"บิ๊กป้อม" ไม่เชื่อเกลือเป็นหนอนปล่อย 3 ผู้ต้องหาหลบหนี อธิบดีราชทัณฑ์อ้างสาเหตุสำคัญเป็นเพราะกำลังพลน้อย สั่งเด้ง ผบ.เรือนจำหลังสวนตามกติกา 24 ชม.ยังจับไม่ได้ เจ้าหน้าที่เกือบครึ่งพันบุกป่าเขาแต่ยังไร้วี่แวว เผยวางแผนหลบแยบยล หัวหน้าเป็นนักโทษยาเสพติดศาลสั่งจำ 30 ปี ให้ผู้ต้องหาอ้างตัวเองเป็นพยานจนถูกโอนตัวจากเรือนจำนครศรีธรรมราชมายังหลังสวน กระทั่งถึงวัดนัดขึ้นศาล แผนเกือบสมบูรณ์หากลูกน้องไม่หักหลังหนีเอาตัวรอด แถมขับรถพุ่งชนจนกระดูกสันหลังเคลื่อน

    พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์เมื่อวันศุกร์ กรณีผู้ต้องหาคดียาเสพติด 3 คน ชิงรถเรือนจำจังหวัดหลังสวนขับหลบหนีขณะเจ้าหน้าที่คุมตัวไปถึงศาลจังหวัดหลังสวน จ.ชุมพร เพื่อส่งฟ้อง ว่า ขณะนี้กำลังตามหาอยู่ ซึ่งทางกรมราชทัณฑ์ได้ขอความร่วมมือมายังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ให้ช่วยติดตามตัว ส่วนที่มีข่าวว่าเกลือเป็นหนอน เพราะมีการทิ้งกุญแจรถเรือนจำไว้นั้น คิดว่าเป็นความบกพร่องของเจ้าหน้าที่มากกว่า ซึ่งก็มีบทลงโทษอยู่แล้ว แต่ก็ต้องตรวจสอบให้ชัดเจนว่ามีเกลือเป็นหนอนหรือไม่ 
    ขณะที่ พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ชี้แจงว่า ขณะเกิดเหตุนักโทษเข้ามารุมแย่งกุญแจรถยนต์จากเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำศาล พนักงานรักษาความปลอดภัยพยายามเข้าขัดขวางและสกัดการหลบหนี แต่นักโทษ 3 คนแย่งกุญแจรถนำไปสตาร์ทแล้วใช้เป็นพาหนะหลบหนี นักโทษที่ร่วมกันก่อเหตุในครั้งนี้มีด้วยกัน 5 คน โดย 3 คนสามารถหลบหนีไปได้ ประกอบด้วย 1.ข.ช.นราธิป เพิ่มลาภ ผู้ต้องขังระหว่างไต่สวนมูลฟ้องหรือพิจารณา คดี พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (เมทแอมเฟตามีน) เพื่อจำหน่าย 2.ข.ช.พิเชษฐ์ กลิ่นโอชา ผู้ต้องขังระหว่างไต่สวนมูลฟ้องหรือพิจารณาคดี พ.ร.บ.ยาเสพติด (เมทแอมเฟตามีน) เพื่อจำหน่าย และ 3.ข.ช.กฤษดา แก้วนุ้ย ผู้ต้องขังระหว่างไต่สวนมูลฟ้องหรือพิจารณาคดี พ.ร.บ.ยาเสพติด (เมทแอมเฟตามีน) เพื่อจำหน่าย ครอบครอง และความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน ส่วนอีก 2 คนพยายามวิ่งหนีการจับกุม แต่เจ้าหน้าที่จับกุมไว้ได้ โดยนักโทษหนึ่งรายได้ต่อสู้ขัดขวางเจ้าหน้าที่ แต่ถูกจับตัวกดลงกับพื้น และถูกเพื่อนนักโทษด้วยกันขับรถชนประตูเหล็กน้ำหนักหลายร้อยกิโลกรัมพังล้มทับจนอาการสาหัส กระดูกสันหลังเคลื่อน ส่วนรถที่ถูกปล้นพบว่าขับไปจอดทิ้งที่ป่ายางหมู่ที่ 12 ต.ตะโก อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 10 กิโลเมตร
    พ.ต.อ.ณรัชต์คาดหมายว่า นักโทษทั้ง 3 คนยังคงหลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ป่าเขา ซึ่งตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองได้สนธิกำลังติดตามอยู่ตลอด 48 ชั่วโมง โดยติดตามไปที่บ้านญาติ ภรรยา และผู้ใกล้ชิด เชื่อว่านักโทษไม่สามารถหนีออกไปทางช่องทางธรรมชาติได้ เพราะสภาพเป็นพื้นที่ป่าเขา หากข้ามไปจะเป็นป่าโกงกางไม่สามารถว่ายน้ำข้ามทะเลออกไปได้ อีกทั้งนักโทษยังติดโซ่ตรวนซึ่งเป็นอุปสรรคในการหลบหนี 
    "ปัญหานักโทษหลบหนีไม่ได้เป็นความผิดของหน่วยใดหน่วยหนึ่ง แต่เป็นความรับผิดชอบร่วมกันของเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ โดยนักโทษทั้ง 5 ราย จะมีความผิดฐานแหกหักที่คุมขัง ใช้กำลังประทุษร้ายตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป ซึ่งตามกฎหมายอาญามีโทษจำคุก 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท นอกจากนี้ ยังมีความผิดปล้นทรัพย์ และยังได้รับโทษเพิ่มในคดีแหกหักหลบหนี โดยนักโทษเหล่านี้จะเสียสิทธิ์ลดการต้องโทษ ลดวันต้องขัง และถูกลดชั้นให้ไปเป็นนักโทษชั้นเลว เนื่องจากหนีการจับกุมของเจ้าพนักงาน"
    อธิบดีกรมราชทัณฑ์กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  ถือว่าอยู่ในความรับผิดชอบของกรมราชทัณฑ์ ซึ่งต้องยอมรับว่าสาเหตุหลักที่นักโทษหลบหนี เนื่องจากราชทัณฑ์มีปัญหาเรื่องกำลังพล โดยเฉพาะการรับนักโทษไปขึ้นศาล จะมีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ตำรวจ และรปภ.อย่างละ 1 คน คอยดูแลตลอดเส้นทางจนถึงศาล  แต่บางพื้นที่ขาดแคลนกำลังพล ส่วนประเด็นเกลือเป็นหนอน ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูล ยังต้องรอผลสอบของคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง รวมถึงการพิจารณาย้ายผู้บัญชาการเรือนจำในกรณีที่มีนักโทษหลบหนีแล้วไม่สามารถติดตามจับกุมตัวได้ภายใน 24 ชั่วโมง ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่ามีคนนอกร่วมพาหลบหนีหรือไม่ อยู่ระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนขยายผล
    พ.ต.อ.ณรัชต์เปิดเผยด้วยว่า ในปีงบประมาณ 2560 ซึ่งสิ้นสุดไปเมื่อวันที่ 30 ก.ย.นี้ มีผู้ต้องขังหลบหนี 23 คน ติดตามกลับมาได้ 22 คน ส่วนอีก 1 คนที่หลบหนีไป คาดว่าหนีออกไปทางช่องทางธรรมชาติข้ามพรมแดนไปฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน โดยนักโทษเรือนจำทั่วประเทศมีมากกว่า 300,000 คน หลบหนีไปได้ 23 คน ถือว่าเป็นจำนวนไม่มาก 
    ด้านการติดตัวตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ที่กองอำนวยการเฉพาะกิจ บ้านผู้ใหญ่บ้านหมู่ 12 ต.ตะโก อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร พล.ต.ต.สหรัฐ ศักดิ์ศิลป์ชัย ผบก.ภ.จ.ชุมพร ร่วมหารือกับคณะทำงาน รวมทั้ง พ.ต.สังคม รองมาลี ผบ.ชป.1 มว.รส.บก.ควบคุม มทบ.44, พ.ต.ท.วรชัย อารักษ์รัฐ ผบ.เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ในฐานประธานเขต 8 และนายบุญญรักษ์ บุญญาธิการ ผบ.เรือนจำจังหวัดหลังสวน หลังจากตลอดคืนวันพฤหัสบดีได้ส่งกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 300 นายปูพรมค้นหา แต่ยังไร้วี่แวว เพียงแต่คาดว่าผู้ต้องหาทั้งสามยังคงหลบซ่อนอยู่บนภูเขาซึ่งมีพื้นที่กว่า 1,500 ไร่ ส่วนที่มีข่าวเบื้องต้นว่าคนร้ายมีปืนลูกซอง 5 นัด 1 กระบอก พร้อมกระสุนเต็มรังเพลิงของผู้คุมที่เก็บไว้ในรถด้วยนั้น ได้รับการยืนยันจากทางเรือนจำหลังสวนว่าคนร้ายไม่ได้ยึดปืนไป
    ทั้งนี้ ได้มีการเสริมกำลังเจ้าหน้าที่อีกกว่า 100 นาย พร้อมสุนัข 4 ตัวดมกลิ่นเสื้อผ้าของ 1 ใน 3 ผู้หลบหนีที่ทิ้งไว้ในรถยนต์ของเรือนจำในสวนปาล์ม ประสานกับเฮลิคอปเตอร์ที่บินค้นหาทางอากาศ
    มีรายงานต่อมาว่า ศาลจังหวัดหลังสวนได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 3 ใน 3 ข้อหา เป็นผู้ต้องขังตามอำนาจของศาลหลบหนีการควบคุมโดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือโดยกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สามคนขึ้นไป, ร่วมกันต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานหรือผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงานตามกฎหมาย โดยใช้กำลังประทุษร้ายและขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย, ร่วมกันปล้นทรัพย์
    พล.ต.ต.สหรัฐเปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากชุดสืบสวนว่า หลังผู้ต้องหาทั้ง 3 คนขับรถเรือนจำหลบหนีและก่อนถึงตลาดอวยชัย 3 ต.วังตะกอ อ.หลังสวน ห่างจากศาลจังหวัดหลังสวนประมาณ 5 กิโลเมตร ได้มีชาวบ้านเห็นนายนราธิป เพิ่มลาภ 1 ใน 3 ผู้หลบหนี กระโดดลงจากรถ ซึ่งทราบว่าบ้านภรรยาของผู้ต้องหารายนี้อยู่บริเวณนั้นด้วย จึงได้ส่งกำลังปิดล้อมพื้นที่ไว้แล้ว ส่วนคนร้ายอีก 2 คนคาดว่ายังหลบหนีอยู่ในพื้นที่เขาท่าทองบ้านห้วยคล้า 
    ในส่วนของการสอบสวนหาสาเหตุนักโทษหลบหนี ได้ข้อมูลว่าผู้ที่ร่วมก่อการมีทั้งหมด 5 คน มีนาย
วศิน หรือแดง ทองยวน อายุ 40 ปี เป็นหัวหน้าวางแผนสั่งการ แต่ช่วงก่อเหตุนายวศินกระโดดขึ้นรถไม่ทันและถูกรถยนต์พุ่งชนประตูรั้วเหล็กล้มใส่แล้วรถวิ่งทับจนบาดเจ็บสาหัส ส่วนนายฤทธิชัย แก้วนักรำ อายุ 35 ปี ขณะวิ่งหนีจะขึ้นรถ ได้ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมไว้ได้
    พ.ต.ท.วรชัย อารักษ์รัฐ ผบ.เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช กล่าวว่า นายวศินหัวหน้ากลุ่มนักโทษที่หลบหนี เป็นนักโทษคดียาเสพติด ศาลพิพากษาถึงที่สุดจำคุก 30 ปี ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำกลางจังหวัดนครศรีธรรมราช และเพิ่งถูกส่งตัวมาขังที่เรือนจำจังหวัดหลังสวนในปีนี้ เพื่อรอเบิกตัวไปเป็นพยานชั้นศาลคดีที่นายพิเชษฐ์ กลิ่นโอชา ที่หลบหนี อ้างเป็นพยานในชั้นศาลคดีเกี่ยวเนื่องกับยาเสพติด ซึ่งจะต้องขึ้นให้การในวันก่อเหตุ.