ปปง.อายัด210ล. ทรัพย์สินบูมกับพี่


เพิ่มเพื่อน    

    ปปง.สั่งอายัดทรัพย์สิน 210 ล้านของ "บูม" กับพี่ชาย พี่สาว และพวก ระบุได้จากการกระทำผิดในคดีร่วมกันฉ้อโกงนักธุรกิจชาวฟินแลนด์ และฟอกเงิน มีอาทิ ที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง และเงินฝาก เฉพาะที่ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของดาราหนุ่มและพิสูจน์ทราบแล้วมี 47 ล้าน
    เมื่อวันที่ 9 ตุลาคมนี้ เว็บไซต์สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้เผยแพร่คำสั่งคณะกรรมการธุรกรรมที่ ย.174/2561 มีมติให้อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับข้องกับการกระทำความผิด กรณีนายปริญญา จารวิจิต พี่ชายนายจิรัชพิสิษฐ์ จารวิจิต หรือบูม นักแสดงจากซีรีส์ดัง ร่วมกับพวกมีพฤติการณ์กระทำความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกง ตามประมวลกฎหมายอาญา อันมีลักษณะเป็นปกติธุระและฐานความผิดร่วมกันฟอกเงิน วางแผนและสมคบกันหลอกลวง โดยชักชวนให้นายอาร์นี โอทาวา ซาริมา ชาวฟินแลนด์ (Mr.Aarni Otava Saarimaa) ร่วมลงทุนซื้อหุ้นกับบริษัท Expay Software จำกัด และ Nx Chain Inc ลงทุนประกอบธุรกิจซื้อขายสกุลเงินดิจิตอลในชื่อดราก้อน คอยน์ dragon coin (DRG) และหุ้นของบริษัท ดีเอสเอ 2002 จำกัด (มหาชน) โดยอ้างว่าเป็นธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนสูง เป็นเหตุให้นายอาร์นีหลงเชื่อ ลงชื่อในสัญญาที่ฝ่ายนายปริญญาจัดทำขึ้น และโอนเหรียญบิตคอยน์ซึ่งเป็นเงินดิจิตอลเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่กลุ่มนายปริญญาเปิดรองรับไว้รวม 19 ครั้ง คิดเป็นเงินไทย 797 ล้านบาท แต่นายอาร์นีไม่ได้รับหุ้นครบตามสัญญา และไม่มีการนำเงินไปลงทุนในหุ้นจริง จึงทราบว่าถูกนายปริญญากับพวกหลอกลวง
    จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม พบข้อมูลว่ามีการนำเงินไปรับซื้อฝากที่ดิน และซื้อที่ดินหลายแปลงในชื่อของนายปริญญา และพวก อันถือเป็นความผิดมูลฐานตามกฎหมายฟอกเงิน ซึ่งจากการรวบรวมหลักฐานพบว่านายปริญญาและพวกได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดรวม 64 รายการ มูลค่า 210 ล้านบาท (ทรัพย์สินบางส่วนอยู่ระหว่างประเมินราคา) เป็นเงินฝากธนาคาร และสิทธิ์เรียกร้องอันเป็นทรัพย์ที่สามารถโอน ยักย้าย ปกปิด ซ่อนเร้นได้โดยง่าย รวมทั้งอสังหาริมทรัพย์ประเภทโฉนดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่ปรากฏหลักฐานในทางทะเบียนที่ผู้ครอบครองกรรมสิทธิ์หรือผู้มีสิทธิ์ครอบครองสามารถทำนิติกรรมโอนเปลี่ยนแปลงชื่อผู้ครองครองได้ ถ้าไม่มีการออกคำสั่งอายัดทรัพย์ดังกล่าวไว้ ต่อมาหากศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์ดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดิน ปปง.อาจไม่สามารถติดตามทรัพย์ดังกล่าวกลับคืนมาได้ คณะกรรมการธุรกรรมจึงมีคำสั่งให้อายัดทรัพย์สินทั้ง 64 รายการ พร้อมดอกผลไว้ชั่วคราว มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน นับตั้งแต่วันที่ 14 ส.ค.-11 พ.ย.61
    สำหรับทรัพย์สินดังกล่าวประกอบด้วย บัญชีเงินฝากธนาคารในชื่อของนายนายจิรัชพิสิษฐ์ จำนวน 5 บัญชี ซึ่งสามารถประเมินราคาได้ 2 บัญชี มูลค่า 4 ล้านบาท อยู่ระหว่างการประเมินราคาอีก 3 บัญชี และที่ดินเขตจตุจัตร เนื้อที่ 3 งาน 80 ตารางวา ที่มีชื่อนายจิรัชพิสิษฐ์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ มูลค่า 43 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นบัญชีเงินฝากธนาคารและที่ดินในชื่อของนายปริญญา, น.ส.สุพิชฌาย์ จารวิจิต และชื่อบุคคลอื่น รวม 59 รายการ รวมจำนวนเงินทั้งหมด 210 ล้านบาท ทั้งนี้ ผู้ที่ถูกยึดทรัพย์หรือผู้ที่มีส่วนได้-ส่วนเสียในทรัพย์ดังกล่าว ต้องการขอให้เพิกถอนคำสั่งยึดอายัดทรัพย์ ให้ยื่นคำร้องพร้อมหลักฐานที่แสดงว่าเงินหรือทรัพย์ที่ถูกยึดอายัดนั้น ไม่ใช่ทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ต่อเลขาธิการ ปปง.ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งหรือทราบคำสั่งนี้.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"