กทท.เตรียมชงครม.ขอกู้ 4.7 หมื่นล้านบาทก่อนเปิดประมูลแหลมฉบังเฟส3ต้นปีหน้า เล็งจับมือสามชาติเปิดเดินเรือทะเลอินเดีย ยันตั้งบริษัทลูกเดินหน้าแผนคลองเตยภายในปีนี้
นายมนตรี ฤกษ์จำเนียร ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง การท่าเรือแห่งประเทศไทย(กทท.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 วงเงิน 1.4 แสนล้านบาทนั้นขณะนี้อยู่ระหว่างเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ในสัปดาห์หน้าเพื่อขอความเห็นชอบในการกู้เงิน 4.7 หมื่นล้านบาทก่อนเปิดขายซองเอกสารเงื่อนไขการประกวดราคา(ทีโออาร์)ในเดือน ธ.ค. นี้จากนั้นจะเปิดให้เอกชนยื่นข้อเสนอในเดือนก.พ.และลงนามสัญญาในเดือนมี.ค.
อย่างไรก็ตาม ส่วนด้านแผนการพัฒนาการขนส่งสินค้าเชื่อมกลุ่ม BINSTEC ที่ประกอบด้วยบังคลาเทศ อินเดีย ศรีลังกา เป็นต้น นั้นขณะนี้ผลการศึกษาเสร็จแล้วหลังจากนี้จะเดินหน้าลงนามบันทึกความร่วมมือ(MOU) กับ 3 ประเทศได้แก่ อินเดีย บังกลาเทศและศรีลังกา โดยจะเชื่อมการขนส่งสินค้าจากท่าเรือระนองไปยังท่าเรือในสามประเทศดังกล่าวได้แก่ เมืองเชนไน อินเดีย เมืองจิตตะกอง บังกลาเทศ เมืองและเมืองโคลัมโบ ศรีลังกา คาดว่าจะใช้เวลา 1 ปีในการเปิดเดินเรือเส้นทางดังกล่าวโดยจะเป็นการแล่นเรือเรียบชายฝั่งก่อนที่จะสามารถแล่นตัดท้องทะเลได้ในปี 2563
นายมนตรีกล่าวต่อว่าสำหรับแผนแม่บทการพัฒนาท่าเรือคลองเตย วงเงิน 1 แสนล้านบาทเป็นแลนด์มาร์คใหม่และท่าเรือระดับโลกของไทยนั้นจะเร่งก่อตั้งบริษัทลูกโดยกทท.จะถือหุ้น 100% ภายในปลายปีนี้เพื่อทำหน้าที่บริหารทรัพย์สินที่ดิน เช่นเดียวกับบริษัทลูกด้านทรัพย์สินของรฟท. หลังจากนั้นจะใช้เวลาราว 6 เดือนเพื่อศึกษารายละเอียดทั้งหมดก่อนทยอยพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ในแต่ละแปลง
สำหรับพื้นที่แลนมาร์คคลองเตยของการท่าเรือนั้นแบ่งเป็นพื้นที่ แปลง A ประกอบไปด้วย อาคารศูนย์พัฒนาพาณิชยนาวี ศูนย์โลจิสติกส์และกระจายสินค้า อาคารสำนักงาน ศูนย์การค้าธุรกิจทันสมัยครบวงจร ที่อยู่อาศัยทดแทนชุมชนแออัดและสำนักงานเขตคลองเตย พื้นที่แปลง B เป็นสถานีบรรจุสินค้าเพื่อการส่งออกและสถานีขนส่งทางรถไฟกระจายสินค้าและพื้นที่แปลง C รูปแบบการพัฒนาเป็นอาคารศูนย์บริการจุดเดียวเบ็ดเสร็จและศูนย์ประชุมครบวงจร
รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ กทท.ไปพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังให้เป็นท่าเรือระดับโลกเป็นชิปเมนท์ของภูมิภาครองรับสินค้าจากมหาสมุทรแปซิฟิกควบคู่ไปกับท่าเรืออื่นๆในพื้นที่อีอีซี ของเดิมต้องทำให้ดีก่อน นอกจากนี้ยังต้องวางระบบโลจิสติกส์เชื่อมโยงสินค้ากับมหาสมุทรอินเดียทางฝั่งทะเลอันดามัน ดังนั้นจึงต้องไปพัฒนาท่าเรือฝั่งทะเลอันดามันโดยเฉพาะจังหวัดระนองเพื่อเชื่อมโยงการขนส่งสินค้ากับกลุ่มประเทศ BIMSTEC เนื่องจากนี่เป็นสิ่งที่ประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์เกรงกลัวเรื่องการแบ่งสัดส่วนการขนส่งสินค้าทางน้ำ ดังนั้นจึงต้องการฝากให้ประธานคณะกรรมการ(บอร์ด) กทท.ไปดูเรื่องนี้ด้วย
อย่างไรก็ตามมองว่า กทท.มีศักยภาพมากด้านทรัพย์สินถือครองในมือนอกจากจะพัฒนาเรื่องการขนส่งสินค้าแล้วยังต้องนำทรัพย์สินที่มีออกมาสร้างรายได้ซึ่งคาดว่าจะสร้างรายรับได้หลายแสนล้านบาท โดยได้ฝากถึงนายสมศักดิ์ ห่มม่วง อธิบดีกรมเจ้าท่า เข้าไปช่วยดูแลแผนพัฒนาร่วมกับกทท. ที่ผ่านมามีแผนแม่บทแล้วขอให้เดินตามนั้นโดยเฉพาะเรื่องการขอเวนคืนพื้นที่ผู้อยู่อาศัยเดิมต้องไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน ต้องเตรียมที่อยู่อาศัยใหม่ให้พร้อม ส่วนเรื่องแผนการก่อสร้างและพัฒนาท่าเรือนั้นสามารถศึกษาความรู้จากประเทศจีนได้ต้องทำความร่วมมือกันเพราะจีนมีประสบการณ์มากในด้านนี้ อย่างไรก็ตามกทท.ต้องตั้งเป้าให้ได้ว่ามีแผนอะไรบ้างที่ต้องเร่งทำและในแต่ละปีต้องทำอะไรให้สำเร็จบ้าง
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |