'พ่อ-แม่'รังแก'โอ๊ค' 'แก้วสรร'แฉเอาชื่อลูกไปทำธุรกรรมฟอกเงินซํ้ารอยคดีซุกหุ้น


เพิ่มเพื่อน    

    “โอ๊ค” โชว์กึ๋นกฎหมายฟอกเงิน  พร้อมโอ่เกียรติลูกผู้ชายไม่หนี ทั้งที่มีผู้แนะนำให้อยู่ฮ่องกงต่อก็หมดอายุความแล้ว “ลูกหาบ” รีบอวยพร้อมขู่เช็กบิลหากมีอำนาจ “แก้วสรร” เปิดข้อมูลใครรังแกลูกทักษิณ ซัดต้องโทษ “พ่อ-แม่” ที่เล่นแรง อึ้ง! เปรูก็จับลูกอดีตอดีตประธานาธิบดีฟูจิโมริผู้อื้อฉาวข้อหาฟอกเงิน
    เมื่อเวลา 01.09 น. วันพฤหัสบดี นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีได้โพสต์ข้อความลงในเพจเฟซบุ๊กกรณีอัยการสั่งฟ้องคดีฟอกเงินจากการทุจริตอนุมัติเงินกู้ของธนาคารกรุงไทยให้กับกลุ่มกฤษดามหานคร ว่าขอบพระคุณเพื่อนพ้องน้องพี่ทุกท่านที่ให้กำลังใจ ทั้งท่านที่เดินทางมาให้กำลังใจเอง และส่งกำลังใจมาตามช่องทางต่างๆ ซึ่งขอน้อมรับกำลังใจด้วยความซาบซึ้งใจ
    “ผมยืนยันด้วยเกียรติลูกผู้ชายในความบริสุทธิ์ ว่าผมไม่ได้กระทำผิดตามที่กล่าวหา และไม่มีเหตุผลอะไรที่คนกู้เงินมาร่วมหมื่นล้าน จะเอาเงินมาฟอกเพียงแค่ 10 ล้าน แถมบุคคลที่ใช้ให้ฟอกเงิน คือลูกชายของนายกฯ ณ ขณะนั้นอีกด้วย การเมืองไหมล่ะ” นายพานทองแท้โพสต์  
    นายพานทองแท้ยังระบุว่า การกระทำที่ถูกกล่าวหาว่ามีความผิดนี้เกิดขึ้นมากว่า 14 ปีแล้ว ซึ่งหลายคนแนะนำว่าคดีฟอกเงินมีอายุความ 15 ปี จะหมดอายุความอยู่แล้ว ไหนๆ ก็อยู่ฮ่องกงอยู่แล้ว ก็อยู่ต่อไปอีกไม่กี่เดือนแล้วค่อยกลับมาตอนคดีหมดอายุความ สบายกว่ากันเยอะ แต่ก็เลือกกลับมารับทราบข้อกล่าวหา เพื่อพิสูจน์ว่าบริสุทธิ์ ซึ่งความผิดฐานฟอกเงินมี 2 องค์ประกอบหลักๆ คือต้องรู้ว่าเป็นเงินผิดกฎหมาย และเจตนาที่จะร่วมกันฟอกเงิน ซึ่งกรณีเงินกู้นี้มีธุรกรรมจากเงินก้อนเดียวกัน กระทำในลักษณะเดียวกันหลายร้อยราย คิดเป็นมูลค่าหลายพันล้าน แต่อัยการกลับสั่งฟ้องในข้อหาร่วมกันฟอกเงินแค่ 2 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มคนในบริษัทที่เป็นผู้กู้ เและ 2.กลุ่มที่เกี่ยวพันกับการเมืองเท่านั้น มันแปลกไหม
    นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ สมาชิกพรรคเพื่อไทย หนึ่งในกลุ่มอดีต ส.ส.ที่เดินทางไปให้กำลังใจนายพานทองแท้ กล่าวว่า คดีมีผู้ตกอยู่ในข้อกล่าวหา 150 คน แต่ทำไมถึงเลือกฟ้องนายพานทองแท้เพียงคนเดียว และดูเหมือนจะมาทำช่วงใกล้เลือกตั้ง ถือว่าเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมือง ดิสเครดิตพรรคเพื่อไทย รังแกตระกูลชินวัตรหรือไม่ นายพานทองแท้ไม่ใช่นักการเมือง ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค เพียงแค่เป็นลูกชายอดีตนายกฯ  
    “การเป็นลูกทักษิณนั้นผิดด้วยหรือ เมื่อไปดูเจตนานายพานทองแท้ไม่ได้มีเจตนาร่วมฟอกเงิน หรือร่วมโกงแต่อย่างใด ส่วนที่ศาลห้ามไม่ให้ออกนอกประเทศ อยากให้ดูที่เจตนานายพานทองแท้มีพฤติกรรมที่จะหลบหนีหรือไม่ เท่าที่ดูไม่มี ซึ่งในวันข้างหน้าถ้าเลือกตั้งเรียบร้อยได้เป็น ส.ส.จะขอไปตรวจสอบผู้ร่วมกระทำความผิด และไม่ใช่เพียงกรณีนี้ แต่จะดูไปถึงกฎหมายเรื่องอื่นๆ ด้วย” นพ.เชิดชัยกล่าว
    ด้าน พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวว่า ดีเอสไอยังต้องรอความเห็นสั่งฟ้องอย่างเป็นทางการของอัยการ หากสอดคล้องกับการสอบสวนของดีเอสไอก็จะไม่ทำความเห็นแย้ง โดยในชั้นแจ้งข้อกล่าวหาเป็นการแจ้งข้อกล่าวหาทั้ง 2 วงเงิน แต่เมื่อการสอบสวนแล้วเสร็จ พบว่านายพานทองแท้ไม่เกี่ยวข้องกับเงิน 26 ล้านบาท จึงมีความเห็นสั่งฟ้องเฉพาะนางกาญจนาภาและนายวันชัย หงษ์เหิน ส่วนวงเงิน 10 ล้านบาทนั้น มีส่วนเกี่ยวข้องกับนายพานทองแท้โดยตรง จึงมีความเห็นสั่งฟ้อง
    “ผู้ที่มีธุรกรรมการเงินเกี่ยวข้องกับผู้บริหารกฤษดามหานครกว่า 190 ราย ดีเอสไอได้สอบสวนพบว่าเป็นการรับเงินตามที่มีมูลหนี้ต่อกัน และมีเหตุผลการใช้จ่ายเงินที่รับฟังได้ เช่น เป็นการชำระค่าที่ดิน ค่าก่อสร้าง จึงมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องในคดีฟอกเงิน ขณะนี้ได้สรุปสำนวนพร้อมความเห็นส่งไปให้อัยการพิจารณาสั่งคดีตามขั้นตอนแล้ว” พ.ต.อ.ไพสิฐกล่าว
แก้วสรรชี้ใครรังแกเด็ก
    แหล่งข่าวจากดีเอสไอเผยว่า ผู้ที่มีรายชื่อรับเช็คจากนายวิชัย กฤษดาธานนท์ 2 ราย ซึ่งถูกโยงไปเป็นประเด็นการเมือง คือ พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป อดีตสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ซึ่งสำรองจ่ายเงินค่าจัดเลี้ยงรุ่น วปอ. จำนวน 200,000 บาท แทนนายวิชัย ในภายหลังนายวิชัยจึงสั่งจ่ายเช็คคืนเงินให้ ส่วนวงเงิน 100,000 บาท ที่บริจาคให้ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ก็มีความชัดเจนในทางบัญชีว่าเงินไม่ได้ถูกนำไปใช้เพื่อประโยชน์อื่น แต่ถูกนำเข้าบัญชีของมูลนิธิรัฐบุรุษฯ ในทันที แตกต่างจากกรณีของนายพานทองแท้ ซึ่งพนักงานสอบสวนไม่เชื่อว่าเช็คสั่งจ่าย 10 ล้านบาท ที่รับจากนายรัชฎา กฤษดาธานนท์ ลูกชายของนายวิชัย เป็นการร่วมทุนนำเข้ารถยนต์หรูเข้ามาจำหน่าย
    ขณะเดียวกัน นายแก้วสรร อติโพธิ อดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ได้เขียนบทความเรื่อง "กฎหมายไทย..รังแกเด็ก..รับใช้เผด็จการ ???" ในลักษณะถาม-ตอบ ระบุว่า เป็นหนึ่งใน คตส. และหนึ่งในพยานดีเอสไอคดีฟอกเงินธนาคารกรุงไทย และเลขานุการอนุกรรมการไต่สวนคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งคดีธนาคารกรุงไทยนี้ ศาลฎีกาชี้ขาดยุติไปแล้วว่าปล่อยกู้โดยมิชอบ ซึ่งเหตุที่ลามไปถึงนายพานทองแท้ เพราะหลักฐานทางเดินของเงินที่ให้กู้กันโดยมิชอบนี้ ส่วนหนึ่งมันลากไปถึงชื่อนายพานทองแท้ว่าน่าจะมีส่วนรับประโยชน์เข้าตัวการ โดยแปลงเป็นธุรกรรมที่ไม่น่าเชื่อถือจนเข้าข่ายฟอกเงินด้วย ซึ่งหลักฐานทั้ง คตส., ดีเอสไอ และอัยการแน่นจนต้องชี้มูลความผิดฐานฟอกเงิน ดังนั้นมันไม่ใช่เรื่องรังแกเด็ก และ ธ.ค.คดีก็จะขาดอายุความแล้ว ทั้งดีเอสไอและอัยการไม่สั่งสำนวนไม่ได้ ไปว่าคนอื่นดีกว่า
    นายแก้วสรรยังตอบคำถามว่าใครดีกว่า ว่าพฤติกรรมใช้ชื่อลูกเล็กๆ ทั้งพานทองแท้และพินทองทา มาซุกหุ้นทำเป็นรับซื้อหุ้นชินคอร์ปมูลค่าหลายหมื่นล้านบาท จากพ่อแม่หุ้นละ 10 บาท ราคาจริงขณะนั้น 150 บาท แล้วห้ามตลาดหลักทรัพย์ฯ จ่ายปันผลให้ลูกโดยตรง ต้องจ่ายเป็นเช็คผ่านบริษัทชินคอร์ป ให้เลขาฯ แม่ นำเข้าบัญชีที่ใช้ชื่อลูกเปิดบัญชีไว้ และให้ลูกเซ็นใบถอนเงินทิ้งไว้ให้ แล้วเลขาฯ มารดาก็ถอนเงินปันผลไปเข้าบัญชีแม่ทุกงวด รวมกว่า 300 ล้าน กว่า 4 ปี นี่คือการใช้ชื่อลูกทำผิด ซุกหุ้นสัมปทานก่อนขึ้นเป็นนายกฯ ทั้งสิ้น ไม่มีทางปฏิเสธได้ ซึ่งกรณีกรุงไทยก็น่าเชื่อว่าเป็นเหมือนกรณีซุกหุ้นเช่นกัน นายพานทองแท้ไม่น่าจะรู้เรื่องอะไรเลยถูกเลขาฯ มารดาเอาลายเซ็นเอาชื่อไปใช้ทำธุรกรรมต่างๆ ทั้งสิ้น
    “อันที่จริงแล้วเด็กสองคนนี้ไม่ได้ทำอะไรแรงๆ เลย   โดนแรงๆ ก็เพราะพ่อแม่เอาชื่อไปใช้แรงๆ ทั้งสิ้น ตอนเป็น คตส.ใหม่ๆ ผมเคยบอกเพื่อน เตือนผ่านไปยังครอบครัวเขาแล้วว่าอย่าเอาชื่อลูกเข้ามา ไม่มีใครอยากทำอะไรเด็กทั้งนั้น แต่ในที่สุดชื่อเขาก็ถูกนำมาใช้ และเมื่อไม่พูดความจริงก็ต้องโดน พ่อแม่ทั่วไป ไม่มีใครเขาใช้ชื่อลูกมาเล่นแรงๆ เสี่ยงคุกตะรางอย่างนี้หรอกครับ หัวใจทำด้วยอะไรก็ไม่รู้ อย่าไปโทษคนอื่น ไม่ต้องไปปราศรัยอะไรที่ไหนด้วย มันไม่ใช่เรื่องเผด็จการหรือประชาธิปไตยอะไรเลย” นายแก้วสรรระบุ (อ่านรายละเอียดหน้า 4)
เปรูรวบลูกอดีตผู้นำ
    วันเดียวกัน รายงานของสำนักข่าวเอเอฟพีอ้างการเปิดเผยของจูเลียนา โลซา ทนายความของเคโกะ ฟูจิโมริ ผู้นำฝ่ายค้าน พรรคพลังประชาชน ว่าอัยการได้สั่งให้จับกุมเคโกะวัย 43 ปี รายนี้ ฐานต้องสงสัยว่าฟอกเงิน และจะถูกควบคุมตัวไว้นาน 10 วัน โดยการจับกุมเมื่อวันพุธที่ผ่านมา เกิดขึ้น 1 สัปดาห์หลังจากศาลเปรูตัดสินให้การอภัยโทษอัลเบอร์โต ฟูจิโมริ พ่อของเธอ ซึ่งเป็นอดีตประธานาธิบดีผู้อื้อฉาวที่สุดของเปรูเป็นโมฆะ และสั่งให้จับเขากลับเข้าเรือนจำทันที เพื่อรับโทษจำคุกที่เหลือจากโทษ 25 ปีในความผิดฐานคอร์รัปชันและก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ ขณะนี้อดีตผู้นำเผด็จการเข้ารักษาตัวที่คลินิกในกรุงลิมาจากปัญหาโรคหัวใจเรื้อรัง เขาส่งจดหมายถึงประธานาธิบดีมาร์ติน บิซการ์รา โอดครวญด้วยว่า การส่งเขากลับเข้าเรือนจำเท่ากับโทษประหารชีวิต
    ส่วนฟูจิโมริคนลูกนี้เคยถูกมองว่าเป็นทายาททางการเมืองของพ่อ เธอพ่ายแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2559 ต่อเปโดร ปาโบล คูชินสกี ผู้ให้อภัยโทษพ่อเธอ แต่ภายหลังก็ต้องลาออกจากตำแหน่งเนื่องจากถูกกล่าวหารับเงินสนับสนุนหลายล้านดอลลาร์จากบริษัทโอเดเบรชต์ก่อนหน้าการเลือกตั้ง
    บริษัทก่อสร้างยักษ์ใหญ่จากบราซิลแห่งนี้เป็นชนวนเหตุให้ผู้นำรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ระดับสูงในหลายประเทศลาตินอเมริกา โดนสอบสวนการทุจริตรับสินบน กรณีของเปรูนั้น อัยการได้เริ่มสอบสวนตั้งแต่เดือน มิ.ย. โดยมีอดีตประธานาธิบดี 3 คนถูกกล่าวหารับเงินบริจาคผิดกฎหมายจากบริษัทนี้ เพื่อแลกกับการให้สัญญาว่าจ้างแก่บริษัท นอกจากคูชินสกี ยังมีอดีตประธานาธิบดีอลัน การ์เซีย และอาเลฆันโดร โตเลโด
    กรณีของเคโกะ ฟูจิโมริ เธอโดนพาดพิงในคำให้การของฆอร์เก บาราตา อดีตผู้บริหารของโอเดเบรชต์สาขาเปรูชาวบราซิล ซึ่งบอกว่าเขาให้เงินสนับสนุนผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของเปรูหลายคนระหว่างปี 2544-2559 โดยในการเลือกตั้งปี 2554 ซึ่งฟูจิโมริลงชิงชัยด้วย เขาระบุว่าบริษัทได้จ่ายเงินสนับสนุนเธอ 1.2 ล้านดอลลาร์, ให้โตเลโด 700,000 ดอลลาร์ และคูชินสกี 300,000 ดอลลาร์
    นอกจากจับกุมผู้นำพรรคขนาดใหญ่ที่สุดของเปรูรายนี้แล้ว ตำรวจยังได้จับกุมเพิ่มอีก 19 คนที่เกี่ยวพันกับการรับเงินเข้าพรรคพลังประชาชนระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งปี 2554 โดย 2 คนในนี้คือผู้ช่วยของเคโกะซึ่งตำรวจได้เข้าตรวจค้นบ้านของพวกเขาเมื่อเดือนมีนาคม ภายหลังข่าวการจับกุมแบบไม่ทันตั้งตัว ผู้สนับสนุนของพรรคนี้พากันมาชุมนุมที่ด้านนอกสถานที่คุมขังเธอเพื่อประท้วง หลายคนโบกธงของพรรคพลังประชาชน หรือป้ายข้อความสนับสนุนเคโกะ
    เฟร์นันโด ตูเอสตา นักวิเคราะห์กล่าวว่า ตระกูลฟูจิโมริยังคงครอบงำการเมืองของเปรูอยู่อย่างต่อเนื่อง ชาวเปรูอยู่กับตระกูลนี้มานานกว่า 25 ปี ช่วงแรกคือระหว่างที่คนพ่อเป็นประธานาธิบดี แล้วหลังจากนั้นก็รุ่นลูก 
    นอกจากเคโกะแล้ว ตระกูลฟูจิโมริยังมีเคนจิ ฟูจิโมริ อีกคนซึ่งเป็นน้องชายของเคโกะที่ไม่ลงรอยกับพี่สาว และตั้งกลุ่มก๊วนของตนเอง.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"