กลายเป็น “ตำบลกระสุนตก” ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และรัฐบาลไปแล้ว “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ทุกๆ ย่างก้าวมีแต่คนให้ความสนใจ

ไม่ใช่แค่เวทีการเมืองอย่างที่เคยเป็นมา แต่ตอนนี้ประชาชนภายนอกก็สนใจท่วงทำนองของ “บิ๊กป้อม” ในทุกๆ เรื่อง โดยเฉพาะตั้งแต่เกิดเรื่อง "ภคพงศ์ ตัญกาญจน์" หรือ “น้องเมย” นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เสียชีวิตปริศนา ที่ออกมาให้สัมภาษณ์ จนกระทบความรู้สึกของผู้เป็นพ่อเป็นแม่

กระแส “ผมก็เคยโดนซ่อมจนเกินกำลังจะรับได้ จนสลบไปเหมือนกัน แต่ผมไม่ตาย” กับ “ก็ไม่ต้องเข้ามาเรียน ไม่ต้องมาเป็นทหาร เราเอาคนที่เต็มใจ” ทำเอา “บิ๊กป้อม” อยู่ไม่ไหว ต้องออกมาขอโทษขอโพยภายหลังให้หลังไม่กี่วัน เกิดการกระทบกระทั่งกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้ชุมนุมคัดค้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา ที่ จ.สงขลา และมีการจับแกนนำจำนวน 16 คน

ขณะที่ทุกภาคส่วนกำลังให้ความเห็นใจ “ม็อบ” เพราะแค่ต้องการมายื่นหนังสือ และเรียกร้องให้ปล่อยตัว ทว่า “บิ๊กป้อม” ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ก็ระบุ

“ทั้ง 16 คน ถูกควบคุมตัวอยู่ เป็นพวกฮาร์ดคอร์ เป็นพวกใจร้อน ไม่ใช่แกนนำอะไรทั้งสิ้น”

กระทั่งเกิดการแซวกันในโลกโซเชียลมีเดีย ใครก็ได้หยุดแกที!

มาล่าสุด “บิ๊กป้อม” ยังเหมือนอยู่ในภาวะ “พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก” กับอิริยาบถระหว่างถ่ายหมู่ “ครม.ประยุทธ์ 5” หน้าตึกไทยคู่ฟ้า เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา หลังเอามือป้องแสงแดดไม่ให้เข้าตา แสงสะท้อนจากแหวนทองคำขาวเด่นขึ้นมา

จากประเด็นที่สื่อมวลชนถ่ายมาแซวกันธรรมดา ถูกนำมาตั้งข้อสังเกตเรื่องมูลค่าที่น่าจะสูงลิ่ว ก่อนจะมีพวกตาดีจับจ้องไปที่นาฬิกาข้อมือ “Richard Mille” ในรูปเดียวกัน

จากเรื่องมูลค่าต่อยอดมาถึงการตรวจสอบ กับคำพูด “บิ๊กป้อม” ที่บอกได้มานานแล้ว แต่กลับไม่ปรากฏทั้ง 2 รายการ อยู่ในบัญชีรายการแสดงทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กลายเป็นเรื่องปม “แจงบัญชีเท็จ” ที่ทุกคนกำลังรอคำตอบ

เรียกว่า ขนาดอยู่เฉยๆ “บิ๊กป้อม” ยังโดน!

3 ปรากฏการณ์ติดๆ ที่พุ่งเป้าไปที่พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์ กำลังสะท้อนให้เห็นว่า “บิ๊กป้อม” คือ เป้าใหญ่ที่ทุกคนอยากตรวจสอบและพิสูจน์ในหลายๆ เรื่อง

เพราะทราบกันดีว่า แม้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเป็นเบอร์ 1 ของรัฐบาล แต่ในแง่พลังทางการเมือง “บิ๊กป้อม” ถือว่าผู้มากบารมี

ภาพลักษณ์ที่ผ่านมาถูกมองว่า เป็นผู้มีอำนาจตัวจริงที่อยู่เบื้องหลัง มีส่วนกับการตัดสินใจของรัฐบาลในหลายๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแต่งตั้งรัฐมนตรี ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ การอนุมัติเรื่องต่างๆ ถนนทุกสายเวลาอยากจะให้ช่วยอะไร ต่างวิ่งเข้าบ้าน “วงษ์สุวรรณ”

ขณะเดียวกัน เวลาปรากฏข่าวการทุจริตเรื่องราวต่างๆ มักจะมีการเชื่อมโยงบุคคลนั้นๆ ว่า เป็นเด็กในคาถาของ “บิ๊กป้อม” จนต้องออกมาแก้ข่าวอยู่บ่อยครั้งว่า ไม่ได้รู้จักมักจี่

หรือแม้แต่เวลาตัวเองหรือคนใกล้ชิดถูกตรวจสอบ แต่ไม่เคยเอาผิดอะไรได้ องค์กรตรวจสอบก็ถูกมองว่า อยู่ภายใต้อันเดอร์ของ “บิ๊กป้อม”

มันจึงเป็นเหมือน “สายล่อฟ้า” ที่ดึงดูดทุกคนเวลา “บิ๊กป้อม” ทำอะไรพลาด

เช่นเดียวกับครั้งนี้ ที่ทุกคนรอดูท่าทีของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ว่า จะดำเนินการอย่างไร เพราะทรัพย์สินทั้ง 2 รายการ ไม่ปรากฏอยู่ในรายการแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินที่แจ้งต่อ ป.ป.ช.เอาไว้ ซึ่งในสายตาคนตอนนี้ปักใจเชื่อไปแล้วว่า เป็นการแจ้งบัญชีเท็จ เพราะ “บิ๊กป้อม” ระบุเองว่า มีมานานแล้ว

ขณะที่ “ป.ป.ช.” เอง โดยเฉพาะ “บิ๊กกุ้ย” พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. ที่เป็นคนสนิทของ “บ้านวงษ์สุวรรณ” ก็ถูกตั้งคำถามอีกแล้วว่า จะทำตรงไปตรงมาหรือไม่

เพราะ “บิ๊กป้อม” เล่นรูดซิปปากไม่ขอชี้แจงอะไรกับสื่อ แต่จะพูดกับ ป.ป.ช.เท่านั้น มันก็เป็นเหมือนไฟต์บังคับว่า คนชี้แจงจะต้องเป็น ป.ป.ช.ที่ต้องออกมาชี้แจงให้

อย่างไรก็ดี ในมุมกฎหมายยังพอเหลือทางดิ้นให้ “บิ๊กป้อม” อยู่คือ ได้ทรัพย์สินมาภายหลังเข้ารับตำแหน่งเมื่อปี 2557 แต่อยู่ที่ว่า จะแจงได้มีน้ำหนักหรือสมเหตุสมผลหรือไม่

เพราะไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นว่า “ป.ป.ช.” ฟอกให้อีกแล้ว และข้อครหาเรื่อง “ผู้มากบารมี” ก็จะยิ่งมีน้ำหนักมากขึ้นไปอีก.