"ไม่พูดเสียเลยจะดีกว่ามั้ย ท่านรองฯ วิษณุ"?
เพราะคำท่านเอ่ยวานซืน.......
"การเดินทางไปต่างประเทศของผู้บริหารพรรคเพื่อไทยและอดีต ส.ส.ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
เป็นเสรีภาพในการเดินทาง ไม่เห็นจะเป็นความผิดอะไร ต่อให้ไปแล้ว ไปพบกับนายทักษิณจริง ผมเองก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไร" นั่นน่ะ
อยากจะบอกว่า.......
สมน้ำหน้า "คนไทยเจ็บแล้วไม่รู้จักจำ" ยิ่งนัก!
แค่รัฐบาลทหาร "ประวิตร-ประยุทธ์-อนุพงษ์" ปล่อยตัวน้องออกไปลอยดอกอยู่กับตัวพี่นอกประเทศ
ก็เลือดกบปาก ไม่ต่างถูก คสช.สะบัดหลังมือใส่หน้าฉาดใหญ่อยู่แล้ว
และนี่ เกรงชาวบ้านจำปูมหลังตัวท่านรองฯ เองไม่ได้หรืออย่างไร
ว่ารองนายกฯ วิษณุ ในรัฐบาล คสช.วันนี้ ก็ใช่อื่นไกล คนเคยรับใช้ "ใกล้มือ-ใกล้เท้า" ทักษิณมาก่อน!?
เคยออกจอ แก้ต่างให้ทักษิณ........
กรณี "ตีตนเสมอเจ้า" ตอนเข้าไปประกอบพิธีในวัดพระแก้ว คงจำกันได้
เมื่อเข้าหน้าสิ่ว-หน้าขวาน จึงไม่รีรอใช้ความกลมกลิ้งภาษากฎหมาย "เยี่ยวรดหัวใจ" ประชาชน เชิงแก้ต่างอย่างนั้น
ถ้ายึด "ตัวอักษร" กฎหมายในเชิง "วัตถุ" เป็นที่ตั้ง
ก็อาจใช่......
ว่าฮ่องกงใครก็ไปได้ แม้ไปพบทักษิณ มันจะผิดตรงไหน?
ในเมื่อ ไม่มีใบเสร็จ เป็นพยาน-หลักฐานยืนยัน ให้พิสูจน์ได้ ว่า.....
ผู้บริหารพรรคเพื่อไทยและอดีต ส.ส.มีการกระทำเข้าข่ายมาตรา ๒๘-๒๙ ตาม พ.ร.บ.พรรคการเมือง ที่ว่า
มาตรา ๒๘ .........
ห้ามมิให้พรรคการเมืองยินยอมหรือกระทำการใดอันทำให้บุคคลอื่นซึ่งมิใช่สมาชิกกระทำการอันเป็นการควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำ กิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที่ทำให้พรรคการเมืองหรือสมาชิกขาดความอิสระ ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม
มาตรา ๒๙......
ห้ามมิให้ผู้ใดซึ่งมิใช่สมาชิกกระทำการใดอันเป็นการควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำกิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที่ทำให้พรรคการเมืองหรือสมาชิกขาดความอิสระ ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม
หรือใครมี?
ถ้ามี ก็รีบนำไปมอบให้ท่านรองฯ วิษณุท่านเลย
แต่ระวังนะ ถ้าใครบอก "หลักฐานเทียม" แทนที่จะได้เหรียญตราพลเมืองดี
อาจได้ข้อหา "สร้างหลักฐานเท็จ" แทนก็ได้ ฐานมีเจตนาใส่ร้าย หวังให้เพื่อไทยถูกยุบพรรค!
พูดตามรอยเท้าที่เห็นเป็นทาง เมื่อเผด็จการทหารหลิ่วตาในมาตรการกับทักษิณ-ยิ่งลักษณ์อย่างนั้น
การไม่พูด-ไม่ให้ความเห็น กับเรื่องซ่อนเร้นในหลืบใจเผด็จการ จะเป็นคุณที่สุด
แต่เมื่อต้องการถางเป็นทางฝากไว้เพื่อกาลข้างหน้า ก็ต้องบอกว่า
"ท่านรองฯ ไม่มีหน้าที่พูดเรื่องนี้"
มันเป็นอำนาจหน้าที่ของ กกต.ที่เขาจะติดตามและสอดส่องดูแลในกระบวนการของการเลือกตั้ง
ไม่ใช่หน้าที่รัฐบาลหรือรองฯ วิษณุจะมาพลิ้วชวนตีความ พ.ร.บ.พรรคการเมือง ในประเด็นพรรคใดทำผิด-ไม่ผิด?
ยิ่งเชิงโน้มน้าวเป็นคุณ-เป็นโทษลักษณะนี้ด้วยแล้ว ตามมรรยาท
......ไม่ควร!
เพราะคำพูดคนในคณะรัฐมนตรี ถือกันว่าเป็นกฎหมายกลายๆ ทางปฏิบัติ
การที่คนเพื่อไทยยกโขยงไปพบทักษิณที่ฮ่องกงโครมๆ และสองพี่น้อง จงใจปล่อยภาพ-ปล่อยข่าวตัวเอง ให้สอดรับประเด็นเรื่อง ว่า......
ที่ยกโขยงมากันนั้น
มาเพื่อรับคำสั่ง นโยบาย การวางตัว-วางตำแหน่งในพรรคจากทักษิณ เพื่อการเลือกตั้ง
มันเป็นเรื่องเปิดเผยต่อเนื่อง สาธารณชนรับรู้-รับทราบ ทั้งโลกาเข้าใจตรงกัน
การใช้กฎหมาย "วัตถุอักษร" ไม่คำนึง "เจตนารมณ์" อันเป็นหัวใจของการเกิดเป็นกฎหมาย มาตรา ๒๘ และ ๒๙ ของ พ.ร.บ.พรรคการเมือง
ไม่น่าเศร้า..........
แต่มัน "น่าหยาม"
สำหรับคนเล่นลิ้นอักษร ที่จงใจละเลย "เจตนารมณ์" อันเป็นหัวใจ
จะสังเกตว่า แกนนำพรรคเพื่อไทยนั้น มากต่อมาก เป็นนักกฎหมาย
แต่แปลกมั้ย?
ในเมื่อมั่นใจ การให้ทักษิณครอบงำ ชี้นำ สั่งการในกิจกรรมพรรค ว่าไม่ผิด พ.ร.บ.พรรคการเมือง
เพื่อไทยกลับตีฆ้องร้องป่าว "เจ้าข้าเอ๊ย...เขาจะยุบพรรคเรา" วันละ ๓ เวลา ส่อเจตนา "กันทาง" ให้ตัวเองล่วงหน้าชัดๆ
โจรย่อมรู้ทางโจร นักกฎหมายย่อมรู้ทางกฎหมาย ฉันใด ก็ฉันนั้น
คือลึกๆ แล้ว รู้ว่าที่ทำนั้น มันผิด ถ้า กกต.ติดตามสอดส่องได้หลักฐาน ถูกยุบพรรคได้
แต่คล้ายจงใจให้เป็นเช่นนั้น เพื่อสร้างจังหวะฉวยวิกฤติเป็นโอกาส ตะโกนอ้างกับชาวบ้านว่า...
"นั่นไง เห็นมั้ย บอกแล้วไม่เชื่อ เผด็จการมันแกล้ง มันจ้องหาทางยุบพรรค แล้วมันก็ยุบจนได้"
อาจทำโกรธ กราดเกรี้ยว แต่ลึกๆ แอบดีใจ ที่แผน "ยืมมือรัฐบาลยุบพรรค" พบความสำเร็จ
สำเร็จตามแผน..........
"แตกพรรคย่อย" เชิงยุทธวิธี ใต้ยี่ห้อทักษิณ ที่ตั้งไว้รองรับล่วงหน้าแล้ว!
ชาวบ้าน "เหมือนคนตาบอด" อย่างที่ทักษิณเคยบอกเสนาะ ว่าคนตาบอดไม่กลัวเสือ ก็จะหลงกล-หลงเห็นใจ
เทคะแนน "เลือกโจร" เข้าไปปล้นเมืองอีก!
พูดแล้วนึกขึ้นได้.......
เมื่อ ๒๖ กันยา ๖๑ ผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง เขียนด้วยลายมือ เป็นจดหมายส่งจากเชียงใหม่ถึงผม
เป็นทัศนะควรฟัง ขออนุญาตลอกแบ่งกันอ่าน แต่ขออนุญาตตัดความที่ท่านกล่าวถึงตัวผมออก ดังนี้
อ.เมือง จังหวัดเชียงใหม่
เรียน คุณเปลว สีเงิน ที่นับถือ
............ผมขอฝากบทสรุปสั้นๆ เพื่อขอคุณเปลว สีเงิน กรุณาขยายต่อด้วยครับ
เรารู้ "รู้ทั้งรู้" ในใจของคุณทักษิณ "เป็นคนครึ่งดี ครึ่งร้าย" ซึ่งเป็นโดยธรรมชาติเฉพาะบุคคล
ถ้า "ยุคโบราณ" คนเช่นนี้ คือ วีรบุรุษ
แต่ปัจจุบันนี้ สู่อนาคตไม่ใช่ และไม่สามารถเอามาเป็นผู้นำได้
เพราะ "ถ้าวันหนึ่ง" กิเลสเกิดกำเริบ ก็จะคิดชั่ว ๑๐๐% ทันที
นับจากวันนี้ของคุณทักษิณ "ก็คิด" แค่เอาตัวรอดเท่านั้น (เฉพาะตัวเอง)
การ "คิดดี-ทำดี" แม้แต่จะกล้าแสดงตัวอย่างเปิดเผยต่อสาธารณะ ก็ "หมดโอกาส" เพราะว่า มันเกิดจากการกระทำของคุณทักษิณเองทั้งสิ้น
"คนดีมีพลัง" (รวมญาติของคุณทักษิณด้วย) ควรคิดอย่างไร?
คือ คิดอย่างมีธรรมะ ผสมผสานกับหลักกฎหมายที่ยุติธรรมต่อบ้านเมือง
อย่างน้อย ก็ขอเป็นบุญกุศลที่ทำเพื่อประเทศชาติและประชาชนไทย หรืออาจจะช่วยคุณทักษิณ ให้พ้นจากความทุกขเวทนาได้ด้วย "หมดกรรมเก่า"
เพราะถ้าเกิดวันหนึ่ง นับจากนี้ "กิเลสกำเริบ" ถึง ๑๐๐%
ถ้าเกิดเฉพาะตัวคุณทักษิณก็ "หมดเวรกรรม" ไป แต่ถ้าเกิดกับพี่น้องประชาชน อะไรจะเกิดขึ้น?
จากคนเชียงใหม่ (ผู้รู้ ผู้ตื่น เบิกบานแจ่มใส)
ครับ...ความที่ท่านเขียน..........
เท่ากับบอกขุมทรัพย์อริยะให้ทักษิณและญาติอยู่แล้ว ไม่มีอะไรที่ผมต้องขยายความอีก
ก็ขึ้นอยู่กับ บุญ วาสนา เวรกรรม ของเขาเอง ว่าจะตีเจตนานี้ ไปทางกุศลหรืออกุศล
ทักษิณนั้น โดยส่วนตัว ดีต่อกันตลอด แต่การที่เขาไม่ดีต่อชาติบ้านเมือง
ทำเป็นจริงใจต่อประชาชน เนื้อแท้ หลอกใช้ประชาชน เป็นเครื่องมือ "ประชาธิปไตยกินเมือง" ดังประจักษ์
ดี ทางปรารถนาดีต่อกัน นั้น ได้
แต่จะให้ดี ทางสนับสนุนให้กลับมา "โกงแบ่งกัน" เปลี่ยนชาติบ้านเมืองเป็นอื่นนั้น
ดีต่อกันเช่นนี้ ไม่ได้แน่นอน!
"หวัง" คืนครองเมืองของทักษิณจากเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นหวังที่ "หมดหวัง" และเป็นครั้ง "สุดท้าย" ของชีวิตที่เหลือแล้ว
นรกหรือสวรรค์ ผมไม่รู้ ที่ให้ "ทักษิณ" เกิด
รู้แต่ว่า.........
ฟ้าให้ "ประยุทธ์" มาเกิดด้วย
มันก็เป็นเช่นนี้แล!
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |