"ศรีวราห์" ลั่นหมีขอไม่ตายฟรี ยันมีพยานหลักฐานเอาผิดผู้ต้องหาได้ทั้งหมด เค้นสอบเพิ่ม "ตาต้า-อส.ออย" มือยิงซัดทอด 2 อส.อ้างเป็นตำรวจบังคับให้ฆ่า พบซากหมีขอแล้ว ซุกถุงปุ๋ยข้างถนนป่าไทรโยค
    ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม พล.ต.ต.ธนา ชูวงศ์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 (รรท.ผบช.ภ.7) พร้อมพนักงานสอบสวน สภ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ได้นำตัวนายตาต้า ชาวกะเหรี่ยง มือยิงหมีขอ หลังถูกจับกุมได้ที่สำนักสงฆ์เต่าดำ ม.8 ต.วังกระแจะ อ.ไทรโยค และนายอนุสรณ์ เรือนงาม เจ้าหน้าที่อาสาสมัครรักษาดินแดน (อส.) อ.ด่านมะขามเตี้ย พร้อมสำนวนการสอบสวนคดีการล่าหมี ที่มีนายวัชรชัย สมีรักษ์ ปลัดฝ่ายป้องกันอำเภอด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี กับพวก รวม 13 คน ที่บริเวณป่าเขาพลู เขตป่าสงวนแห่งชาติป่าวังใหญ่และป่าแม่น้ำน้อย ม.8 ต.วังกระแจะ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี เพื่อให้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตรวจสำนวนการสอบสวนและสอบปากคำเพิ่มเติม โดยมีทนายความจากสภาทนายความเข้าร่วมรับฟังการสอบสวนด้วย
         ทั้งนี้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ได้ซักถามพนักงานสอบสวน และให้เจ้าหน้าที่ชุดทำงานชี้แจงการทำงานในแต่ละส่วนอย่างละเอียด ทั้งการเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุอีกครั้งใกล้สำนักสงฆ์ พบปลอกกระสุนขนาด .22 หัวกระสุนที่ไม้ไผ่ และชิ้นส่วนซากสัตว์ 2 ถุง ที่นายตาต้า ให้การรับสารภาพว่าเป็นคนยิง โดยมีนายอนุสรณ์ เป็นคนนำไปทิ้ง ก่อนนำซากไปทิ้ง มีนายจีระ ไม่มีนามสกุล และ น.ส.คิน หน่อยโซ เป็นคนชำแหละ ก่อนนำนายตาต้านำชี้จุดที่ก่อเหตุและเก็บพยานหลักฐานเป็นปลอกกระสุนปืนขนาด .22 ที่มีนายอนุสรณ์ หรือ อส.ออย และนายสกานต์ แก่งหลวง อส.ด่านพระขามเตี้ย อยู่ในที่เกิดเหตุด้วย
    จากนั้น พล.ต.อ.ศรีวราห์เปิดเผยว่า จากการสอบปากคำ นายตาต้าที่ลงมือยิงหมีขอเพราะนายอนุสรณ์ และนายสกานต์อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจบังคับให้เขายิง ซึ่งต้องพิจารณาอีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างไร เพราะยังไม่ได้สอบว่าเขาอ้างจริงหรือไม่ ตาม ป.วิอาญา ผู้ต้องหาจะให้การอย่างไรก็ได้ จะรับหรือปฏิเสธ ไม่ให้รับฟัง อย่างไรก็ตาม คดีนี้ยืนยันว่าได้พยานหลักฐานมาครบ เหลือเพียงการตรวจดีเอ็นเอว่าเป็นตัวเดียวกันหรือไม่ หากเป็นตัวเดียวกัน เข้าข้อหาล่า ส่วนจะมีกี่คนเข้าข้อหาล่า อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานแวดล้อม แต่คิดว่าสำนวนนี้อัยการฟ้องได้ทุกข้อหาและทุกคน คือ 1.ร่วมกันเก็บหา นำออกไป ทำด้วยประการใดๆ ให้เป็นอันตราย หรือทำให้เสื่อมสภาพซึ่งไม้ ยางไม้ น้ำมันยาง น้ำมันสน แร่ หรือทรัพยากรธรรมชาติอื่นๆ 
