารวัตรสถานีตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจทางหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า หลังจากเกิดกระแสข่าวนี้ได้เรียกตำรวจทั้ง 2 นายมาสอบถามเบื้องต้น ทราบว่าทั้งสองไปปฏิบัติหน้าที่จุดตรวจตามปกติบนเส้นทาง 347 และพบว่ามีรถบรรทุกน้ำมันดังกล่าววิ่งมาในช่องทางขวาจึงได้เรียก ซึ่งรายละเอียดอื่นๆ ต้องรอการสอบสวนเพิ่มเติม โดยขณะนี้ได้ส่งตัวตำรวจทั้ง 2 นายเข้าไปที่ บก.ทล.เพื่อทำการสอบสวนแล้ว ส่วนผู้บาดเจ็บทราบว่าได้เข้าไปตรวจเช็กร่างกายที่ รพ.ในกรุงเทพมหานคร และรอการสอบสวนจากพนักงานสอบสวนท้องที่ สภ.บางปะอินต่อไป
    พ.ต.อ.เอกราช ลิ้มสังกาศ รอง ผบก.ทล. กล่าวว่า ตำรวจทางหลวง 2 นาย พร้อมรถสายตรวจทางหลวง กำลังปฏิบัติหน้าที่กวดขันวินัยจราจร หลังได้รับแจ้งมีรถบรรทุกใช้ช่องทางจราจรขวาสุดในถนนดังกล่าวจำนวนมาก ซึ่งเป็นไปตามรูปแบบการทำงานของตำรวจรถสายตรวจทางหลวง ไม่ใช่การตั้งด่านลอยอย่างที่เข้าใจกัน ส่วนอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ชัดเจนว่ารถบรรทุกคันดังกล่าวเป็นฝ่ายขับรถโดยประมาท เพราะใช้ความเร็วและเว้นระยะกับรถคันหน้าไม่พอที่จะหยุดรถได้ทัน ซึ่งตำรวจจะเข้าไปช่วยเหลือผู้ขับขี่รถยนต์เก๋งทั้ง 2 คัน ในเรื่องการเรียกร้องค่าสินไหมจากเจ้าของรถบรรทุกและบริษัทประกันภัย 
    รอง ผบ.ทล.กล่าวว่า ได้มีคำสั่งเรียกตำรวจทางหลวงทั้ง 2 นายมาที่ บก.ทล. เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการสอบสวนข้อเท็จจริง หากพบว่าไม่ได้ปฏิบัติงานตามยุทธวิธี หรือใช้ดุลพินิจในทางไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของตัวเองและผู้อื่น เช่น เดินตัดหน้ารถกะทันหัน หรือแสดงสัญญาณมือไม่ชัดเจน ก็ต้องมีการพิจารณาโทษ 
    ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. กล่าวว่า เบื้องต้นได้รับรายงานจาก สภ.บางปะอิน ว่า เมื่อวันที่ 28 ม.ค.2561 เวลาประมาณ 15.30 น. บริเวณถนน 347 (ฝั่งมุ่งหน้า อ.บางปะหัน) กม.25 ต.เกาะเกิด อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา มีอุบัติเหตุรถเฉี่ยวชนกัน พนักงานสอบสวน สภ.บางปะอินจึงออกตรวจที่เกิดเหตุ พบรถยนต์ 3 คันได้รับความเสียหายคือ รถยนต์ส่วนบุคคล หมายเลขทะเบียน กบ 5915 นครสวรรค์, รถยนต์ส่วนบุคคล หมายเลขทะเบียน กน 61 อุบลราชธานี และรถยนต์บรรทุก หมายเลขทะเบียน 72-5397 สมุทรปราการ
    รองโฆษก ตร.กล่าวว่า จากที่ได้รับรายงานเบื้องต้นทราบว่า ก่อนหน้านี้ตำรวจทางหลวงพระนครศรีอยุธยาได้รับการร้องเรียนจากผู้ใช้รถใช้ถนนว่า เส้นทางดังกล่าวมีรถบรรทุกวิ่งในช่องทางเดินด้านขวาในลักษณะแช่เป็นเวลานาน ทำให้เกิดปัญหาการจราจร จึงได้ออกแผนการตรวจและจับผู้กระทำความผิด ซึ่งในวันเกิดเหตุน่าจะเกิดจากความผิดพลาดในการปฏิบัติหน้าที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ ซึ่งหลังเกิดเหตุ ตำรวจทางหลวงพระนครศรีอยุธยาเรียกรถยนต์กู้ชีพนำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาล และไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ
    "การดำเนินการทางวินัยตำรวจทั้ง 2 นาย ผู้บังคับบัญชามีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่และให้รายงานตัวที่ บก.ทล. พร้อมทั้งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ ว่ามีการกระทำผิดวินัยหรือกฎระเบียบอย่างไรบ้าง ซึ่งทาง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เน้นย้ำให้การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย ระเบียบ คำสั่ง และข้อบังคับที่กำหนดอย่างเคร่งครัด ส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจคนอื่นที่ยังไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง หรือปฏิบัติงานไม่สนองนโยบายของผู้บังคับบัญชา ก็จะไม่เข้าข้างอยู่แล้ว หากผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่ามีความผิด ก็จะดำเนินการทั้งทางวินัยและทางอาญาอย่างเด็ดขาด" พ.ต.อ.กฤษณะกล่าว
    ในช่วงบ่าย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. กล่าวว่า การทำงานของตำรวจทั้ง 2 นายเป็นไปตามยุทธวิธี รูปแบบการตั้งด่านของตำรวจทางหลวงและตำรวจท้องที่เป็นคนละแบบ แล้วแต่พื้นที่และความเหมาะสม อย่างไรก็ตาม ตนได้กำชับตลอดเรื่องของอุบัติเหตุ หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้ประชาชนเดือดร้อนให้หลีกเลี่ยง ส่วนที่ประชาชนมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าการทำงานของเจ้าหน้าที่ทั้ง 2 นายเป็นด่านลอยนั้น ตนเชื่อว่าด่านลอยแทบจะไม่มี แต่ก็ขอขอบคุณทุกภาคส่วน ทั้งสื่อและกล้องมือถือ กล้องติดรถยนต์ ทำให้การทุจจริตน้อยลง เพราะโซเชียลช่วยจับผิด ไม่ได้เข้าข้างตำรวจด้วยกันหรือปกป้องผู้ใต้บังคับบัญชา ซึ่งกรณีนี้ทราบว่า บก.ทล.ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนแล้ว
    ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีนี้ต้องเอาผิดกับผู้บังคับบัญชาของตำรวจทั้ง 2 นายหรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ตอบว่า การเอาผิดกับผู้บังคับบัญชามีระเบียบอยู่แล้วไม่ต้องห่วง ส่วนคำสั่งห้ามตั้งด่านลอยที่ผ่านมาก็มีการประชุมกันทุกครั้ง นครบาลก็สั่งการไปแล้ว เชื่อว่าทุกภาค ทุกหน่วย ไม่ว่าจะหน่วยปฏิบัติหรือหน่วยสนับสนุนรู้ระเบียบอยู่แล้ว แต่ถ้าไม่มีการตั้งด่านเลย ปัญหาอาชญากรรม ยาเสพติดก็เพิ่มขึ้น รถวิ่งสบายใจเฉิบ มันก็ได้อย่างเสียอย่าง จะเอาอะไร เพราะฉะนั้นต้องเห็นใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย 
    "ไม่ได้สั่งให้ลูกน้องรีดไถประชาชน เราให้ไปดูแลความปลอดภัย ช่วงสงกรานต์ ตำรวจทางหลวง ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจพื้นที่ก็ออกทำงานกันไม่ได้หลับไม่ได้นอน แต่พอเกิดเรื่องอย่างนี้ก็มาโจมตี ให้โอกาสกันทำงานบ้าง ทุกวันนี้สังคมจ้องจะจับผิดตำรวจอยู่แล้ว ในมือมีมือถือ แต่ขอให้ดูความตั้งใจ ถ้าคนไหนทุจริต รีดไถชาวบ้าน ผมก็เอาออกอยู่แล้ว ไม่ปกป้องให้เสียชื่อองค์กรแน่นอน” ผบ.ตร.กล่าว 
    มีความเห็นจาก พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร อดีตรองผู้บังคับการจเรตำรวจ ถึงการตั้งด่านตรวจบนถนนของตำรวจว่า ในข้อเท็จจริงมีปัญหาที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนต่อประชาชนอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นความไม่สะดวกในการสัญจร หรือความปลอดภัยจากการที่ต้องหยุดรถกะทันหัน รวมทั้งการจอดในจุดที่ไม่ปลอดภัย ซึ่งมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นมากมายโดยไม่ปรากฏการรายงานข้อมูลที่ชัดเจนว่าเกิดจากการตั้งจุดตรวจ ตรงนี้เป็นปัญหาที่รัฐบาลควรแก้ไข ควบคุมมิให้กระทำอีกต่อไป ถือเป็นปัญหาเร่งด่วน ซึ่งการตรวจจับกุมของตำรวจต้องกระทำเฉพาะกรณีที่พบผู้ขับรถกระทำผิดกฎหมายแล้วเท่านั้น โดยวิธีปฏิบัติเมื่อพบการกระทำผิดต้องเริ่มจากการรายงานเข้าศูนย์วิทยุให้รับทราบเป็นอันดับแรก พร้อมใช้รถราชการที่มีสัญญาณไฟฉุกเฉิน ส่งสัญญาณทั้งไฟและเสียงให้ผู้ขับรถได้หยุดรถเป็นการเฉพาะราย ตามที่ พ.ร.บ.จราจรทางบกได้ให้อำนาจไว้ และหลังตรวจจับแล้วได้ดำเนินการอย่างไร ก็ต้องรายงานให้ศูนย์วิทยุทราบอีกครั้ง 
    พ.ต.อ.วิรุตม์กล่าวว่า กรณีนักร้องสาวถูกรถสิบล้อชนท้ายจนรถเสียหายและได้รับบาดเจ็บนั้น ต้องเริ่มจากการตั้งคำถามว่า อุบัติเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นจากสาเหตุใด ถ้ารถของนักร้องไม่ถูกให้เรียกหยุดกะทันหัน หรือเกิดความเข้าใจผิดจากการที่ตำรวจออกมายืนโบกรถกลางถนนทำให้ต้องเบรก จะถูกรถสิบล้อชนท้ายหรือไม่ ถ้าจะบอกว่าคนขับรถบรรทุกประมาท ก็ต้องถามว่าเขาประมาทอย่างไร ในทางกฎหมายต้องเริ่มจากการพิจารณาว่า อุบัติเหตุเกิดจากการกระทำของผู้ใด อย่างไร เป็นเหตุสุดวิสัยที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้หรือประมาทเลินเล่อกันแน่ เมื่อได้ข้อเท็จจริงชัดเจนแล้วจึงพิจารณาเรื่องข้อกฎหมาย
    ขณะที่นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ ได้ไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊ก "ทนายคลายทุกข์" ตั้งประเด็นตำรวจไปตั้งด่านลอย ยืนโบกรถกลางถนนทำได้หรือไม่ ว่าตามอำนาจหน้าที่ทำได้อยู่แล้ว แต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีคำสั่งกำชับว่า การตั้งด่านลอยอันตราย ซึ่งได้ประกาศห้ามแล้ว แต่ตำรวจ 2 นายทำไมไม่ทราบ ถือว่าฝ่าฝืนผู้บังคับบัญชา ส่อกระทำประมาทเลินเล่อร้ายแรง สั่งหยุดรถโดยไม่คำนึงถึงความเสียหายประชาชน ประเด็นต่อมา การตั้งด่านไม่มีทั้งหัวหน้าด่าน ไม่มีป้ายเตือน โต๊ะไฟต้องมองเห็นแต่ไกล และไม่ซุ่มอยู่ริมถนน โดยที่ไม่มีตำรวจคนไหนไม่ทราบคำสั่งนี้ ยิ่งเป็นตำรวจทางหลวงต้องทราบดี หากถามตนในฐานะนักกฎหมาย มันผิดอยู่แล้ว เพราะไม่คำนึงถึงความปลอดภัย ไม่มีใครที่ไหนยืนโบกรถที่ขับมาด้วยความเร็วและโบกกะทันหัน 
    ส่วนนายเกิดผล แก้วเกิด ทนายความ ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า กรณีนี้ เจ้าพนักงานตำรวจทางหลวงปฏิบัติหน้าที่ในราชการ แต่การออกคำสั่งให้รถสิบล้อหยุดโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย จนเป็นเหตุรถสิบล้อหยุดโดยกะทันหันและหยุดไม่ทัน ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรถยนต์คันอื่น กรณีนี้เป็นเหตุสุดวิสัยที่จะหยุดรถได้ทัน สิบล้อไม่มีความผิด ส่วนเจ้าพนักงานตำรวจทางหลวงออกคำสั่งโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย จนก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินของผู้ขับขี่ เหตุที่รถชนกันเกิดจากคำสั่งของเจ้าพนักงาน จึงเป็นการกระทำโดยประมาท ย่อมมีความผิดฐานละเมิด สำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนต่อผู้เสียหาย.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"