ชิงหัวหน้า ปชป.คึกคัก! "มาร์ค" ดวงดีซิวเบอร์หนึ่ง ชูสโลแกน "มุ่งมั่นอุดมการณ์ มุ่งหน้าเพื่ออนาคตประเทศ" มั่นใจนั่งเก้าอี้ต่อ เปิด 80 ชื่อกองหนุน "ชวน-บัญญัติ" ร่วมรับรอง ขณะที่ "หมอวรงค์" ได้เบอร์ 2 "จ้อน" หมายเลข 3
ที่พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม มีการเปิดรับสมัครบุคคลเพื่อเข้ารับการหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โดยก่อนการรับสมัครจะเริ่มขึ้นผู้สมัครทั้ง 3 คน ได้แก่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค, นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก และนายอลงกรณ์ พลบุตร อดีตรองหัวหน้าพรรค ได้เดินทางมาสักการะองค์แม่พระธรณีบีบมวยผม ทั้งนี้ตั้งแต่เวลา 07.30 น.บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีแฟนคลับของแต่ละกลุ่มเดินทางมาให้กำลังใจ ซึ่งแฟนคลับของนายอภิสิทธิ์มีป้ายไฟและนำดอกกุหลาบสีแดงมาให้กำลังใจ ขณะที่กลุ่มเพื่อนอลงกรณ์ชูป้ายเชียร์พร้อมกับระบุว่า "อลงกรณ์สู้ๆ 4 ปฏิรูป 5 กฎเหล็ก 6 ยุทธศาสตร์" รวมทั้งเครือข่ายผู้ขับรถแท็กซี่ก็ชูป้ายสนับสนุนนายอลงกรณ์เช่นกัน ส่วนกลุ่ม นพ.วรงค์ มีเพียงกลุ่มเพื่อนหมอวรงค์เท่านั้น ไม่ได้มีผู้สนับสนุนใดมาร่วมชูป้ายด้วย
จากนั้นเวลา 08.30 น. เริ่มเปิดรับสมัครบุคคลเข้ารับการแข่งขันชิงหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โดยมีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรค ในฐานะรักษาการหัวหน้าพรรคกำกับและดำเนินการรับสมัครดังกล่าว ปรากฏว่าเอกสารรายชื่อรับรองของนายอลงกรณ์ไม่ครบ บางส่วนมายื่นไม่ทันตามกำหนด ทำให้นายอภิสิทธิ์มอบรายชื่อที่สนับสนุนตนเองให้นายอลงกรณ์ คือ น.ส.รังสิมา รอดรัศมี อดีตส.ส.สมุทรสงคราม และ น.ส.รัชดา ธนาดิเรก อดีต ส.ส.กทม. ส่วน นพ.วรงค์ได้มอบรายชื่อที่สนับสนุนตัวเองให้นายอลงกรณ์ด้วยเช่นกัน คือชื่อตนเอง (นพ.วรงค์) และนายวิชัย ล้ำสุทธิ อดีต ส.ส.ระยอง ทำให้นายอลงกรณ์รู้สึกชื่นชมและขอบคุณที่ทำให้มีชื่อผู้รับรองครบตามที่กำหนด จึงขอสละสิทธิ์ในการจับหมายเลขประจำตัวผู้สมัคร โดยขอเป็นผู้สมัครหมายเลข 3 ทำให้มีผู้จับสลากเหลือเพียง 2 คน ซึ่งนายอภิสิทธิ์ได้สละให้ นพ.วรงค์เป็นผู้จับหมายเลขประจำตัวผู้สมัครก่อน เนื่องจากมายื่นใบสมัครก่อน ปรากฏว่า นพ.วรงค์ได้หมายเลข 2 ทำให้นายอภิสิทธิ์ได้หมายเลข 1
นายอภิสิทธิ์ ในฐานะผู้สมัครชิงหัวหน้าพรรคหมายเลข 1 กล่าวว่า การสมัครชิงหัวหน้าพรรคเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ซึ่งดีใจที่เห็นสมาชิกพรรคตื่นตัว แสดงออกให้เห็นว่าเขาอยากเป็นเจ้าของพรรค และหวังว่าจากนี้ไปจนถึงวันที่ 5 พ.ย.จะคึกคักร่วมกันกำหนดอนาคตของพรรค อีกทั้งหวังว่าการหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรคของเราจะเป็นแบบอย่างให้พรรคการเมืองอื่นด้วย อย่างไรก็ตามการแข่งขันต้องมีกระทบกระทั่งกันบ้าง จะหลอกว่าไม่มีเลยเป็นไปไม่ได้ แต่ต้องเป็นแบบอย่างว่ากระทบกระทั่งอย่างไรก็อยู่ในกติกาอย่างสร้างสรรค์ อย่ากลัว หากกลัวว่าแข่งขันแล้วมีปัญหาเราจะไม่มีทางเป็นประชาธิปไตยได้ แต่ยืนยันว่าส่วนตัวไม่ได้กระทบกระทั่งกับใคร ส่วนที่มีการพาดพิงถึงตนไม่เป็นไร ถือว่าเป็นนักประชาธิปไตย ขอให้อยู่ในขอบเขต แต่อย่าส่งผลกระทบต่อส่วนรวมและพรรคประชาธิปัตย์
เมื่อถามถึงจุดยืนที่จะไม่นำพรรคไปอยู่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า พรรคจะต้องเป็นตัวของตัวเอง และต้องเป็นทางเลือกหลักของประเทศ อย่าปล่อยให้พรรคถูกใครกล่าวหาว่าต้องลากไปอยู่ข้างนั้นข้างนี้ เพราะอุดมการณ์ของพรรคเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ให้ประเทศไทยได้ดีที่สุด ไม่ใช่อิงกับฝ่ายอื่น
"ประชาธิปัตย์จะไปขอประชาชนให้สนับสนุนเราเป็นรัฐบาลด้วยตัวเอง และถ้าตัวเองเป็นรัฐบาลไม่ได้ก็ต้องเชิญชวนคนอื่นมาร่วมกับเรา โดยเป็นคนที่เชื่อในแนวทางและอุดมการณ์ของเรา ซึ่งหากได้เป็นรัฐบาลต้องมั่นใจว่าสิ่งที่บอกกับประชาชนต้องทำได้ ผมไม่ต้องการนำพรรคไปเป็นรัฐบาลแล้วสุดท้ายทำอะไรไม่ได้เลย ไม่สามารถทำในสิ่งที่บอกกับประชาชนได้ หรือทำในสิ่งที่ขัดกับอุดมการณ์ความเชื่อของเราก็ไม่มีประโยชน์ ดังนั้นขอให้เวลากับเรา เพราะวันที่ 5 พ.ย.กระบวนการเลือกหัวหน้าพรรคก็จบ และวันที่ 11 พ.ย.ก็ได้คณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ เราจะมุ่งหน้าเป็นเส้นทางหลักเป็นพรรคการเมืองหลักของประเทศ" นายอภิสิทธิ์ระบุ
ส่วนสโลแกนที่ใช้ในการชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคนั้น ตนเองชัดอยู่แล้วว่า "มุ่งมั่นเรื่องอุดมการณ์ มุ่งหน้าเพื่ออนาคตของประเทศ" นี่คือสิ่งที่สำคัญ วันนี้ประชาชนต้องการพรรคการเมืองที่มีจุดยืนอุดมการณ์ที่ชัดเจน ประชาชนเบื่อการเมืองเพื่อผลประโยชน์ เขาต้องการการเมืองที่บอกว่าแนวคิดนำพาบ้านเมืองคืออะไร ซึ่งหากได้เป็นหัวหน้าพรรคต่อจะทำเต็มที่ เพื่อให้พรรคได้รับเสียงสนับสนุนมากที่สุดจนได้เป็นรัฐบาล และนำแนวคิดไปพัฒนาบ้านเมือง และคิดว่าใครเป็นหัวหน้าพรรคต้องทำแบบนี้
เมื่อถามว่าจะมีการเปิดตัวทีมงานสนับสนุนหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ครั้งนี้เป็นเพียงการหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรค ซึ่งจะต้องมีการประชุมเลือกกรรมการบริหาร หากได้เป็นหัวหน้าพรรคต่อจะให้ทุกคนทำงานตามความสามารถของตัวเอง จึงไม่จำเป็นต้องแบ่งกลุ่ม อย่างไรก็ตาม ในช่วงหาเสียงหัวหน้าพรรคตั้งใจจะเดินทางไปพบสมาชิกให้มากที่สุด ส่วนจะได้เป็นหัวหน้าพรรคต่อหรือไม่นั้นอยู่ที่สมาชิกพรรค แต่ส่วนตัวมั่นใจว่าสมาชิกสนับสนุนเป็นจำนวนมาก แต่เมื่อแข่งขันกันต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน
ด้าน นพ.วรงค์กล่าวว่า หลังจากนี้จะลงพื้นที่พบปะสมาชิกพรรคทั่วประเทศทุกภาคจากเหนือจรดใต้ และสุดท้ายมาจบที่กรุงเทพมหานคร เพราะตนเป็นมวยรองจึงต้องขยันให้มาก เพื่อจะได้ทำความเข้าใจกับสมาชิกพรรคว่าแม้จะมีคนดี คนเก่ง แต่ยังขาดคนกล้า ซึ่งตนได้กล้าเสนอตัวที่จะเปลี่ยนแปลงพรรค โดยการลงแข่งขันครั้งนี้มั่นใจว่าจะได้รับชัยชนะ เพราะมีลางสังหรณ์ประกอบกับพระครูวัดพระธาตุหนองบัว จังหวัดอุบลราชธานี ที่ได้ไปกราบสักการะระหว่างการลงพื้นที่เมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา บอกว่าจะได้รับชัยชนะ และได้มอบเบี้ยแก้ที่เป็นเครื่องรางของขลังจนกว่าจะแข่งขันเสร็จในวันที่ 5 พ.ย. ซึ่งตรงกับวันจันทร์และตนเกิดวันจันทร์พอดี อีกทั้งพระครูรูปดังกล่าวยังตรวจดวงชะตาพร้อมทำนายว่าตนมีโอกาสได้เป็นหัวหน้าพรรคด้วย
ขณะที่นายอลงกรณ์กล่าวว่า 5 ปีหลังจากนี้จะต้องเป็นช่วงฟื้นฟูพรรค สร้างทางเลือกใหม่ มีการปฏิรูปอย่างจริงจัง โดยจะรวบรวมพรรคประชาธิปัตย์ให้เป็นครอบครัวเดียวกัน การหาเสียงครั้งนี้ไม่ได้หวังแค่ชัยชนะอย่างเดียว แต่การเป็นหัวหน้าพรรคคือจุดเริ่มต้นชัยชนะของประเทศและประชาชนคนไทยทุกคน
เมื่อถามว่า หากได้เป็นหัวหน้าพรรคจะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีต่ออีกหรือไม่ นายอลงกรณ์ยืนยันว่า นายกรัฐมนตรีจะต้องมาตามครรลองของประชาธิปัตย์ ไม่เห็นด้วยที่นายกฯ จะมาจากคนนอกบัญชีที่พรรคการเมืองเสนอ ไม่ว่าจะเป็นใครหรือ พล.อ.ประยุทธ์ต้องอยู่ในบัญชี 3 รายชื่อที่จะมาเป็นนายกฯ ของพรรคการเมือง เพื่อให้เกิดความสง่างามและชอบธรรม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการจับสลากหมายเลขผู้สมัครแล้ว ทั้ง 3 คนได้หารือร่วมกันเพื่อเลือกคณะกรรมการเลือกตั้งพรรค (กกต.) ที่จะดูแลการหยั่งเสียงจำนวน 5 คน โดยตัวแทนของนายอลงกรณ์คือ นายเมฆินทร์ เอี่ยมสะอาด ส่วน นพ.วรงค์ส่งนายชัยวุฒิ ผ่องแผ้ว ขณะที่นายอภิสิทธิ์ส่งนายธนา ชีรวินิจ สำหรับ กกต.พรรคอีก 2 คน คือ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค และนายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ โดยจะมีการนำรายชื่อทั้ง 5 คนเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคในวันที่ 9 ต.ค. เวลา 09.30 น.เพื่อแต่งตั้งอย่างเป็นทางการต่อไป
สำหรับรายชื่ออดีต ส.ส.ที่ลงนามรับรองผู้สมัครรับการหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์นั้น พบว่าในส่วนนายอภิสิทธิ์มีมากที่สุดถึง 80 คน โดยมีผู้ใหญ่ของพรรคหลายคนลงชื่อรับรอง อาทิ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์, นายบัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์, นายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล อดีต ส.ส.กระบี่ อีกทั้งมีอดีต ส.ส.ที่เป็นอดีตแกนนำ กปปส.ได้ลงนามรับรองนายอภิสิทธิ์ด้วย อาทิ นายชุมพล จุลใส อดีต ส.ส.ชุมพร, นายอิสสระ สมชัย อดีต ส.ส.อุบลราชธานี
ส่วนผู้ลงนามรับรองให้ นพ.วรงค์มีจำนวน 29 คน ส่วนใหญ่เป็นอดีต ส.ส.สงขลา และอดีต ส.ส.ในภาคเหนือ รวมถึงนายไพฑูรย์ แก้วทอง อดีตรองหัวหน้าพรรคภาคเหนือ ขณะที่นายอลงกรณ์มีผู้ลงนามรับรองให้จำนวน 20 คน ซึ่งมีชื่ออดีต ส.ส.ที่มีข่าวว่าจะย้ายไปอยู่กับพรรคการเมืองอื่น ทั้งนายยุคล ชนะวัฒน์ปัญญา อดีต ส.ส.จันทบุรี, นายบุญเลิศ ไพรินทร์ และ พล.ต.ท.พิทักษ์ จารุสมบัติ อดีต ส.ส.ฉะเชิงเทรา.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |