ซาอุดีอาระเบียเตือน พร้อมตอบโต้ประเทศใดก็ตามที่คว่ำบาตรตน จากกรณีของจามัล  คาช็อกกี นักข่าวชาวซาอุฯ ที่หายตัวภายหลังเข้าไปติดต่อสถานกงสุลซาอุฯ ในนครอิสตันบูล  โดยมีข่าวลือว่าเขาโดนทรมานแล้วฆ่าตาย

สภาพด้านนอกของสถานกงสุลซาอุดีอาระเบียประจำนครอิสตันบูล / AFP

    นักข่าวของวอชิงตันโพสต์รายนี้มักวิจารณ์นโยบายของเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย เขาหนีไปใช้ชีวิตลี้ภัยอยู่ต่างประเทศเมื่อปีที่แล้วเพื่อหลีกเลี่ยงการโดนจับกุม  แต่เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2561 คาช็อกกีต้องเข้าไปภายในสถานกงสุลซาอุดีอาระเบียประจำอิสตันบูลเพื่อรับเอกสารสำหรับการแต่งงานกับคู่หมั้นชาวตุรกี แต่ไม่เคยมีใครเห็นเขาออกมาจากสถานที่นั้นเลย

    รายงานของเอเอฟพีวันที่ 14 ตุลาคม 2561 กล่าวว่า เมื่อวันเสาร์ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ซาอุดีอาระเบียว่าจะโดน "ลงโทษขั้นรุนแรง" หากพบว่าคาช็อกกีโดนฆ่าตายภายในสถานกงสุลของซาอุดีอาระเบีย แต่แหล่งข่าวในรัฐบาลซาอุฯ เตือนว่า ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียจะตอบโต้หากตนเองถูกกระทำ

    "ราชอาณาจักรยืนยันการไม่ยอมรับอย่างสิ้นเชิงต่อคำขู่หรือความพยายามใดๆ เพื่อบ่อนทำลาย ทั้งผ่านการข่มขู่ว่าจะใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจหรือใช้การกดดันทางการเมือง" สำนักข่าวเอสพีเอของทางการซาอุฯ อ้างคำพูดของแหล่งข่าวที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐรายนี้

    แหล่งข่าวรายเดิมกล่าวด้วยว่า ซาอุฯ จะตอบโต้การกระทำใดก็ตามด้วยการกระทำที่รุนแรงกว่า  พร้อมกับย้ำถึงบทบาทของประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ของโลกแห่งนี้ว่ามีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของโลก

    วันเดียวกันนั้น รัฐบาลตุรกีได้เพิ่มแรงกดดันต่อซาอุดีอาระเบียด้วยการกล่าวโทษว่า ซาอุฯ ไม่ยอมให้ความร่วมมือกับการสอบสวนการหายตัวไปของคาช็อกกี

    เจ้าหน้าที่ตุรกีเชื่อกันว่า คาช็อกกีโดนฆ่าภายในสถานกงสุล และมีข่าวเล็ดรอดทางสื่อด้วยว่าเขาโดนทรมานและโดนตัดแขนตัดขา แต่ซาอุฯ ยืนกรานว่าคาช็อกกีออกจากสถานกงสุลไปโดยปลอดภัย  และตอบโต้คำกล่าวหาที่ว่ารัฐบาลซาอุฯ ส่งทีมสังหารมาฆ่าเขา ว่าเป็นคำกล่าวหาที่โป้ปดและไม่มีมูลความจริง

    พัฒนาการล่าสุดของเรื่องนี้สร้างความตื่นกลัวในหมู่นักลงทุน และส่งผลให้ตลาดหุ้นริยาดดิ่งลงประมาณ 7% ในการซื้อขายเมื่อวันอาทิตย์

    บรรดานักธุรกิจและนักลงทุนรายใหญ่ก็กำลังตีตัวออกห่างจากราชอาณาจักรนี้ ริชาร์ด แบรนสัน  มหาเศรษฐีชาวอังกฤษ และดารา คอสโรวชาฮี ซีอีโอของอูเบอร์ ไปจนถึงสื่อเจ้าใหญ่เช่นบลูมเบิร์กและซีเอ็นเอ็น พากันถอนตัวจากการเข้าร่วมการประชุมความริเริ่มการลงทุนในอนาคต (เอฟไอไอ) หรือที่เรียกกันว่า "ดาวอสกลางทะเลทราย" ซึ่งจะจัดที่กรุงริยาดในสัปดาห์นี้.