13 ต.ค.61 - ที่บริเวณหน้าสภ.ไทรโยค อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี คณะเจ้าหน้าที่ประกอบด้วย พล.ต.ต.อภิชิต เทียนเพิ่มพูล รอง ผบช.ภาค 7 หัวหน้าทีมชุดสืบสวนสอบสวน พ.ต.อ.สมศักดิ์ สุวรรณฉิม ผกก.(สอบสวน)ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.ท.สนธยา ฉายเกียรติขจร สว.สส.สภ.ไทรโยค พ.ต.ต.ศรายุทธ ศรีมัญจาบุรี สว.กก.5 บก.ปทส. ร.ต.อ.อภิชัย พุ่มชัย รอง สว.(สอบสวน) สภ.ไทรโยค ร้อยเวรเจ้าของคดี เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน 7 ภ.จว.กาญจนบุรี
พร้อมด้วย นายพนัชกร โพธิบัณฑิต หน.อุทยานฯไทรโยค/รักษาการ หน.ชุดฉก.พญาเสือ น.ส.เนตรนภา งามเนตร ผช.หน.อุทยานฯ/ผช.หน.ชุดฉก.พญาเสือ ทหารฉก.ลาดหญ้า ตชด.136 จนท.ปกครอง กว่า 40 นาย ซักซ้อมความเข้าใจในภารกิจ ก่อนจะออกเดินทางโดยรถกระบะขับเคลื่อน4ล้อ ไปยังป่าเขาพลูบริเวณสำนักสงฆ์เต่าดำ ม.8ต.วังกระแจะอ.ไทรโยค
สำหรับการเดินทางไปยังสำนักสงฆ์เต่าดำนี้ เส้นทางเป็นไปด้วยความยากลำบากมาก ขึ้นเขาลงห้วยเป็นหลุมเป็นบ่อตลอดทาง โดยใช้เวลาในการเดินทาง แค่จากสวนป่าออป.2บ้านทุ่งมะเซอย่อ ม.8ต.วังกระแจะไปถึงที่เกิดเหตุระยะทางราว30กม.ใช้เวลาเดินทางนานถึง5ชั่วโมงไปกลับ10ชั่วโมง และเดินทางออกจากออป.ถึงสภ.ไทรโยคอีก1ชั่วโมง รวมแล้วไปกลับ12ชั่วโมง
ในด้านภารกิจของคณะเจ้าหน้าที่ในครั้งนี้นั้น จะเข้าตรวจสอบค้นหาพยานหลักฐาน เพิ่มเติมให้ได้มากที่สุด ทั้งบริเวณจุดที่เจ้าหน้าที่อุทยานฯเข้าจับกุมกลุ่มอ๊อฟโรด จุดที่ยิงปืนแก้บน จุดที่นายตาต้า ผู้ต้องหาได้พาไปชี้ว่า เป็นจุดยิงหมีขอบนต้นไทร ด้วยอาวุธปืนลูกกรดขนาด.22 ซึ่งบริเวณดังกล่าว อยู่ห่างสำนักสงฆ์เต่าดำ ราว300 เมตร โดยจะเข้าตรวจหาคราบรอยเลือดของหมีขอ และหลักฐานอื่นๆ และห่างจากจุดที่ยิงหมีขอ 30 เมตร บริเวณที่ผู้ต้องหาบอกว่ายิง “อีเห็น” ผิด จะตรวจหาปลอกกระสุนปืน และพยานหลักฐานอื่นๆ
รวมทั้งบริเวณที่กลุ่มอ๊อฟโรด ตั้งแค๊มป์พักริมลำธาร มีการนำซากหมีเผาขนและชำแหละเนื้อ และโยนหัวหมีขอทิ้งลงในลำธาร เจ้าหน้าที่จะค้นหาหัวกะโหลกหมีขอ ในลำธารรวมทั้งพยานหลักฐานอื่นๆ เพื่อให้ได้ พยานหลักฐานมากที่สุด
นายพนัชกร โพธิบันฑิต หน.อุทยานฯไทรโยค/รรท.หน.ฉก.พญาเสือ เปิดเผยว่าวันนี้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจสอบค้นหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม ให้ได้มากที่สุดอีกครั้ง ในเรื่องซากหมี ต้องรอผลการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ จากสำนักงานนิติวิทยาศาสตร์กรมอุทยานฯ ซึ่งใช้เวลาราว 1เดือน ก็จะทราบผล
ส่วนในเรื่องการฟ้องร้องทางแพ่งนั้น ทางกรมอุทยานฯ เตรียมประเมินค่าเสียหาย ของหมีขอสัตว์ป่าคุ้มครอง ที่ถูกผู้ต้องหายิงตาย รวมทั้งความเสียหาย ต่อระบบนิเวศของอุทยานฯ เพื่อเตรียมดำเนินการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย เช่นเดียวกับคดียิงเสือดำทุ่งใหญ่นเรศวรฯ ส่วนจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มอีกหรือไม่ ก็ต้องดูที่พยานหลักฐานในการกระทำผิด ว่าเข้าข่ายใดอีกหรือไม่อย่างไร
ด้านพ.ต.อ.สำราญ กลั่นมา ผกก.ตม.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ ทุกด้านแนวชายแดนไทย-เมียนมา และจุดตรวจต่างๆ ทั้งจุดตรวจร่วมไทรโยค อ.ไทรโยค จุดผ่านแดนถาวรบ้านพุน้ำร้อน อ.เมือง จุดผ่อนปรนทางการค้า บ้านพระเจดีย์สามองค์ อ.สังขละบุรี ตรวจสอบยานพาหนะต่างๆ บุคคลที่เดินทางผ่านไปมาเข้าออกอย่างละเอียดโดยนำภาพถ่าย นายเจนระ สัญชาติพม่า อายุ 29 ปี พร้อมภรรยา นส.คินหน่อยโซ อายุ31ปี ผู้ต้องหาร่วมกันชำแหละซากหมีขอ ซึ่งอยู่ในระหว่างหลบหนี ส่งไปตามจุดตรวจต่างๆ เพื่อตรวจสอบ หากนายจิระและเมีย ยังไม่ได้หลบหนีออกจากประเทศไทย เข้าไปในประเทศเมียนมา และหลบหนีผ่านตามเส้นทางแนวชายแดน เชื่อว่าเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้แน่นอน
ทางด้านเจ้าหน้าที่ในทีมสอบสวนคดีนี้ท่านหนึ่งเปิดเผยว่า ขณะนี้ หลังจากสำนักงานพิสูจน์หลักฐาน ได้ตรวจอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืน ที่ยึดได้จากตัวผู้ต้องหา และที่เก็บได้ในที่เกิดเหตุ ทราบว่ามีผลตรงกัน ทั้ง 5 กระบอก คือ ปืนพกออโตเมติก ขนาด.45 ปืนพกขนาด .38 ปืนลูกกรดยาว .22 ปืนกร๊อกขนาด 9 มม.ของนาย อนุสรณ์ เรือนงาม และอาวุธปืนซิกซาวเออร์ ขนาด 9 มม.ของนายวัชรชัย สมีรักษ์ หรือปลัดแมน อดีตปลัดอำเภอด่านมะขามเตี้ย พบปลอกกระสุน ตรงกับอาวุธปืนทั้งหมด 20 ปลอก
เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวนคดีนี้ เผยต่อว่าหลังทราบผลการตรวจสอบ อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน แน่ชัดแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็จะเตรียมแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดี กับผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีก 5 ข้อหา ประกอบด้วย 1.พกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ 2.มีอาวุธและเครื่องกระสุน ที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย (ปืนยาวขนาด .22 ติดลำกล้อง และเครื่องเก็บเสียง) 3.มียุทธภัณฑ์ไว้ในความครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต จากปลัดกระทรวงกลาโหม (อุปกรณ์เก็บเสียง) 4.มีเครื่องกระสุนปืน ที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย (กระสุนปืนเอ็ม.16 จำนวน 20 นัด) 5.ยิงปืนในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมนุมชน โดยไม่มีเหตุสมควร (โทษจำคุก 10 วัน ปรับ 5,000 บาท)
อย่างไรก็ตามทีมชุดสอบสวนทำคดีนี้เชื่อว่า พยานหลักฐานที่มีอยู่ขณะนี้ ก็สามารถเอาผิดผู้ต้องหาได้ทั้งหมดทุกคน เนื่องจากมีวัตถุพยานหลักฐานชัดเจน และจะสรุปสำนวน ส่งให้พนักงานอัยการสั่งฟ้องได้ ภายในผัดฟ้องที่ 4 คือวันที่ 25 พ.ย. นี้ และขณะนี้ยังไม่พบผู้กระทำความผิดเพิ่ม แต่หากการสืบสวนพบว่า มีบุคลใด ไปมีส่วนเกี่ยวข้องเพิ่มขึ้นอีก ก็จะต้องดำเนินคดีแน่นอน.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |