วงเสวนารวมพลคนเป็นแพะ 3 คดีร่วมกันแฉตำรวจยัดข้อหา ซ้อม ทรมานให้รับสารภาพ เดินหน้าฟ้องกลับเรียกค่าเสียหาย พ่อเด็ก ม.6 โอดครอบครัวหมดเนื้อหมดตัว ลูกชายถูกซ้อมจนเป็นโรคซึมเศร้า อัยการสะท้อนใจแฉมีคดีแพะอื้อ แนะปฏิรูปให้อัยการเห็นสำนวนตั้งแต่แรก หลายหน่วยงานฟ้องเองได้ อึ้ง!อดีตผู้พิพากษาศาลฎีการับเป็นแพะเหมือนกัน ถูกหลอกมาเยอะ กว่าสำนวนขึ้นสู่ศาลแทบไม่เหลืออะไรแล้ว
ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ถนนสามเสน วันที่ 7 ตุลาคม มีการเสวนาเรื่อง “ตำรวจยัดข้อหา ประชาชนจะต่อสู้และปฏิรูประบบสอบสวนอย่างไร?" จัดโดยเครือข่ายประชาชนปฏิรูปตำรวจ (คป.ตร.) Police Watch ซึ่งมีเหยื่อและญาติผู้ต้องหาที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจยัดข้อหามาร่วม 3 กรณี โดยมี พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร ผู้เขียนหนังสือ "วิกฤติตำรวจและงานสอบสวน จุดดับกระบวนการยุติธรรม" เป็นผู้ดำเนินรายการ
โดย น.ส.จินดา ศรีสมัย ผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้กระทำผิดครอบครองยาเสพติด กล่าวว่า เหตุเกิดเมื่อ 19 ก.ย.54 ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจยัดยา ใช้วิธีการซ้อม บังคับให้ยอมรับว่าครอบครองยาเสพติดที่สถานบันเทิง ซึ่งตำรวจเข้าใจว่าตนเองชื่อ "เก๋" ตามที่สายลับบอกมา ต่อมาตำรวจตามไปจับที่ปั๊มน้ำมัน อ.สำโรง จ. สมุทรปราการ ขณะกำลังไปขึ้นรถ แล้วตบไปมา ถามว่า “มึงมีของมั้ย” มีการค้นที่ห้องพักและเอาของที่มีราคาไป หยิบเงินไปกว่าหมื่นบาท ระหว่างที่ไป บก.น.1 ก็ยังมีการซ้อม บอกว่าถ้าอยากกลับบ้านก็ขอมีเพศสัมพันธ์กับตำรวจ 4 นาย ขอเงิน 200,000 บาท ถ้าไม่สามารถเอาเงินมาได้ก็จะเพิ่มยาเสพติดให้
"ดิฉันมีการให้รายละเอียดต่อศาลว่าถูกซ้อม แต่ศาลไม่รับฟัง แต่ฟังตำรวจมากกว่าผู้ต้องหา เป็นเรื่องที่ไม่มีการนำพยานบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์เป็นหลักฐาน และศาลไม่ให้ประกันตัว ศาลชั้นต้นลงโทษ 9 ปี 4 เดือน ติดไปแล้วกว่า 3 ปี ต่อมาดิฉันเห็นคนเดิมไปทำเหตุการณ์เช่นนี้กับคนอื่นอีกจึงทนไม่ได้ จึงขอให้กระบวนการยุติธรรมปรับปรุง เพราะประชาชนเดือดร้อนมากแล้ว และได้ฟ้องกลับตำรวจที่จับกุมในข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยว ทำร้ายร่างกาย และตบทรัพย์" น.ส.จินดากล่าว
นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยงค์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า ตามมาตรา 131 ป.วิอาญาเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบต้องรวบรวมหลักฐานทุกชนิดเพื่อพิสูจน์ตัวผู้กระทำผิด และพิสูจน์ให้เห็นความผิดหรือความบริสุทธิ์ของผู้ต้องหาด้วย ดังนั้นต้องไม่มีอคติต่อผู้ต้องหา และหากไม่ได้รับความยุติธรรม ขอให้ผู้ต้องหายื่นเรื่องให้อัยการสูงสุดขอความเป็นธรรมได้ ซึ่งมีสิทธิที่จะดำเนินคดีกับเจ้าพนักงานสอบสวนภายในอายุความที่กำหนด อย่าเชื่อว่าจะมีการวิ่งเต้นไม่ให้อัยการสั่งไม่ฟ้องหรือโดนหลอก สำหรับปัญหาการสอบสวนของไทย เพราะอัยการไม่ได้ลงไปสอบสวนด้วยแต่แรก
นายน้ำแท้ มีบุญสล้าง อัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่า ฟังเรื่องของคุณจินดาแล้วสะท้อนใจ ตนได้ยินเรื่องเหล่านี้มาแทบทุกวันจนกลายเป็นเรื่องปกติ เรื่องแบบนี้ในต่างประเทศหากมีความผิดพลาดเมื่อเห็นปัญหาต้องรีบแก้ไข แต่ประเทศไทยจะรีบแก้ตัว และปกปิดความจริง กรณีแบบเดียวกับคุณจินดามีมากมาย ประเทศใดที่มีการคอร์รัปชันมาก ตัวชี้วัดคือกระบวนการยุติธรรม ซึ่งกระบวนการยุติธรรมไทยโคตรห่วยแตก เกิดการจับผิดและยัดข้อหารีดเงินกันมากมาย พนักงานสอบสวนไม่รวบรวมหลักฐานหรือสอบสวนเพิ่มเติมตามจริงเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ตามมาตรฐานสากล เมื่อตำรวจจับผู้ต้องหาไปแล้วจะรีบแจ้งอัยการทันที
"การปฏิรูปของไทยต้องยอมให้อัยการสามารถลงไปดูหรือรับรู้เมื่อมีการจับกุม และการที่ดำเนินคดีควรมีหลายหน่วยงานดำเนินคดีได้ เช่น ปกครอง อัยการ ส่งพยานหลักฐานฟ้องเองได้ ที่น่าสงสัย การยึดยาเสพติดของไทยมีปัญหามาก ทำให้ตำรวจเอายาไปยัดยาให้ใครก็ได้ จับ 1 หมื่นเม็ด เหลือ 1 พันเม็ด แล้ว 9 พันเม็ดไปไหน ซึ่งในต่างประเทศเขาจะให้อัยการเข้าไปตรวจสอบด้วยแต่แรก เพื่อไม่ให้ตำรวจนำยาที่ไม่รายงานไปยัดให้ใครได้ การทำงานของเราไม่มีมาตรฐานแม้แต่ขั้นตอนเดียว" นายน้ำแท้กล่าว
นายวิเชียร ตันศิริคงคล ประธานหลักสูตรรัฐศาสตรมหาบัณฑิต ม.บูรพา กล่าวว่า การที่สอบสวนไม่มีการบันทึกภาพและเสียงทำให้เกิดปัญหา หากมีอุปกรณ์เหล่านี้ จะเห็นว่าผู้ต้องหามีบาดแผลจากการซ้อม ทรมาน เมื่อมีการจับกุม พนักงานสอบสวนไม่สอบเพิ่มเติม หลายกรณีไม่มีการถ่วงดุล สตช.ควรนำกรณีผิดพลาดต่างๆ ไปปรับปรุงการทำงานที่ผิดพลาด เพราะเกิดขึ้นทั้งในนครบาลและต่างจังหวัด เชื่อว่ามีแบบนี้อีกเป็นแสนราย กระบวนการยุติธรรมต้องเลิกการทำงานของคนคนเดียวที่สามารถจับกุมเอง หาหลักฐาน สอบเองและทำคดีเอง แบบนี้คนไทยมีสิทธิติดคุกง่ายมาก และต้องเลิกการใช้สายลับ มาเป็นการใช้นิติวิทยาศาสตร์ให้มากขึ้น
ขณะที่นายวรนารภ ภูมิถาวร อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา กล่าวว่า ตำรวจต้องให้ผู้ต้องหาอ่านสำนวนคดีก่อนเซ็นชื่อด้วย ปัญหาสำคัญมาจากการสอบสวนตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ กรณีจับกุมนำตัวไปรีดไถเรื่องที่เกิดขึ้นตนก็เป็นแพะถูกหลอกมาเยอะ กว่าสำนวนมาสู่ศาลแทบไม่เหลืออะไรแล้ว คนที่ถูกจองจำเป็นผู้บริสุทธิ์เยอะ ตนถึงกรวดน้ำให้ผู้บริสุทธิ์ทุกวัน ขอฝากสื่อให้ลงข่าวในเรื่องประชาชนไม่ได้รับความยุติธรรม ให้ไปหาอัยการคุ้มครองสิทธิฯ และขอให้การปฏิรูปตำรวจนำคนที่เป็นแพะเข้าไปประชุมด้วย คณะกรรมการปฏิรูปควรจะเคยต้องคดีมาก่อนถึงจะปฏิรูปตำรวจสำเร็จ
นายธนากร เจริญรุ่งเรือง บิดานายราชศักดิ์ เจริญรุ่งเรือง ที่ถูกตำรวจชุดสืบสวนภูธรจังหวัดปราจีนบุรีจับกุมข้อหายาเสพติด ศาลฎีกายกฟ้อง และกำลังฟ้องเรียกค่าเสียหาย 30 ล้านบาท กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ตำรวจพยายามยัดข้อหายาเสพติด น.ส.ศิริวรรณ ที่มีนายราชศักดิ์พยายามเข้าไปช่วย และถูกเอาถุงข้าวสารครอบหัวเพื่อเอาทรัพย์ไป (แหวน) โดยทำการซ้อมเพื่อให้ยอมรับ โดยนำผู้ต้องหา น.ส.ศิริวรรณและนายราชศักดิ์กลับไปที่บ้านเพื่อค้นหายาที่อ้างว่าพบยา 716 เม็ดโดยบอกว่ามียาเสพติดในกระเป๋ากางเกงของผู้ต้องหาทั้งสอง คนละ 10 เม็ด และ 6 เม็ด และให้ชี้จุดที่ซ่อนยาข้างบ้าน
"แต่การบันทึกการจับกุมขณะที่จำเลยถูกมัดไขว้หลังมีพิรุธ ทั้งเวลา หลักฐานที่ไม่สอดคล้องกัน ในฐานะพ่อ จึงต้องต่อสู้เพื่อลูก ดำเนินคดีจากหลักฐานของตำรวจเองก็เป็นดาบคืนสนอง ซึ่งคุณศิริวรรณบอกในภายหลังว่าตำรวจหลอกให้ไปกดเงินเอทีเอ็มให้ 50,000 บาท แต่เวลาที่ตำรวจบันทึกเป็นเวลาที่ต่างจากเวลาที่กดเงินจริง ในคำเบิกความคุณศิริวรรณมีความชัดเจน ตอนนี้ศาลยกฟ้องแล้ว และกำลังฟ้องกลับเรียกค่าเสียหาย 30 ล้าน" นายธนากรกล่าว
นายสมศักดิ์ ชื่นจิตร บิดานายฤทธิรงค์ ชื่นจิตร นักเรียนชั้น ม.6 ที่ถูกตำรวจ จ.ปราจีนบุรี จับยัดข้อหาวิ่งราวทรัพย์ กล่าวว่า ลูกชายถูกจับแล้วซ้อม ใช้ถุงขยะครอบหัวเพื่อให้ยอมรับว่าครอบครองสร้อยทองที่อ้างว่าไปชิงจากหญิงคนหนึ่ง และทำการตรวจสอบฉี่ อ้างว่าพบสารเสพติด แต่มีญาติมาช่วยได้ทัน และพาไปตรวจฉี่ที่โรงพยาบาล ผลฉี่คือไม่พบสารเสพติด ต่อมาตำรวจได้ขอเงิน 50,000 บาท ทราบว่าเป็นตำรวจปราจีนฯ ชุดเดียวกันกับคดีของนายราชศักดิ์ โดยศาลชั้นต้นลงโทษเจ้าหน้าที่ตำรวจเพียงนายเดียวยศ พ.ต.ท. ลงโทษเพียง 1 ปี 4 เดือน แต่ต่อมารอลงอาญา เพราะตำรวจมีประวัติที่ไม่เคยกระทำผิดในวิชาชีพ ตนจะสู้ต่อขออุทธรณ์ต่อไป
"ผมได้ไปร้องเรียนมาแล้วทุกกระทรวงถึง 50 หน่วยงานรัฐในรอบ 7 ปี ไม่สามารถช่วยได้ ก็แค่ปาหี่ ทุกที่บอกเหมือนกันว่ากำลังดำเนินการ พยายามให้คิดว่าเป็นเรื่องของเวรกรรมที่ไม่มีใครอยากฟัง รอว่าถ้ามีกระทรวงเวรกรรมผมก็จะไปร้องอีก ขณะนี้ครอบครัวชื่นจิตรหมดเนื้อหมดตัวและเสียสุขภาพจิตกับตำรวจอย่างมาก ไปร้องที่อำเภอบ้านสร้างก็หาว่าผมติดยาเสพติด ลูกชายสะสมความเครียดมาก ใส่ชุดนักเรียนไปร้องเรียนกลายเป็นโรคหวาดระแวง ซึมเศร้าจากการถูกซ้อมทรมาน ที่เรียกว่า PDSD จึงขอใบรับรองจากสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ ไปร้องต่อศาล ซึ่งศาลก็วินิจฉัยตามนั้น วันตัดสินของศาลชั้นต้น ศาลได้พยายามไกล่เกลี่ยและให้อภัยด้วยการรับเงินไปเสีย แต่โจทก์ไม่ยินดีที่จะรับเงิน และจะเรียกร้องค่าเสียหายต่อไป" นายสมศักดิ์กล่าว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |