อาคารสหประชาชาติ ถ.ราชดำเนินนอก / หลายองค์กรร่วมจัดงาน ‘สร้างไทยไปด้วยกัน : สร้างบ้าน สร้างชุมชน ไทยทุกคนมั่นคง เข้มแข็ง’ เนื่องในวันที่อยู่อาศัยโลก โดยมีผู้แทนจากเครือข่ายการพัฒนาที่อยู่อาศัยในไทยและจาก 10 ประเทศในเอเซียเข้าร่วมงานประมาณ 200 คน ขณะที่พลเอกอนันตพร รมว.พม.ชูวิสัยทัศน์ “คนไทยทุกคนมีที่อยู่อาศัยถ้วนทั่วและมีคุณภาพชีวิตที่ดีภายในปี 2579” ตั้งเป้าแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อยน้อยทั่วประเทศกว่า 3 ล้านคนให้บรรลุผลตามแผนแม่บทการพัฒนาที่อยู่อาศัยระยะ 20ปี
วันจันทร์แรกของเดือนตุลาคมของทุกปี องค์การสหประชาชาติกำหนดให้เป็น ‘วันที่อยู่อาศัยโลก’ หรือ ‘World Habitat Day’ มีเป้าหมายเพื่อให้นานาประเทศให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนที่อยู่อาศัย หรือมีที่อยู่อาศัยที่ไม่เหมาะสม และหามาตรการแก้ไขปัญหา โดยในปี 2561 นี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาที่อยู่อาศัยในประเทศไทย คือ การเคหะแห่งชาติ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และเครือข่ายขบวนองค์กรชุมชนทั่วประเทศ ได้จัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อรณรงค์เนื่องในวันที่อยู่อาศัยโลกตลอดช่วงเดือนตุลาคมนี้
โดยในวันนี้ (10 ตุลาคม) ที่ห้องประชุมสำนักงานคณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งเอเชียและแปซิฟิก (ESCAP) อาคารสำนักงานสหประชาชาติ ถนนราชดำเนินนอก มีการจัดงาน ‘สร้างไทยไปด้วยกัน : สร้างบ้าน สร้างชุมชน ไทยทุกคนมั่นคง เข้มแข็ง’ เนื่องในวันที่อยู่อาศัยโลก โดยความร่วมมือระหว่าง ESCAP การเคหะแห่งชาติ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ มูลนิธิที่อยู่อาศัยแห่งเอเชีย(ACHR) โดยมีผู้แทนจากขบวนองค์กรชุมชน เครือข่ายการพัฒนาที่อยู่อาศัยในประเทศไทย ผู้แทนจากประเทศเอเซีย และผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ เข้าร่วมงานประมาณ 200 คน
พลเอกอนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ กล่าวว่า วันที่อยู่อาศัยโลกปีนี้องค์การสหประชาชาติกำหนดหัวข้อหลักในการรณรงค์เรื่อง “การจัดการขยะโดยเทศบาล” (Municipal Solid Waste Management) ซึ่งการขจัดขยะเป็นเรื่องสำคัญและมีผลต่อสิ่งแวดล้อม จำเป็นที่ชุมชน ท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องร่วมมือกันในการจัดการ โดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและชุมชนจะต้องมีบทบาทในเรื่องนี้มากขึ้น
“ส่วนในประเทศไทยยังคงให้ความสำคัญกับการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับทุกคน (Housing for all) การทำให้คนไทยมีบ้านอยู่อาศัยอย่างถ้วนทั่ว มีความมั่นคงในการอยู่อาศัย รวมถึงการมีชุมชนเข้มแข็ง มีสภาพแวดล้อม ความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตที่ดี ถือว่าบ้านเป็นศูนย์กลางของการพัฒนาด้านต่าง ๆ (Housing at a center)” รมว.พม.กล่าว
พลเอกอนันตพรกล่าวต่อไปว่า ประเทศไทยได้กำหนดแนวทางการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ขององค์การสหประชาติ เป้าหมายที่ 11 เรื่อง “การทำให้เมืองและการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์มีความสามารถในการปรับตัว มีภูมิต้านทานและยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลงให้เกิดสุขภาวะอย่างครอบคลุมและยั่งยืน” และวาระใหม่ในการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน (New Urban Agenda) ซึ่งประเทศไทยได้ดำเนินการมาตลอด และคณะรัฐมนตรีได้มีมติรับรองวาระใหม่ในการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืนแล้ว และมอบหมายให้กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ และกระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลัก จัดทำแผนการพัฒนาเพื่อให้เกิดการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน
(วาระการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน (New Urban Agenda) เป็นเอกสารซึ่งประเทศสมาชิกและองค์การระหว่างประเทศรับรองร่วมกันในการประชุมสหประชาติว่าด้วยการพัฒนาที่อยู่อาศัยและเมืองอย่างยั่งยืน ครั้งที่ 3 (Habitat 3) ณ เมืองกีโต สาธารณรัฐเอกวาดอร์ เมื่อเดือนตุลาคม 2559 เพื่อเป็นวิสัยทัศน์ของประชาคมโลกในการพัฒนาเมืองและที่อยู่อาศัยอย่างยั่งยืนโดยเน้นคนเป็นศูนย์กลาง และส่งเสริมบทบาทหน้าที่ของรัฐบาลท้องถิ่น ตลอดจนการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนและประชาชนในการพัฒนาเมืองและการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ในทุกมิติ โดยเชื่อมโยงกับวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ.2030 (พ.ศ.2573) และความตกลงระหว่างประเทศอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง)
พลเอกอนันตรพรกล่าวด้วยว่า กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ได้จัดทำแผนแม่บทการพัฒนาที่อยู่อาศัยระยะ 20 ปี ( พ.ศ.2560-2579) ซึ่งแผนแม่บทดังกล่าวมีวิสัยทัศน์ “คนไทยทุกคนมีที่อยู่อาศัยถ้วนทั่วและมีคุณภาพชีวิตที่ดีภายในปี 2579” โดยเฉพาะกลุ่มประชาชนผู้มีรายได้น้อยประมาณ 3-4 ล้านครัวเรือน ทั้งนี้แผนแม่บทดังกล่าว มีกลไกในการขับเคลื่อนงาน คือ มีคณะกรรมการนโยบายที่อยู่อาศัยแห่งชาติที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และมีการจัดตั้งกองทุนพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยขึ้นมา เพื่อส่งเสริมการออมและเป็นแหล่งทุนในการพัฒนาที่อยู่อาศัย นอกจากนี้จะมีการจัดตั้งศูนย์ข้อมูลที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยขึ้นมา
พลเอกอนันตพรกล่าวด้วยว่า นับแต่เริ่มแผนแม่บทพัฒนาที่อยู่อาศัยในปี 2560 การเคหะแห่งชาติและสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ ได้จัดที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยไปแล้วกว่า 200,000 ครัวเรือน เช่น การเคหะฯ ทำเรื่องแฟลตดินแดงที่ประชาชนอยู่อาศัยมานานกว่า 50 ปี โดยมีเป้าหมายประมาณ 6,500 ยูนิต เก็บค่าเช่าประมาณ 1,000-4,000บาทต่อเดือน ประมาณอีก 6 ปีจะแล้วเสร็จทั้งหมด ส่วนสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน หรือ พอช. ทำเรื่องบ้านมั่นคงไปแล้วประมาณ 100,000 หลัง และโครงการบ้านพอเพียงซึ่งเป็นโครงการซ่อมแซมบ้านเรือนในชนบทที่ยากจนประมาณ 80,000 หลัง และกระทรวง พม. ทำเรื่องบ้านผู้สูงอายุ คนพิการ ฯลฯ ประมาณ 40,000-50,000 หลัง
“อีกประมาณ 17 ปี หรือภายในปี 2579 คาดว่าจะทำเรื่องบ้านได้ทั้งหมด 3-4 ล้านหลังตามแผนแม่บทที่อยู่อาศัย 20 ปี ซึ่งจะต้องมีการสำรวจข้อมูล ส่งเสริมการออมทรัพย์ การจัดหาที่ดินใหม่ที่ไม่ไกลและสะดวกในการเดินทาง การออกแบบบ้าน ซึ่งเรื่องต่างๆ เหล่านี้ ทุกภาคส่วนจะต้องร่วมมือกันเพื่อให้เกิดความสำเร็จ ขณะเดียวกัน พอช.และการเคหะฯ เมื่อสร้างบ้านเสร็จแล้วก็จะช่วยกันพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น จะมีการสร้างอาชีพ มีตลาดประชารัฐ สร้างรายได้ ทำให้ชุมชนเกิดความเข้มแข็ง มีความมั่นคงในชีวิตต่อไป” พลเอกอนันตพรกล่าวทิ้งท้าย
การจัดงาน ‘สร้างไทยไปด้วยกัน : สร้างบ้าน สร้างชุมชน ไทยทุกคนมั่นคง เข้มแข็ง’ เนื่องในวันที่อยู่อาศัยโลกในปีนี้ นอกจากจะมีการจัดเวทีเสวนา และการจัดนิทรรศการแสดงผลงานการพัฒนาที่อยู่อาศัยทั่วประเทศแล้ว ภายในงานยังมีพิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณให้แก่หน่วยงานและบุคคลที่สนับสนุนการพัฒนาที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อยจำนวน 15 ราย ได้แก่
1.เทศบาลเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ 2.องค์การบริหารส่วนตำบลข่วงเปา จังหวัดเชียงใหม่ 3.เครือข่ายคนไร้บ้าน 4.คณะทำงานแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยและพัฒนาคุณภาพชีวิตตำบลระบำ จังหวัดอุทัยธานี 5.โครงการบ้านเอื้ออาทรรัตนาธิเบศร์ (ท่าอิฐ) 6.โครงการบ้านเอื้ออาทรระยอง (วังหว้า) 7.มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ จังหวัดนครศรีธรรมราช 8.มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร 9.กรมธนารักษ์ 10.สำนักปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) 11.กรมเจ้าท่า 12.ธนาคารอาคารสงเคราะห์ 13.บริษัท SCG 14.เครือข่ายชุมชนริมคลอง และ 15. นายจรัส อมรชัยนนท์ (เจ้าของที่ดินชุมชนเมืองใหม่มาลัยทอง)
สำหรับผู้แทนจากเครือข่ายการพัฒนาที่อยู่อาศัยในประเทศเอเซียที่เข้าร่วมงานวันที่อยู่อาศัยโลกในประเทศไทยมีทั้งหมด 10 ประเทศ จำนวน 57 คน เช่น อินเดีย ปากีสถาน กัมพูชา พม่า เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปินส์ ฯลฯ นอกจากนี้ผู้แทนต่างประเทศจะเดินทางไปศึกษาดูงานการพัฒนาที่อยู่อาศัยในพื้นที่ต่างๆ ที่มีการจัดงานวันที่อยู่อาศัยโลก เช่น บ้านหาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยในที่ดินของกรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม, บ้านมั่นคงชนบทตำบลปากช่อง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เป็นที่ดิน ส.ป.ก.ที่ยึดคืนมาจากผู้ครอบครองไม่ถูกต้อง, บ้านมั่นคง อ.เมือง จ.นครสวรรค์ฯลฯ
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |