ดูทรงแล้ว...
    อย่าคาดหวังกับการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นต้นปีหน้า
    เหตุผลง่ายๆ สั้นๆ การเมืองยังคงแบ่งเป็น ๒ ขั้ว ที่พร้อมจะเกิดความขัดแย้งรุนแรงเหมือนเดิม
    ลองตรวจสอบดูแต่ละพรรคการเมือง คนที่กุมการตัดสินอยู่ ล้วนเป็นคู่ขัดแย้งเดิมทั้งสิ้น 
    ไม่มีใครหนีหายไปไหน
    แต่...ไม่ได้บอกว่า ไม่ต้องไปเลือกตั้ง
    การเลือกตั้งมีความสำคัญต่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หากขาดการเลือกตั้ง กลไกประชาธิปไตยก็ไม่สมบูรณ์
    แม้บางครั้งเลือกตั้งไปก็ไม่อาจได้ประชาธิปไตยอย่างที่คาดหวัง แต่สุดท้ายแล้วการเลือกตั้งคือใบเบิกทางให้เกิดประชาธิปไตย
    ทีนี้มาดูว่าเลือกตั้งกันอย่างไร 
    หลายพรรคการเมืองกำลังทำผิดรัฐธรรมนูญ หรือไม่ก็ละเมิดหลักการประชาธิปไตยเบื้องต้น เพราะปล่อยให้คนโกงออกคำสั่งซ้ายหันขวาหัน
    ที่เห็นอยู่ก็คือพรรคเพื่อไทย 
    ขณะที่พรรคพลังประชารัฐ ถูกโจมตีอย่างหนักเพราะ ๔ รัฐมนตรีที่ไปเป็นแกนนำพรรคไม่ยอมลาออก 
    ถ้าจะยึดเอาตามวัฒนธรรมการเมือง วันนี้ไอ้พวกเรียกร้องให้ออก เมื่อก่อนตัวเองก็ไม่เคยออก แถมยังพยายามหาช่องว่าง ใช้อำนาจฝ่ายบริหารเอาเปรียบพรรคการเมืองอื่นแทบทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง
    แต่ถ้าจะยึดเอาตามจิตสำนึก ก็ควรออก เพียงแต่ที่ผ่านมาจิตสำนึกทางการเมืองไทยมันต่ำ ไม่มีใครยอมลาออก
    ขณะที่บางพรรค เห็นเอาแต่อ้างกฎหมาย ด่าเผด็จการ กลับปล่อยให้คนเคยคิดคุก ยืนกำกับ ราวกับว่าเป็นเจ้าของพรรค
    ก็ไม่ใช่ใครอื่น "จตุพร พรหมพันธุ์" ติดคุกเพราะปากตัวเอง รัฐธรรมนูญก็ระบุเอาไว้ชัดเจนว่า ใครติดคุกถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง
    สมัคร ส.ส.ไม่ได้ 
    เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ไม่ต้องการให้คนพวกนี้ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ในความหมายคือให้พ้นไปจากการเมือง
    ล่าสุด "จตุพร พรหมพันธุ์" มีสถานะเป็นผู้บงการพรรคเพื่อชาติ
    ถามว่าหลังเลือกตั้งน่ากังวลหรือไม่? 
    ดูจากผู้บงการทั้งหลายแล้ว แน่นอนอะไรก็ไม่ง่าย กว่าจะได้รัฐบาลใหม่คงคางเหลืองไปตามๆ กัน และไม่รู้จะอยู่ได้นานแค่ไหน 
    แต่...คนที่ต้องจับตามองคือ พลเอก อภิรัชต์ คงสมพงษ์.