    2.ร่วมกันนำสัตว์ออกไป หรือทำด้วยประการใดๆ ให้เป็นอันตรายแก่สัตว์ 3.ร่วมกันล่า หรือพยายามล่าสัตว์ป่าสงวนหรือสัตว์ป่าคุ้มครอง ซึ่งมิได้เป็นการกระทำโดยทางราชการ ที่ได้รับการยกเว้นฯ 4.ร่วมกันมีไว้ ครอบครอง ซึ่งสัตว์ป่าสงวน สัตว์ป่าคุ้มครอง ซากของสัตว์ป่าสงวนหรือสัตว์ป่าคุ้มครองโดยมิได้รับอนุญาต 5.ร่วมกันซ่อนเร้น ช่วยพาเอาไปเสีย หรือรับไว้โดยประการใด ซึ่งสัตว์ป่าหรือซากของสัตว์ป่า อันได้มาโดยการกระทำความผิด 6.ร่วมกันเก็บหาของป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ 7.ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
    ผู้สื่อข่าวถามว่า เดิมผู้ต้องหาปฏิเสธไม่เกี่ยวข้องกับการฆ่า แต่สุดท้ายรับสารภาพ พล.ต.อ.ศรีวราห์ ตอบว่า เพราะจากการรวบรวมพยานหลักฐานสืบสวนสอบสวน เช่นเดียวกันกับปืน 2 กระบอกที่ยึดเพิ่มเติม หลังจากกองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) ลงที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนขนาด 11 มม. จึงตรวจสอบต่อพบว่าเขาได้นำออกไปแล้วกระทั่งสามารถตามยึดได้ทีหลัง
    เมื่อถามว่า การดำเนินคดีครั้งนี้ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับจำนวน 14 คน มีเด็กอายุ 10 ขวบ ที่นำอาวุธปืน 2 กระบอกที่ตรวจยึดทีหลังไปซุกซ่อนด้วยหรือไม่ รอง ผบ.ตร.กล่าวด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวว่า “ไม่รวม เด็ก ดำเนินคดีไม่ได้ ไม่รู้หรืออย่างไรกฎหมายอาญาเด็ก มาตรา 73, 74 เห็นข่าวว่าศรีวราห์จับเด็ก คนเขียนข่าวอย่างนั้นรู้กฎหมายบ้างหรือเปล่า เขียนเลอะเทอะ ยืนยันไม่มีการจับเด็ก แต่กระบวนการสอบสวนต้องดำเนินไป” 
    ส่วนที่สังคมกำลังจับตามองการทำงานตั้งแต่คดีเสือดำก็ยังไม่สะเด็ดน้ำ แล้วมาทำคดีหมีขอต่อโดยใช้พนักงานสอบสวนชุดเดิมอีกนั้น พล.ต.อ.ศรีวราห์ ตอบอย่างมีอารมณ์ว่า “คุณถามกันแบบนี้มันไม่สร้างสรรค์ คุณรับจ้างใครมาหรือเปล่า ผมไม่อยากพูดหรอก ขั้นตอนการดำเนินวิ อาญา ก็ดำเนินการไป ผมทำตามกฎหมาย ถ้าเป็นการไปชี้นำให้เกิดกระแสเกิดประเด็น ผมว่าหากินวิธีนี้ไม่ถูก ไปรับจ้างใครมาผมไม่ทราบ สำนวนนี้ฟ้องได้ก็โอเคแล้ว ยืนยันว่าหมีขอไม่ตายฟรี ได้พยานและวัตถุมาหมดแล้ว”  
    อย่างไรก็ตาม กรณีที่สำนักสงฆ์ฯ ทำบันทึกเอ็มโอยูกับอุทยานแห่งชาติ แต่นายตาต้าซึ่งเป็นคนของสำนักสงฆ์ฯ กลับเป็นคนลงมือยิงสัตว์นั้น ได้รายงานให้อุทยานไปแล้วให้ไปพิจารณา เราตอบแทนไม่ได้ เพราะเขาเป็นผู้มีอำนาจตาม พ.ร.บ.มาตรา 19 เช่นเดียวกันกับรถยนต์ที่ถูกจับได้ทะเบียน 3555 กรุงเทพมหานคร มีการตัดแปะแชสซีส์ และมีข่าวว่าผู้ครอบครองเป็นตำรวจ ถ้าผิดต้องสั่งให้ดำเนินคดีอยู่แล้ว แต่การสรุปว่าผิดหรือไม่ ต้องรวบรวมพยานหลักฐานอีกเยอะ การตัดแปะแชสซีส์เป็นพยานได้เพียง 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ยังไม่มีหลักฐานว่ารถคันนี้ถูกขโมยมาหรือหนีภาษีมา ต้องรวบรวมพยานหลักฐานอีกเยอะ ยังตอบไม่ได้
    วันเดียวกัน เพจเฟซบุ๊ก ทีมพญาเสือ ศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ป่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้รายงานความคืบหน้าว่า พบซากหมีขอแล้ว ซุกถุงปุ๋ย พร้อมรายละเอียดว่า วันที่ 10 ต.ค. คณะพนักงานเจ้าหน้าที่ ร่วมกันเข้าตรวจสอบพื้นที่เพื่อหาหลักฐานและวัตถุพยานในคดีเพิ่มเติม จำนวน 3 จุด บริเวณพิกัด ป่าเขาพลู หมู่ที่ 8 ตำบลวังกระแจะ อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี ภายในป่าสงวนแห่งชาติป่าวังใหญ่และป่าแม่น้ำน้อย และภายในอุทยานแห่งชาติไทรโยค ปรากฏผลการตรวจสอบ ดังนี้
    จุดที่ 1 พบย่าม (กระสอบปุ๋ย) ซุกซ่อนอยู่ข้างขอนไม้ถนนฝั่งขวา (มุ่งหน้าไปทางหน่วย ทย.6) ห่างจากถนน 2.85 เมตร และห่างจากจุดเกิดเหตุ 1.1 กิโลเมตร พบหลักฐานและวัตถุพยานภายในย่ามจำนวน 3 รายการ คือ 1) ซากสัตว์ป่า กบทูด หรือ เขียดแลว (Limnonectes blythii หรือ Rana blythii) จำนวน 4 ตัว 2) ซากสัตว์ป่า หมีขอ หรือบินตุรง (Arctictis binturong) จำนวน 3 ชิ้น น้ำหนัก 4.3 กิโลกรัม 3) ดิน บริเวณที่พบถุงย่ามใส่ซากสัตว์ป่า จำนวน 1 ถุง
    จุดที่ 2 พบหลักฐานและพยานวัตถุ จำนวน 2 รายการ คือ 1) ลูกกระสุนปืน จำนวน 1 ลูก ภายในลำต้นไผ่ หลังศาลเจ้าพ่อเขาพลู 2) ปลอกกระสุนปืน ขนาด .223 (5.56 มิลลิเมตร) จำนวน 2 ปลอก บริเวณหน้าศาลเจ้าพ่อเขาพลู และจุดที่ 3 บริเวณที่นายตาต้า (ผู้ต้องหา) แจ้งว่าเป็นจุดยิงและล่าสัตว์ป่า (หมีขอ) บนต้นไทร ด้วยอาวุธปืนลูกกรด ห่างจากป้ายทางเข้าสำนักสงฆ์เต่าดำ 30 เมตร และห่างจากจุดที่นายวัชรชัยและพวกตั้งแคมป์ 300 เมตร พบปลอกกระสุนปืน ขนาด .22 มิลลิเมตร จำนวน 1 ปลอก
    คณะพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันจับกุมผู้ที่ร่วมกระทำผิดจำนวน 2 คน ดังนี้ 1.นายตาต้า (ชาวเมียนมา) รับสารภาพว่าเป็นคนยิงหมีขอ 2.นายสมเกียรติ เพ็งนาเรนทร์ และออกหมายจับนายจีระ (ชาวเมียนมา) และภรรยา เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.