นักการเมืองกับการเลือกตั้ง


เพิ่มเพื่อน    

    การเลือกตั้งที่คาดว่าจะมีขึ้นในปีหน้าเปรียบเสมือนบทโหมโรงของลิเกที่คนดูเคยชิน นักการเมืองหน้าใหม่ก็ดิ้นรนอยากจะเป็น ส.ส. ส.ส.เก่าก็หาทางต่อรองอยากได้ตำแหน่งในพรรค หรือยอมถูกดูดเพื่อแลกกับเก้าอี้ในคณะรัฐมนตรี บางคนถึงกับให้ลิ่วล้อเรียกตัวเองว่า “ว่าที่รัฐมนตรี” อย่างไม่กระดากปากหรือเกรงใจประชาชนตาดำๆ ที่ได้ยินแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียนกับนักการเมืองหรืออดีต ส.ส.น้ำเน่าเหล่านี้ ลิ่วล้อเองก็เชียร์นายเพื่อแลกกับตำแหน่ง “ที่ปรึกษา” ในนามบัตร ทั้งๆ ที่บางคนไม่ได้มีความรู้อะไรเลย เหมือนคนรับใช้คอยปรนนิบัติและอำนวยความสะดวกให้นายและลูกเมีย โดยไม่คำนึงถึงศักดิ์ศรีของตำแหน่งที่ได้มาแม้แต่น้อย เคยสำรวจกันบ้างหรือไม่ว่าพฤติกรรมของนักการเมืองที่ชาวบ้านต้องการให้ปรับปรุงมีอะไรบ้าง เริ่มตั้งแต่การอวดอ้างสรรพคุณว่ามาสมัครครั้งนี้ทำเพื่อชาติและประชาชน อยากจะบอกว่าคนที่ประชาชนอยากให้เข้ามาเป็นตัวแทนนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นคนใจซื่อมือสะอาดเกินกว่าที่จะเข้ามาเกลือกกลั้วในแวดวงนี้ หากยังมีภาพการเมืองแบบเดิมๆ คือ สืบทอดทางสายเลือด เล่นพรรคเล่นพวก ทุ่มเงินเพื่อซื้อเสียงและกอบโกยคืนเมื่อได้รับตำแหน่ง ก็เปรียบเสมือนกองขยะเน่าๆ ที่ไม่มีวันจะสะอาดหรือทำให้มีกลิ่นหอมขึ้นมาได้ แม้ว่าจะใส่ถุงหรูเพียงใดก็ไม่อาจจะปกปิดได้มิด
    ภาพการโจมตีกัน สาดโคลนใส่กัน เหมือนสุภาษิตโบราณที่ว่า “ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่” ใช้วิธีการเดิมๆ แฉกันไปมา เพราะเคยทำมาเหมือนกันหมด คนที่ดีจริงถึงไม่อยากเอาตัวเข้ามาเสี่ยงให้แปดเปื้อน และหากใครได้ใกล้ชิดหรือมีโอกาสพูดคุยกับนักการเมืองน้ำเน่าบางคนในจำนวนเหล่านี้ก็จะอดสงสัยไม่ได้ว่า เขาเหล่านี้ได้รับคัดเลือกเข้ามาได้อย่างไร แค่ได้พูดคุยด้วยก็จะเข้าใจสุภาษิตไทยที่ว่า “สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล” ได้ชัดเจนมาก พูดจาหาสาระที่เป็นความรู้ไม่ได้ แต่พูดอวดใหญ่อวดโต อวดมั่งอวดมีเก่ง คุยทับกันเอง เบ่งได้ทุกที่ ไปไหนต้องมีการต้อนรับเป็นพิเศษ บางคนติดนิสัยเบ่งทั้งครอบครัว ใหญ่เสมือนกันหมด ทั้งลูกและเมียที่ไม่ได้มีตำแหน่งอะไรก็ใหญ่ตามไปด้วย บางครอบครัวให้ลูกสืบทอดตำแหน่งเหมือนกับประเทศนี้จดทะเบียนเป็น “บริษัทจำกัด” แย่งกันเข้ามาบริหาร เลือกกระทรวงใหญ่ๆ ที่งบประมาณเยอะ มีลิ่วล้อคอยจัดการเจรจาผลประโยชน์ให้ แค่เซ็นอนุมัติก็กินตามน้ำสบายๆ โครงการละหลายล้านบาท ที่เขียนมาคือเรื่องจริงที่ไม่ได้นั่งเทียนเขียน ตรวจสอบจากข่าวเก่าๆ ได้ พอเปลี่ยนรัฐบาลทีหรือมีการแฉในสภาที ก็เหมือนกับตอนน้ำลดที่จะมีตอจะผุดกันขึ้นมาให้เห็น ถามว่าคนไทยอยากให้มีการเลือกตั้งหรือไม่ คำตอบก็คือเลือกมาแล้วได้หน้าเดิม กลุ่มเดิม พฤติกรรมเดิมๆ แล้วก็มาจบลงด้วยการปฏิวัติ รัฐประหาร จะเลือกกันให้เปลืองงบประมาณทำไม แค่ตัวละครที่เผยโฉมหน้าออกมาในแต่ละพรรคก็พอเดาเรื่องได้ว่าพล็อตเรื่องจะเป็นอย่างไร ใครจะได้เป็นตัวเอก ใครจะได้เป็นตัวประกอบ ใครจะโดนเขี่ยทิ้ง และใครจะถูกจับเป็นหุ่นเชิด ไม่ว่าจะออกมาในรูปแบบไหนผลก็ตกอยู่กับประชาชนตาดำๆ ที่ไม่ได้มีสิทธิพูดอย่างเต็มที่ แต่ต้องดูคนเหล่านี้เล่นปาหี่ผลาญงบประมาณที่ได้จากเงินภาษีของเราไปวันๆ อยากถามนักการเมืองน้ำเน่าว่า คุณรู้สึกอายบ้างหรือไม่กับพฤติกรรมที่น่ารังเกียจเหล่านี้ ถ้าได้ตำแหน่งมาแล้วมีคนรู้สึก “แหวะ” กับคุณสมบัติหรือพฤติกรรมของคุณ คุณจะไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยหรือ. 

        จิตติมา กุลประเสริฐรัตน์
        ([email protected])
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"