"บิ๊กป้อม" ถกคณะกรรมการ กอ.รมน.รับทราบแผนแม่บทย่อยรองรับยุทธศาสตร์ชาติ-แก้ไขปัญหา จชต. โฆษก กอ.รมน.ยันสถานการณ์มีแนวโน้มดีขึ้น สถิติก่อเหตุลดลง "บิ๊กแดง" สั่งคัดแยกคดีก่อความไม่สงบกับคดีอาญาทั่วไป จนท.ปะทะเดือดยิงดับ "หมะดาโหะ เสมสัน" ระดับแกนนำปล้นรถยนต์ทำคาร์บอมบ์-ฆ่าลูกจ้าง
ที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) วันที่ 8 ตุลาคม พล.ต.ธนาธิป สว่างแสง โฆษก กอ.รมน. แถลงผลการประชุมคณะกรรมการอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ครั้งที่ 2/61 โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและ รมว.กลาโหมเป็นประธาน พร้อมคณะกรรมการอีกจำนวน 21 คน โดยคณะกรรมการอำนวยการฯ ได้รับทราบผลการดำเนินงานของ กอ.รมน.ในการจัดทำแผนแม่บทย่อยรองรับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ซึ่งถือเป็นแผนที่สำคัญ มีความเกี่ยวข้องกับทุกส่วนราชการ ทั้งหน่วยงานพลเรือน ตำรวจ และทหาร ในการบูรณาการปฏิบัติร่วมกัน ซึ่งจะเป็นพื้นฐานสำคัญในการสนับสนุนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ.2561-2580) ให้บรรลุผลตามเป้าหมายที่กำหนดไว้
พล.ต.ธนาธิปกล่าวว่า สำหรับ กอ.รมน.ได้รับมอบบทบาทอำนวยการบูรณาการปฏิบัติตามยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคงใน 2 ประเด็นยุทธศาสตร์ ได้แก่ ประเด็นยุทธศาสตร์การรักษาความสงบภายในประเทศ และประเด็นยุทธศาสตร์การป้องกันและแก้ไขปัญหาที่มีผลกระทบต่อความมั่นคง โดยการจัดทำแผนบูรณาการกลไกบริหารจัดการด้านความมั่นคงเพื่อรองรับบทบาทหน้าที่ดังกล่าว ทั้งนี้เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติให้เป็นรูปธรรมอย่างมีประสิทธิภาพ บ้านเมืองมีความมั่นคงในทุกมิติทุกระดับ ประชาชนอยู่ดีกินดีมีความสุข อันจะทำให้ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมีความสุข ตามเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติ
โฆษก กอ.รมน.กล่าวต่อว่า คณะกรรมการ กอ.รมน.ได้ร่วมพิจารณาและให้ความเห็นชอบแผน ในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้เรื่องที่สำคัญ 2 เรื่อง ดังนี้ 1.แผนเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประจำปี 2562 ซึ่งประกอบด้วยแนวทางดำเนินการที่สำคัญทั้ง 3 ด้าน ได้แก่ ด้านสร้างความเข้าใจกับประชาชนทั้งในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้และนอกพื้นที่ ตลอดจนในต่างประเทศ, ด้านความมั่นคงด้วยการบังคับใช้กฎหมายความยุติธรรมและการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ และด้านการพัฒนาความมั่นคงด้วยการสร้างความเข้มแข็งให้หมู่บ้านและเสริมสร้างรายได้ ในส่วนโครงสร้างการจัดและอัตรากำลังของ กอ.รมน.ภาค 4 สน.ในปี 2562 ซึ่งมีอัตราคงเดิมเช่นเดียวกับปี 2561 ทั้งนี้ต้องยุติสถานการณ์ความรุนแรงให้ลดน้อยลงหรือหมดไป เน้นให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา รวมถึงการสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้นตามนโยบายของรัฐบาล
2.แผนปฏิบัติการอำเภอสุไหงโก-ลก 61 ซึ่งเป็นการรองรับการประกาศใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส อันเป็นส่วนหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าสถานการณ์ในพื้นที่ได้คลี่คลายลง โดยมอบให้ กอ.รมน.ภาค 4 สน.ใช้อำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย รวมถึงบูรณาการการปฏิบัติงานในพื้นที่ให้บรรลุตามผลสัมฤทธิ์ของแผน เพื่อนำไปสู่การขยายผลการประกาศใช้ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงฯ ในพื้นที่อื่นๆ ต่อไป การดูแลรับผิดชอบในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลกยังคงมีการกวดขันระมัดระวัง โดยใช้มาตรการเชิงรุกควบคู่ไปกับการพัฒนาบูรณาการ ประสานการปฏิบัติร่วมกันทุกภาคส่วน และส่งเสริมให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหา เพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นอันจะทำให้เกิดความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ต่อไป
"จากการปฏิบัติการในปีที่ผ่านมาสรุปในภาพรวมได้ว่า สถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มีแนวโน้มที่ดีขึ้น สถิติการเกิดเหตุรุนแรงลดลง 41 เหตุการณ์ คิดเป็นร้อยละ 24.69 สถิติการสูญเสียลดลง 153 ราย คิดเป็นร้อยละ 44.09 เมื่อเทียบกับปี 2560 ในส่วนการบังคับใช้กฎหมาย คดีความมั่นคงมีการส่งดำเนินคดีเพิ่มมากขึ้น ได้รับการยอมรับจากพี่น้องประชาชนและองค์กรระหว่างประเทศ ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำชุมชน ผู้นำศาสนา และเจ้าหน้าที่รัฐมีการพบปะพูดคุยกัน ส่งผลให้มีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น พี่น้องประชาชนในหลายพื้นที่สามารถออกมาใช้ชีวิตอย่างเป็นปกติสุข มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ดูได้จากรายได้จากการท่องเที่ยวที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา" พล.ต.ธนาธิปกล่าว
พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยว่า ในการประชุมสำนักเลขาธิการ คสช.ที่มี พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ เลขาธิการ คสช.เป็นประธาน ได้มีการพูดถึงสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะการคลี่คลายเหตุการณ์ก่อความไม่สงบนั้น เลขาธิการ คสช.กำชับให้หน่วยในพื้นที่ให้ความสำคัญกับการประเมิน พร้อมคัดแยกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างการก่อความไม่สงบและคดีอาชญากรรมทั่วไป เพื่อทำให้สังคมเห็นภาพรวมที่แท้จริงของสถานการณ์ชัดเจนยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันการที่หน่วยงานด้านความมั่นคงและกองทัพภาคที่ 4 มีความสัมพันธ์อันดีกับประเทศเพื่อนบ้านโดยเฉพาะมาเลเซีย ถือเป็นเรื่องที่ดีเพราะจะทำให้เกิดความมั่นคงและการพัฒนาร่วมกันในพื้นที่ชายแดน อันจะส่งผลเชิงบวกต่อการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อไป
ก่อนหน้านั้นเมื่อช่วงตี 1 คืนวันที่ 8 ต.ค. กำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ทั้งหน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 43, หน่วยปฏิบัติการพิเศษร่วม จ.ปัตตานี, ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจส่วนหน้าและหน่วยเฉพาะกิจสงขลา ได้เข้าพิสูจน์ทราบและติดตามบุคคลเป้าหมายในพื้นที่หมู่ 3 ต.สะกอม อ.เทพา จ.สงขลา แต่ระหว่างเข้าตรวจค้นได้เกิดการปะทะกับคนร้าย
ทำให้คนร้ายถูกยิงเสียชีวิต 1 คน คือ นายหมะดาโหะ เสมสัน อายุ 40 ปี เป็นผู้ก่อการร้ายระดับปฏิบัติการ มีหมายจับ ป.วิ.อาญา และเกี่ยวข้องกับคดีปล้นรถยนต์ที่ร้านวังโต้ คาร์เซ็นเตอร์ และยิงลูกจ้างเสียชีวิต 1 คน เมื่อวันที่ 16 ส.ค.60 ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนั้นคนร้ายได้ปฏิบัติการปล้นรถชาวบ้านและเต็นท์รถรวมหลายคัน ก่อนจะนำไปคาร์บอมบ์ ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถออกหมายจับคนร้ายที่ร่วมก่อเหตุแล้ว 14 คน และสามารถจับกุมได้แล้ว 5 คน
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้อีก 2 คนซึ่งถูกส่งไปยังศูนย์ซักถามที่ จ.ปัตตานี.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |