หนุ่มมะกันคนนี้มีเชื้อสายไต้หวัน เกิดที่นิวยอร์ก สหรัฐฯ เพราะพ่อแม่ไปเรียนหนังสือที่อเมริกา แต่งงานกันแล้วก็ปักหลักทำมาหากินที่นั่น
วันนี้ Andrew Yang ลูกชายวัย 43 คนนี้ประกาศจะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีเชื้อสายเอเชียคนแรกในนามพรรคเดโมแครต
ผมติดตามอ่านข่าวเรื่องนี้แล้วก็เกิดความสนใจในแนวคิดและความกล้าหาญเสนอตัวเป็นผู้นำประเทศสหรัฐฯ ในขณะที่คนอเมริกันไม่น้อยกำลังสิ้นหวังกับอนาคตของประเทศเพราะมีคนชื่อโดนัลด์ ทรัมป์เป็นประธานาธิบดี
ผมจึงชวนเขามาคุยกับผมทาง Suthichai Live และเขาก็ตอบรับโดยไม่ลังเล อาจจะเป็นเพราะเขาเห็นว่าผมเป็นสื่อคนเอเชียเหมือนกัน
หรืออาจจะเป็นเพราะเขาเห็นว่าในยุคดิจิทัลวันนี้ การสนทนาข้ามทวีปผ่านมือถือง่ายๆ ที่ไปถึงคนทั่วโลกเป็นแนวทางที่เขาควรจะใช้ให้คล่องแคล่วหากเขาจะเสนอตัวเป็นผู้นำประเทศที่ยังเชื่อว่าตัวเองเป็นผู้นำระดับโลก
แอนดรู หยางบอกว่าเขาต้องคิดนอกกรอบเพื่อสร้างการเมืองเพื่อมนุษยชาติใหม่ เขาจึงเสนอคำขวัญหาเสียงของเขาว่า Humanity First แปลว่า "มนุษย์ต้องมาก่อน"
ไม่ใช่ America First หรืออเมริกาต้องมาก่อนทุกอย่างแบบของทรัมป์
นโยบาย “ขายฝัน” ของเขาคือ ถ้าเขาได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะแจกเงินให้คนอเมริกันทุกคนตั้งแต่อายุ 18 ถึง 64 เดือนละ $1,000
เขาเรียกมันว่า “Freedom Dividend” หรือ “เงินปันผลแห่งเสรีภาพ”
ซึ่งความจริงก็คือ “รายได้พื้นฐานสากล” เพื่อให้เป็นสวัสดิการแก่ประชาชนทุกคน
ที่เขาเสนอจะแจกเงินให้ทุกคนมีรายได้ประจำก็เพราะเขาคาดการณ์ว่าผู้คนกำลังจะตกงานกันอย่างกว้างขวาง เพราะเทคโนโลยีใหม่ที่จะทำให้หุ่นยนต์มาแทนคน
และเมื่อทุกคนมีรายได้พื้นฐานแล้วก็สามารถจับจ่ายใช้สอย ซึ่งก็จะทำให้เศรษฐกิจมะกันคึกคักตามไปด้วย
แอนดรู หยางบอกกล่าวกับคนอเมริกันว่า เขาเชื่อว่าสหรัฐฯ จะต้องเตรียมตัวสำหรับความเปลี่ยนแปลงอย่างหนักหน่วงรุนแรงด้วยการที่รัฐต้องเข้ามาช่วยสร้างความเท่าเทียม
“ผมคุยกับเจ้าของบริษัทยักษ์ๆ ในอเมริกาแล้วว่าจะต้องขึ้นภาษีพวกเขา เพื่อเอารายได้นั้นมากระจายให้ชนชั้นกลางและคนจน พวกเขาส่วนใหญ่เห็นด้วยกับผม เพราะพวกเขารู้ว่าหากคนรวยไม่เสียสละ สังคมก็อยู่ไม่ได้ และถ้าสังคมปั่นป่วนวุ่นวาย พวกเขาก็อยู่ไม่ได้เช่นกัน” แอนครูบอกผม
เขาเสนอให้มีการตั้งหน่วยงานพิเศษเพื่อหาทางเขียนกฎกติกาป้องกันปัญหาคนติดโซเชียลมีเดียงอมแงม
เขาเสนอให้ตั้ง “จิตแพทย์ประจำทำเนียบขาว” คงจะเป็นเพราะปัญหาความไม่ค่อยปกติทางจิตใจของโดนัลด์ ทรัมป์
เขาเสนอให้วันจ่ายภาษีเป็นวันหยุดประจำปี
และเขาเสนอวิธีการปราบปรามคอร์รัปชันด้วยการปรับเพิ่มเงินเดือนของเจ้าหน้าที่กำกับดูแลกฎเกณฑ์ของบ้านเมือง แต่จำกัดการทำงานหารายได้ส่วนตัวหลังออกจากงานของรัฐ เพื่อป้องกันไม่ให้กลายเป็นเครื่องมือของเอกชนในการหลีกเลี่ยงกฎเกณฑ์ทั้งหลาย
เมื่อต้นปีนี้เขาประกาศว่าจะควักเงินส่วนตัวให้คนคนหนึ่งในรัฐนิวแฮมเชียร์เดือนละ $1,000 ตลอดทั้งปีหน้า เพื่อพิสูจน์ถึงประสิทธิภาพของนโยบายแจกเงินเพื่อสร้างสวัสดิการส่วนบุคคลก่อนจะเป็นนโยบายระดับชาติในการหาเสียงของเขา
เมื่อปี 2012 เขาได้รับรางวัลในฐานะ Champion of Change หรือ “แชมเปียนแห่งความเปลี่ยนแปลง” โดยทำเนียบขาวภายใต้ประธานาธิบดีบารัก โอบามา
ผมถามแอนดรูว่าการเป็นคนอเมริกันเชื้อสายเอเชียเป็นข้อได้เปรียบหรือเสียเปรียบในการเสนอตัวเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ เขาบอกว่า “ผมคิดว่าเป็นข้อได้เปรียบ เพราะผมสามารถเสนอไอเดียใหม่ๆ ได้โดยไม่ต้องพะวงเหมือนนักการเมืองรุ่นเก่าๆ และยิ่งเมื่อทรัมป์มีนโยบายกีดกันคนต่างด้าวหนัก การที่ผมในฐานะเป็นลูกของผู้อพยพจากเอเชียมาเสนอทิศทางการสร้างประเทศใหม่ด้วยแนวคิดแบบใหม่ก็ย่อมจะสร้างกระแสคนรุ่นใหม่ได้”
นอกจากคุณแทมมี่ ดักเวิร์ธ วุฒิสมาชิกสหรัฐฯ เชื้อสายไทยแล้ว ผมก็เห็น Andrew Yang ที่น่าจะเป็นคนมะกันเชื้อสายเอเชียอีกคนที่น่าจะได้โอกาสเสนอตัวรับใช้คนอเมริกันระดับชาติได้
สังคมอเมริกันมีข้อน่ากังวลมากมายหลายอย่าง แต่ข้อดีอย่างหนึ่งคือ ไม่ว่าคุณเป็นใครคุณก็สามารถฝันจะเป็นผู้นำระดับชาติได้ทั้งสิ้น.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |