9 ต.ค.61-นายพายัพ ปั้นเกตุ อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทยกล่าวว่า ขณะนี้ชาวไร่อ้อยเดือดร้อนหนักมาก ประสบปัญหาตัดอ้อยขาดทุน บางท้องที่ปล่อยอ้อยยืนต้นตาย ไม่ยอมตัด เนื่องจากต้นทุนค่าเก็บเกี่ยวแพงกว่าราคาขายเข้าโรงงาน แถมเงินชดเชยก็ไม่มีถูกตัดหมด เถ้าแก่ที่เคยวิ่งแย่งกันชื้ออ้อยก็ไม่ยอมซื้อเพราะขาดทุน ตอนนี้ชาวไร่อ้อยจะอดตายอยู่แล้ว ขอให้รัฐบาลช่วยเหลือด่วน ราคาอ้อยต่ำมากเหลือตันละ 670 บาท 

สำหรับอ้อยดีมีความหวานสูง แต่ถ้าอ้อยไม่ดีฝนตกมากความหวานต่ำไม่ได้มาตรฐานราคาก็จะต่ำลงไปอีก บางท้องที่เหลือตันละ 640-650 บาทเท่านั้น ค่าแรงงานตัดอ้อยก็แพงและหายาก ค่าจ้างตัดตันละ120บาท แต่ถ้าเป็นคนงานอีสานที่จ้างมาใกล้ๆก็ต้องจ่ายมัดจำล่วงหน้า ยิ่งถ้าเป็นแรงงานเขมรจะเสีย ค่าใช้จ่ายค่าโซห่วยสูง เบี้ยบ้ายรายทางมากทุกขั้นตอน ค่ารถคีบคนขนรถขนก็แพง 

นายพายัพกล่าวว่า รัฐบาลคสช.บอกว่าไม่อุดหนุนเกษตรกรชาวไร่อ้อยและสินค้าเกษตรทุกรายการอีกแล้วจะให้ยืนบนขาตัวเอง แต่รัฐบาลคสช.ไม่หาตลาดให้เลย จะยืนอย่างไรไหว  รัฐบาลบอกจะช่วยคนจน ออกบัตรคนมาให้11.4ล้านคน อนุมัติจ่ายไปแล้ว43,000ล้านบาท เข้าร้านธงฟ้ามหาเศรษฐีได้ไป 41,000 ล้านบาท ถามว่าอย่างนี้ช่วยใครช่วยคนจนหรือว่าคนรวยให้รวยยิ่งขึ้นไปอีก ส่วนชาวบ้านเกษตรกรจะให้อดตายหรืออย่างไร ไหนบอกว่ารายได้เกษตรกรเพิ่มขึ้น4.8 % มันเพิ่มขึ้นตรงไหน เพิ่มขึ้นที่ใคร 

"อยากถามว่ารัฐบาลคสช.ทำไมรังเกียจอาชีพเกษตรกรชาวนาชาวไร่ชาวสวนกันนัก พวกเราเป็นภาระประเทศมากนักหรืออย่างไร ขายอะไรไม่ได้ก็ให้ไปปลูกไปทำอย่างอื่น แต่ตลาดรัฐไม่ดูแลเลยมันเป็นอะไรกันนักกันหนาประเทศนี้ ที่เป็นรัฐบาลที่ประชาชนไม่เลือกมันเป็นกันอย่างนี้เองหรือ ลดละทัศนคติเชิงลบกับชาวไร่อ้อยและเกษตรกรลงบ้างเถิด ขอให้เอางบประมาณ3.3ล้านๆมาช่วยชาวบ้านบ้าง หาตลาดส่งออกให้บ้าง เพราะเขาก็เป็นคนไทยและเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศนี้ และถ้าอยากเป็นรัฐบาลต่อก็ต้องหันมาดูแลเกษตรกรคนยากคนจนให้มากกว่านี้ และควรจะทำเดี๋ยวนี้ด้วย"

สำหรับนายพายัพ เป็นแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) มีบทบาทเคลื่อนไหวทางการเมืองโด่งดังในปี 2553  เมื่อเป็นผู้นำมวลชนเสื้อแดงเข้าตรวจค้นโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์  โดยอ้างว่ามีกองกำลังทหารอยู่ภายในโรงพยาบาลหรือไม่  ทำให้โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ประกาศปิดให้บริการผู้ป่วยนอกทั้งหมด และขนย้ายผู้ป่วยหนีเพราะเกรงจะมีการเผาโรงพยาบาล.