ศาลสั่งจำคุก 4 ปี "สับ วาปี" กุญแจดอกสำคัญคดีครูจอมทรัพย์ ส่วนเมียโดนไป 3 ปี เผยจำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา จึงมีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง
เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม มีความคืบหน้าคดีนางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร หรือศรีบุญหอม อายุ 55 ปี อดีตข้าราชการครูใน จ.สกลนคร ที่ถูกพนักงานอัยการจังหวัดนครพนม เป็นโจทก์ ฟ้องในคดีอาญาเลขที่ 295/60 ข้อหาซ่องโจร และความผิดเกี่ยวกับเอกสาร ฯลฯ มีจำเลยร่วมอีกจำนวน 9 คน ประกอบด้วย 1.นายสุริยา นวนเจริญ หรือครูอ๋อง เพื่อนคนสนิท 2.นางทัศนีย์ หาญพยัคฆ์ พยานที่อ้างว่าเห็นเหตุการณ์ 3.นางทองเรศ วงศ์ศรีชา พยานที่นั่งซ้อนท้าย จยย.มากับนางทัศนีย์ 4.นายนิรันดร์ แสนเมืองโคตร อดีตสามีของนางจอมทรัพย์ 5.นายเสน่ห์ สุพรรณ เพื่อนสนิทอีกคนของนางจอมทรัพย์ 6.นางรจนา จันทรัตน์ เจ้าของฉายานักสืบโซเชียล 7.น.ส.วาสนา เพ็ชรทอง หลานสาวผู้วิ่งเต้นด้านเอกสารระหว่างนางจอมทรัพย์ต้องโทษ 8.นายสับ วาปี ผู้อ้างว่าเป็นคนขับรถ และ 9.นางจันทร์ วาปี
โดยนายสับกับนางจันทร์สองผัวเมียรับสภาพในข้อหาเบิกความเท็จ และแจ้งความเท็จ ศาลจึงแยกสำนวนออกมาเป็นคดีหมายเลขดำที่ 290/2561 และคดีหมายเลขแดงที่ 4645/2561 โดยอัยการจังหวัดเป็นโจทก์ ยื่นฟ้องสองผัวเมียในข้อหาซ่องโจร ความผิดต่อเจ้าพนักงาน และความผิดต่อเจ้าพนักงานในการยุติธรรม ซึ่งศาลได้นัดจำเลยทั้งสองมาฟังคำพิพากษา ในวันที่ 25 ก.ย.ที่ผ่านมา
ศาลจังหวัดนครพนมออกนั่งบัลลังก์แล้วมีคำพิพากษาว่า นายสับจำเลยที่ 1 กระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิด กฎหมายอาญามาตรา 91 ฐานร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน จำคุก 2 เดือน ฐานร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานสอบสวนฯ และฐานร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐานฯ จำคุก 6 เดือน ฐานเบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีอาญาต่อศาล จำคุก 3 ปี ฐานซ่องโจร 1 ปี เพิ่มโทษหนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 เฉพาะฐานเบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีอาญาต่อศาล เป็นจำคุก 4 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาเป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง เหลือจำคุกกำหนด 2 ปี 10 เดือน
ส่วนจำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172 (เดิม) และ 267 (เดิม) ประกอบมาตรา 93, 177 วรรคสอง (เดิม) มีความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับคดีอาญาแก่พนักงานสอบสวน จำคุก 6 เดือน ฐานเบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีต่อศาล จำคุก 3 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 1 ปี 9 เดือน
โดยศาลพิเคราะห์รายงานการสืบเสาะและพินิจจำเลยที่ 2 ประกอบพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว เห็นว่าจำเลยที่ 2 มีอายุมาก อีกทั้งมีปัญหาด้านสุขภาพ ไม่เคยมีประวัติการกระทำความผิดมาก่อน แต่จำเลยกระทำความผิดในคดีนี้ เนื่องจากเห็นแก่อามิสสินจ้างเพื่อประโยชน์ของตนเองฝ่ายเดียว โดยไม่คำนึงถึงผลเสียที่เกิดขึ้นต่อกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบ ตามพฤติการณ์นับเป็นเรื่องร้ายแรง จึงไม่มีเหตุอันควรรอการลงโทษจำคุก หลังสิ้นคำพิพากษานายสับและนางจันทร์ได้ยื่นหลักทรัพย์ประกันตัว เพื่อจะขอความเมตตาในชั้นศาลอุทธรณ์ต่อไป.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |