อันธพาลครองเมือง คว้าอาวุธสงครามไล่ยิงกันสนั่นย่านประตูน้ำเขย่า สตช. หลังนักท่องเที่ยวชาวอินเดียถูกลูกหลงเสียชีวิต บาดเจ็บอีก 4 บิ๊กโจ๊กสั่งตำรวจท่องเที่ยว ตม.ร่วมล่า 3 มือปืน สั่งปิดชายแดนสกัดหนีออกนอก "บิ๊กหยม" นำ พฐ.ควานหาหลักฐาน พบทั้งหัวกระสุน ปลอกกระสุนขนาด 7.62 มม.ที่ใช้กับอาก้า หรือเอเค 47 เจอหยดเลือดกลางซอยคาดเป็นของคนร้าย ส่งตรวจดีเอ็นเอหาตัวบุคคล เตรียมขอศาลอนุมัติหมายจับ
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รักษาราชการแทนผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กล่าวเมื่อวันจันทร์ กรณีวัยรุ่นวิวาทกันแล้วใช้อาวุธปืนสงครามกราดยิงคู่อริ กระสุนถูกนักท่องเที่ยวชาวอินเดียเสียชีวิต 1 ศพ และบาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่ง บริเวณลานจอดรถห้างสรรพสินค้าเซ็นทารา วอเตอร์เกท พาวิลเลียน ว่าได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนของตำรวจท่องเที่ยว และตำรวจตรวจคนเข้าเมือง สืบสวนหาตัวคนร้ายซึ่งพอทราบแล้วว่าผู้ที่ก่อเหตุมี 3 ราย และช่วงเช้าเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจคนที่บ้าน แต่ไม่พบตัว ขณะเดียวกันเตรียมขอศาลออกหมายจับแล้ว ส่วนมูลเหตุในการก่อเหตุพบว่า วัยรุ่นทั้ง 2 กลุ่มมีเรื่องทะเลาะกันมาก่อน เมื่อเจอกันจึงลงมือก่อเหตุ
"เมื่อหมายจับออกแล้วจะปิดกั้นด่านชายแดนทั้งหมด ควบคู่กับการสืบสวนจับกุม ส่วนการเยียวยานักท่องเที่ยวที่ได้รับบาดเจ็บ ได้สั่งเจ้าหน้าที่เรื่องการออกวีซ่าอำนวยความสะดวกการอนุญาตให้พักอยู่ในประเทศต่อในการรักษาตัว"
เหตุร้ายดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อค่ำวันอาทิตย์ ตำรวจ สน.พญาไทได้รับแจ้งนักท่องเที่ยวต่างชาติถูกยิงได้รับบาดเจ็บบริเวณลานจอดรถห้างเซ็นทาราฯ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี ไปตรวจสอบ พบผู้บาดเจ็บจำนวน 5 คน เป็นชาวอินเดีย 2 คน ชาวไทย 2 คน และชาวลาว 1 คน จึงนำส่ง รพ. ต่อมานักท่องเที่ยวชาวอินเดียเสียชีวิตที่ รพ.ตำรวจ 1 คน ในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบปลอกกระสุนหลายชนิดตกอยู่จำนวนหนึ่ง ขณะที่พยานระบุว่า ก่อนเกิดเหตุได้นำนักท่องเที่ยวชาวอินเดียไปช็อปปิ้งที่ห้าง โดยมีนักท่องเที่ยวส่วนหนึ่งนั่งอยู่ใกล้ลานจอดรถเพื่อรอขึ้นรถทัวร์กลับ
ระหว่างนั้นได้มีกลุ่มวัยรุ่นประมาณ 20 คน วิ่งไล่กันออกจากโต๊ะสนุกเกอร์ที่อยู่ติดกับลานจอดรถ โดยมีทั้งปืน มีดและไม้ วิ่งเข้าไปในซอยข้างห้าง เจอวัยรุ่น 3 คน สะพายปืนอาก้าออกมา กราดยิงใส่กลุ่มคู่อริ จนแตกฮือหนีต่ายกันอลหม่าน รวมทั้งนักท่องเที่ยวบริเวณนั้น
สำหรับผู้ที่ถูกยิง ได้แก่ นายเคียววงสา โทนเคียว อายุ 24 ปี ชาวลาว, นายทักษิณ สุขเอียด, นายพรเทพ พุ่มพวง, นายชาร์มา แดตฮามแมนดาร์ อายุ 45 ปี ชาวอินเดีย อาการสาหัส ถูกกระสุนเข้าบริเวณท้อง ส่วนผู้เสียชีวิตคือ นายกักเฮอร์จา ดีราช อายุ 42 ปี ชาวอินเดีย
ที่ สน.พญาไท วันที่ 8 ตุลาคมนี้ พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนเพื่อคลี่คลายคดี โดยมี พล.ต.ต.คัชชา ธาตุศาสตร์ รรท.รอง ผบช.น., พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบก.สส.บช.น., พล.ต.ต.เสนิต สำราญสำรวจกิจ ผบก.น.1 ใช้เวลาราว 1 ชั่วโมง
พล.ต.ท.สุทธิพงษ์เปิดเผยว่า กลุ่มก่อเหตุทราบแล้วเป็นกลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่ที่มีความขัดแย้งกัน อยู่ระหว่างการพิสูจน์ทราบตัวบุคคลที่ลงมือก่อเหตุ และคาดว่าจะสามารถออกหมายจับได้ในเร็ววันนี้ ส่วนเรื่องอาวุธปืนและปลอกกระสุนปืน จำเป็นต้องรอกองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบให้แน่ชัดว่าเป็นปืนชนิดใด และให้ชุดสืบสวนตรวจสอบว่าปัญหาที่เกิดขึ้นมีความเชื่อมโยงกับผู้มีอิทธิพลอยู่เบื้องหลังหรือไม่ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานกับทางสถานทูตอินเดียประจำประเทศไทยแล้ว ส่วนการออกหมายจับอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน
ขณะที่ พล.ต.ต.คัชชา ธาตุศาสตร์ รรท.รอง ผบช.น. เปิดเผยว่า ภายหลังจากลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ เบื้องต้นทราบว่าเป็นการทะเลาะวิวาทกันระหว่างคน 2 กลุ่ม โดยกลุ่มแรกเป็นกลุ่มเจ้าถิ่นที่อาศัยอยู่ละแวกจุดเกิดเหตุ อีกกลุ่มมาจากที่อื่น มาเล่นสนุกเกอร์ภายในซอยดังกล่าว และเคยมีเรื่องกันมาก่อนหลายครั้ง เมื่อพบกันและต่างฝ่ายต่างมีอาวุธ จึงยิงปืนใส่กัน ทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต
ต่อมาเวลา 11.00 น. พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น รรท.ผบช.น. นำเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานลงพื้นที่ตรวจสอบใน 4 จุด เริ่มจากที่เต็นท์ร้านขายน้ำชา พบคราบเลือดของชายชาวอินเดียที่เสียชีวิต จากนั้นไปตรวจที่โต๊ะสนุกเกอร์จุดเกิดเหตุแรกที่มีเรื่องเขม่นกันของทั้งสองกลุ่ม แล้วไปตรวจสอบตู้อะลูมิเนียมหน้าร้านอาหารที่มีร่องรอยกระสุนปืน พบหัวกระสุนปืนขนาด 9 มม. จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน และจุดสุดท้ายคือเส้นทางการก่อเหตุและหลบหนี เป็นตรอกที่ทะลุออกซอยร่วมใจ พบปลอกและเศษหัวกระสุนขนาด 7.62 มม. และ 9 มม. ตกอยู่จำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ยังพบรอยเลือดซึ่งคาดว่าจะเป็นของกลุ่มผู้ก่อเหตุที่ได้รับบาดเจ็บ จึงส่งตรวจดีเอ็นเอเพื่อระบุตัวบุคคล
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติกล่าวว่า เหตุวิวาทครั้งนี้ เจ้าหน้าที่พบว่ามีการใช้อาวุธสงครามรวมอยู่ด้วย คดีนี้ถือเป็นเหตุสะเทือนขวัญ จำเป็นต้องดำเนินการอย่างรวดเร็วที่สุด ซึ่ง บช.น.ได้เร่งสืบสวนติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่ามีจำนวนผู้ก่อเหตุกี่คน และมีความขัดแย้งในประเด็นใดบ้าง คาดว่าจะสรุปได้ในเร็วๆ นี้
มีรายงานจากเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานระบุว่า ขณะนี้พบปลอกกระสุนปืนตกอยู่ในที่เกิดเหตุอย่างน้อย 3 ชนิด ประกอบด้วย ปลอกกระสุนขนาด 7.62 มม. ที่คาดว่าใช้กับปืนอาก้า หรือเอเค 47 รวมถึงปลอกกระสุนขนาด .38 สเปเชียล และปลอกกระสุนขนาด 9 มม. จึงสันนิษฐานว่าการก่อเหตุครั้งนี้มีมือปืนไม่ต่ำกว่า 3 คน หลังจากนี้จะนำปลอกกระสุนปืนไปตรวจสอบทางห้องปฏิบัติการ และรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับมือปืนที่ลงมือก่อเหตุต่อไป
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงการใช้อาวุธสงครามกราดยิงนักท่องเที่ยวจนทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บว่า เรื่องนี้ต้องตรวจสอบ โดยเฉพาะอาวุธที่ผิดกฎหมาย ซึ่งยอมรับว่าจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยว แต่ยืนยันว่าที่ผ่านมาเราสามารถกวาดล้างอาวุธสงครามได้เป็นจำนวนมากแล้ว โดยเฉพาะอาวุธปืนมีกว่าพันกระบอก
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. กล่าวว่า คดียิงกันที่ทำให้มีนักท่องเที่ยวชาวอินเดียเสียชีวิต และบาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่ง คดีนี้เป็นคดีอุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญ พนักงานสอบสวนและฝ่ายสืบสวนกำลังเร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อนำตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี โดยขณะนี้ได้รับรายงานว่าทางฝ่ายสืบสวนตำรวจนครบาล และฝ่ายสืบสวน บก.น.1 บูรณาการในการสืบสวนหาตัวคนร้ายที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว โดยตนได้รายงานให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. รับทราบแล้ว ท่านได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ได้ตรวจตรา อาวุธปืน และสิ่งผิดกฎหมาย ประกอบกับจัดทำข้อมูลท้องถิ่น เพื่อเป็นการป้องกันเหตุร้ายที่จะเกิดขึ้น พร้อมทั้งคาดโทษท้องที่หากเกิดเหตุในลักษณะดังกล่าวอีก เพราะจะทำให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน และภาพลักษณ์ของประเทศ
พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.ด้านความมั่นคงและกิจการพิเศษ กล่าวว่า คดีนี้ตนเองซึ่งรับผิดชอบงานด้านความมั่นคงต้องเข้าไปดู เพราะมีชาวต่างชาติเสียชีวิต ส่วนการใช้อาวุธสงครามกลางเมืองต้องสืบสวนสอบสวนก่อน อย่างไรก็ตาม ข้อมูลการสืบสวนพูดมากไม่ได้ เพราะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |