รัฐบาลประกาศ 7 มาตรการสร้างความปลอดภัยทางถนน จำกัดความเร็วรถวิ่งในเมืองเหลือ 50กม./ชม. เพิ่มบทลงโทษเมาขับ ตรวจแอลกอฮอล์ทุกราย รถจักรยานยนต์ทุกคันติดเอบีเอส กำหนดอายุขั้นต่ำคนขี่บิ๊กไบค์ ให้ทุกจังหวัดจัดทำเซฟตี้โซนสำหรับจักรยาน คนเดินถนน เผยอุบัติเหตุคร่าชีวิตคนไทยปีละกว่า 2 หมื่นราย มูลค่าความสูญเสีย 5 แสนล้านบาท
เมื่อวันที่ 6 ธันวาคมนี้ ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน มูลนิธินโยบายถนนปลอดภัย ร่วมกับศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน โดยการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน กรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม ภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม องค์กร มูลนิธิ ร่วมจัดการสัมมนาวิชาการระดับชาติ เรื่องความปลอดภัยทางถนน ครั้งที่ 13 ภายใต้แนวคิด “ลงทุนเพื่อความปลอดภัยทางถนนที่ยั่งยืน” Invest for Sustainable Road Safety ระหว่างวันที่ 6-7 ธันวาคมนี้ โดยมีผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงานจากหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และนักวิชาการที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยทางถนนเข้าร่วมกว่า 1,500 คน
นายสุธี มากบุญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้กล่าวเปิดงานว่า การป้องกันและลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุเป็นสิ่งที่รัฐบาลตระหนัก โดยถือเป็นหนึ่งในนโยบายที่รัฐบาลได้ประกาศไว้ในข้อ 5.4 ว่า “ป้องกันและแก้ไขปัญหาการเกิดอุบัติเหตุในการจราจรอันนำไปสู่การบาดเจ็บและเสียชีวิต โดยการร่วมมือระหว่างฝ่ายต่างๆ ในการตรวจจับ เพื่อลดอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุลงครึ่งหนึ่งภายในปี 2563 ทั้งนี้ รัฐบาลได้เน้นย้ำให้มีการป้องกันแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะมาตรการ 4 ห้าม 2 ต้อง ได้แก่ ห้ามขับเร็ว ห้ามดื่ม-เมาขับ ห้ามง่วงขับ ห้ามโทร.ขับ และต้องคาดเข็มขัด ต้องสวมหมวกนิรภัยเมื่อขี่จักรยานยนต์
รมช.มหาดไทยกล่าวว่า รัฐบาลจะเร่งพัฒนาและเพิ่มการลงทุนเพื่อความปลอดภัยทางถนนที่ยั่งยืน ในเรื่องที่เป็นหัวใจสำคัญ เพื่อไปสู่เป้าหมายแห่งการสร้างถนนปลอดภัย ดังนี้ 1.สนับสนุนกลไกศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนระดับจังหวัด อำเภอ ให้บูรณาการกับหน่วยงานหลักในการจัดการปัญหาในพื้นที่ 2.ปรับปรุงระเบียบงบประมาณของศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ให้ใช้งบประมาณมาจัดการปัญหาอุบัติเหตุในพื้นที่ได้อย่างเต็มที่ 3.ให้กระทรวงแรงงานเพิ่มบทบาทเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ในเรื่องความปลอดภัยทางถนนในทุกโรงงาน ตามแนวทาง เซฟตี้ ไทยแลนด์ เพราะผู้ประกันตน 40% เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน
4.เพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมาย เช่น การจัดการความเร็วในเขตเมือง ให้ลดเหลือ 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง การจัดการปัญหาเมาแล้วขับอย่างจริงจัง ทั้งเพิ่มบทลงโทษ และเพิ่มการตรวจจับ โดยการตรวจวัดแอลกอฮอล์ทุกราย 5.ส่งเสริมความปลอดภัยในกลุ่มเสี่ยงหลัก โดยเฉพาะผู้ใช้รถจักรยานยนต์ รถจักรยาน และคนเดินถนน โดยกำหนดมาตรฐานรถจักรยานยนต์ทุกคันต้องติดตั้งอุปกรณ์ ABS : AntiBrake System ป้องกันล้อล็อกและเสียหลักเวลาเบรก การกำหนดอายุขั้นต่ำและมีใบขับขี่เฉพาะสำหรับรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ (Big Bike) เพื่อลดความเสี่ยงจากเยาวชนและผู้ที่ขาดทักษะการขับขี่ พร้อมกำหนดให้ทุกจังหวัดจัดทำพื้นที่ความปลอดภัยเซฟตี้โซน สำหรับคนเดินถนน จักรยาน และผู้สัญจร 6.ให้เด็กเรียนรู้เรื่องความปลอดภัยทางถนนตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงระดับอุดมศึกษา 7.สนับสนุนให้มีกลไกสอบสวนสาเหตุ การติดตามประเมินผลที่มีประสิทธิภาพ โดยสถาบันหรือหน่วยวิชาการด้านความปลอดภัยทางถนน ดำเนินการกับศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนกระทรวงคมนาคม และหน่วยงานวิชาการต่างๆ การรวบรวมข้อมูลการเกิดเหตุและสาเหตุที่แท้จริงเพื่อskแนวทางป้องกันแก้ไข
ด้าน นพ.ธนะพงศ์ จินวงษ์ ผู้จัดการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน กล่าวว่า สถานการณ์อุบัติเหตุทางถนนถือว่าเป็นปัญหาสำคัญของโลก โดยแต่ละปีมีทั่วโลกผู้เสียชีวิตถึง 1.3 ล้านคน และบาดเจ็บกว่า 50 ล้านคน จนองค์การสหประชาชาติกำหนดให้ปี 2554-2563 เป็นทศวรรษแห่งการปฏิบัติการเพื่อความปลอดภัยทางถนน เพื่อให้ประเทศสมาชิกร่วมกันกำหนดมาตรการที่เหมาะสมในการลดอัตราผู้เสียชีวิตลงครึ่งหนึ่ง โดยบรรจุให้เป็นตัวชี้วัดเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศนั้นๆ ด้วย
"ประเทศไทยยังคงติดอันดับต้นๆ ที่มีอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ โดยตัวเลขเสียชีวิตจากข้อมูลใบมรณบัตรเฉลี่ย 14,000-15,000 คนต่อปี หรือเฉลี่ยวันละ 40-50 คน และเมื่อตรวจสอบข้อมูล 3 ฐาน (มรณบัตร ตำรวจ และประกันภัย) ก็พบยอดเสียชีวิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 33 หรือเฉลี่ย 20,000 รายต่อปี โดยมีมูลค่าความสูญเสียสูงถึง 5 แสนล้านบาท หรือ 6% ของจีดีพี" นพ.ธนะพงศ์กล่าว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |