ใกล้เข้ามาทุกทีสำหรับการเลือกตั้งใหญ่ ที่ตามโรดแมปคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) วางไว้ น่าจะเกิดขึ้นในวันที่ 24 ก.พ.2562

แต่สิ่งที่ยังเป็นข้อถกเถียงกันอยู่คือ การหาเสียงผ่านโซเชียลมีเดียว่า "พรรคการเมือง" จะสามารถทำได้มากแค่ไหน เพราะเป็นโจทย์ใหญ่ที่ดูเหมือน กกต.จะเน้นย้ำคุมเข้มมากที่สุด นอกเหนือจากการหาเสียงทั่วๆ ไป เนื่องจากหลายฝ่ายมองว่าเป็นช่องทางที่ยากต่อการควบคุม

ในปัจจุบันผู้คนต่างให้ความสำคัญเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีในการเช็กหาข้อมูล แสดงความคิดเรื่องราวต่างๆ ผ่านเว็บไซต์ ทั้งเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ อินสตาแกรม ไลน์ ฯลฯ เมื่อเพิ่มช่องทางในการหาเสียงผ่านสื่อออนไลน์ ทำให้หวั่นเกรงจะมีการใช้เสรีภาพแสดงออกโดยที่ไม่ไต่ตรอง โพสต์เหน็บแนม สร้างความร้าวฉาน กุข่าวโจมตีฝ่ายตรงข้าม

การโพสต์ข้อมูลผ่านโซเชียลมีเดียทำได้รวดเร็วมาก เพียงไม่ถึง 2 วินาที ทุกอย่างก็ออกสู่โลกภายนอก เข้าถึงทุกกลุ่ม ทุกครัวเรือน ไม่ว่าจะอยู่แห่งหนตำบลไหน รับรู้รับทราบกันหมด

ดังนั้น โลกโซเชียลจึงเป็นดาบ 2 คม ที่มีปลายแหลมพอๆ กัน!!!!

"กกต." ในฐานะกรรมการใหญ่ในการควบคุมการเลือกตั้ง จึงต้องหามาตรการป้องกัน เพราะจากข้อมูลนักการเมืองที่เข้ามาเกี่ยวข้องในการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น พบยอดไลค์ของนักการเมืองไทยในเฟซบุ๊กมากที่สุด

อันดับ 1.สุเทพ เทืกสุบรรณ ยอดไลค์ 2,747,760 2.อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยอดไลค์ 2,281,572 คน 3.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ยอดไลค์ 844,427 คน 4.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ยอดไลค์ 629,232 คน 5.ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ยอดไลค์ 122,151 6.สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ยอดไลค์ 86,873 7.อุตตม สาวนายน ยอดไลค์ 43,821 ส่วนด้านของพรรคการเมือง อันดับ 1.พรรคประชาธิปัตย์ ยอดไลค์ 680,583 2.พรรคภูมิใจไทย ยอดไลค์ 153,303 3.พรรคเพื่อไทย ยอดไลค์126,009 4.พรรคอนาคตใหม่ ยอดไลค์ 68,090 5.รวมพลังประชาชาติไทย ยอดไลค์ 11,110 6.พรรคสามัญชน ยอดไลค์ 8,697 7.พรรคประชาชาติ ยอดไลค์ 4,758 8.พรรคกลาง ยอดไลค์ 1,527 9.พรรคชาติไทยพัฒนา ยอดไลค์ 999 10.พรรคพลังประชารัฐ ยอดไลค์ 217

ดูจากสถิติก็ทำให้รู้ว่าประชาชนได้ตื่นตัวกับการเสพข่าวการเมืองมากแค่ไหน!!!

โดยเบื้องต้น กกต.อยู่ในขั้นตอนของการร่างกฎหมายที่สำนักงาน กกต.กำลังดำเนินการอยู่ จะเป็นกฎหมายที่เป็นลักษณะควบคุมแบบไม่จำกัดเสรีภาพ จะไม่มีมาตรการห้ามการหาเสียง เพียงแต่จะทำโดยใช้ช่องทางใดหรือวิธีใด ขอให้มาแจ้งให้ กกต.รับทราบ ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารระหว่างพรรคการเมืองและสมาชิกโดยใช้สื่ออิเล็กทรอนิก แต่จะต้องไม่เป็นการใส่ร้ายผู้อื่น ซึ่งถ้าทำก็ต้องให้มีการลบข้อมูลดังกล่าว โดยถ้าไม่ลบทาง กกต.ก็จะมีเทคนิคในการลบข้อมูลนั้นๆ

ที่สำคัญผู้ที่กระทำจะต้องรับผิดตามกฎหมายแพ่งและอาญา!!!

ขณะนี้พรรคการเมืองทำได้เพียงแค่โพสต์ข้อมูลผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย โดยมีองค์ประกอบคือ ต้องเป็นกิจการที่เกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ หรือการสื่อสาร เกี่ยวข้องกับบุคคลในพรรค หรือสมาชิกพรรค และต้องไม่มีลักษณะเป็นการหาเสียง ตามคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 13/2561

ถ้าเกิดถึงช่วงเวลาหาเสียง พรรคไหนต้องการหาเสียงผ่านโซเชียลมีเดียจะต้องแจ้งรายละเอียดให้กับ กกต.ก่อน!!!

อย่างไรก็ดี ในการเลือกตั้ง ส.ส. ถ้าถึงในช่วงเวลาหาเสียงแล้วจะคุมได้มากน้อยเพียงใด ทั้งเพจอย่างเป็นทางการของพรรคการเมือง เพจอย่างเป็นทางการของสมาชิกพรรค หรือบัญชีผู้ใช้ของสมาชิกพรรค เพราะว่าง่ายต่อการติดตามตัวผู้กระทำความผิด แต่กลับมีพรรคที่เด่นๆ บางพรรค กลับมีการแอบหาเสียงทางอ้อม เพื่อให้พรรคตัวเองได้เปรียบในการสู้เพื่อชิงฐานเสียงโซเชียลมีเดีย

ในขณะที่พรรคอื่นยังไม่ได้มีการเริ่มหาเสียงผ่านโซเชียลมีเดีย อีกฝั่งคือเพจที่ไม่เกี่ยวกับพรรคการเมือง โดยอาจใช้นามแฝงและรูปอื่นที่ไม่ใช่รูปเจ้าของไอดีเพื่อกุข่าวต่างๆ ที่โจมตีพรรคฝ่ายตรงกันข้ามหรือรัฐบาล จะเป็นเรื่องที่ยากต่อการติดตามตัว หรืออย่างเช่นในขณะนี้เว็บไซต์ยูทูบได้มีบางช่องที่พยายามโจมตีโดยใช้ข่าวเท็จ โดยไม่สามารถจับตัวได้ว่าใครเป็นเจ้าของ รวมกับสั่งให้ลบข้อความได้ยาก

ง่ายๆ เรายังเห็นการโพสต์ข้อความเชิงเหน็บแนมกันระหว่าง 2 พรรค หรือระหว่างรัฐบาลที่ถูกโจมตีโดยนักการเมือง เรื่องแค่นี้ถือเป็นการเริ่มต้น แต่พอมีการเลือกตั้งจะมีการโจมตีกันขนาดไหน

หลังจากนี้เมื่อระเบียบ กกต.เรื่องการหาเสียงผ่านโซเชียลมีเดียเสร็จสิ้น ประชาชนต่างหวังว่าคงจะเห็นไม้เด็ด ไม้ตาย จาก กกต.ในการบล็อกข้อมูลที่คอยทำลายบรรยากาศการเลือกตั้งนี้ได้หมดสิ้นหรือไม่.

ชัชดนัย ตันศิริ

รายงาน