สาวกเพื่อแม้วแห่บินไปพบ น.ช.ทักษิณที่ฮ่องกง รับใบสั่งยุทธศาสตร์เลือกตั้งแยกกันเดินร่วมกันสู้ "เพื่อไทย-เพื่อธรรม-เพื่อชาติ" อดีต นปช.เชื่อทักษิณเปิดหน้าสู้เต็มที่ หวั่นสถานการณ์หนักขึ้น “บิ๊กป้อม” ไม่สนโยน ปชช.คิดเองให้ กกต.ตรวจสอบผิด กม.หรือไม่ "บิ๊กตู่" ไม่หวั่นถูกขุดคุ้ยหลังเปิดเวทีทางการเมือง ฉุนสื่อถามหวนเป็นนายกฯ คนนอก ลั่นเลือกนายกฯ รอบแรกได้ก็จบ ขณะที่ "4 รมต." เข้ารับฟังระดมสมองคนรุ่นใหม่พปชร. 7 ต.ค.นี้ "อลงกรณ์" จี้ลาออกทันที ยึดหลักการปฏิรูปสร้างมาตรฐานใหม่ พร้อมตั้งกลุ่มเพื่อนอลงกรณ์ชิงหัวหน้า ปชป.
เมื่อวันศุกร์ มีความเคลื่อนไหวของนายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้เดินทางมาที่เกาะฮ่องกง และจะอยู่จนถึงวันที่ 8 ต.ค. ก่อนที่จะเดินทางต่อไปยังประเทศอื่น โดยวันเดียวกันนี้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาวนายทักษิณ ที่ได้เดินทางไปพบนายทักษิณ ลงรูปคู่กับนายทักษิณพร้อมข้อความว่า “มาแล้วๆๆๆ แต่ไปประชุมแล้ว ทำงานรัวๆ มาถึงก็อธิบายเรื่องเทคโนโลยีให้ฟังตั้งแต่ 8 โมงเช้า (7 โมงไทย) ลูกง่วงนะคะ?? รูปนี้ถ่ายเสร็จ พ่อบอก “ถ่ายโดยว่าที่ลูกเขย” อ่ะ เขินนิดๆ ไม่มากๆ ฝืดๆ”
นอกจากนี้ยังมีกลุ่มอดีต ส.ส.และแกนนำพรรคเพื่อไทย จากทั้ง กทม.และภาคอีสานเดินทางไปพบนายทักษิณด้วย ทั้งนี้ กลุ่ม อดีต ส.ส.ภาคอีสานได้นัดแนะเดินทางไปวันที่ 7 ต.ค. และจะพบนายทักษิณที่โรงแรมเพนนินซูลา โดยจะพูดคุยหารือถึงบุคคลที่จะมาทำหน้าที่นำพรรคเพื่อไทย การประชุมคัดเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่วันที่ 28 ต.ค. ที่ต่างอยากให้มีความชัดเจนในเรื่องดังกล่าวโดยเร็ว นอกจากนี้ยังจะมีการกำหนดยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย รวมทั้งพรรคในเครือข่ายที่ชัดเจนในตอนนี้อย่างพรรคเพื่อธรรมและพรรคเพื่อชาติ ตลอดจนพรรคเครือข่ายพรรคอื่นๆ ให้ชัดเจน เพื่อไม่ให้เป็นการตัดคะแนนเสียงกันเองในการเลือกตั้ง
นายสิระ พิมพ์กลาง ว่าที่หัวหน้าพรรคเพื่อนไทย อดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือแกนนำคนเสื้อแดง จ.สกลนคร กล่าวว่า ขณะนี้รอ กกต.ตรวจสอบความเรียบร้อย รับรองความเป็นพรรคอย่างสมบูรณ์ คาดว่าน่าจะเรียบร้อยไม่เกินสิ้นเดือน ต.ค. ส่วนข่าวการตั้งพรรคเพื่อชาติ ที่ถูกมองได้รับการสนับสนุนจากคนเสื้อแดงจากส่วนกลางนั้นหากเป็นจริง สงสัยเหมือนกันว่าทำไมออกมาทำพรรค ก่อนหน้านี้แกนนำหลายคนบอกว่าจะไม่ทำพรรคการเมือง แล้วถ้ามาทำ เป็นเพราะอะไร เป็นเพราะกลัวพรรคเพื่อนไทยอย่างนั้นหรือ ตอนนี้ก็มีคนมาบอกมีความพยายามจะดึงคนเสื้อแดงภาคอีสานออกไปให้ไปอยู่ด้วย แม้คนเสื้อแดงจะมีหลายกลุ่ม โดยกลุ่มพวกตนชัดเจน ไม่ได้ขึ้นตรงกับ นปช. เป็นพวกมีอุดมการณ์อีกแบบ เมื่อออกมาทำพรรค มีแนวทางของเราชัดเจน ในการสร้างความสามัคคีปรองดอง
ส่วนนายทักษิณที่มีข่าวเดินทางมายังฮ่องกง ท่ามกลางกระแสข่าวสมาชิกพรรคไปหาหลายคนนั้น นายสิระกล่าวว่า คงเป็นการเปิดหน้าสู้ทางการเลือกตั้งอย่างเต็มที่ ยังกังวล ถ้าท่านสู้จริงๆ จะทำให้สถานการณ์ประเทศหนักขึ้นหรือไม่
ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีนายทักษิณเดินทางมาที่เกาะฮ่องกง โดยมีกระแสข่าวว่ามาเตรียมความพร้อมบัญชาการการเลือกตั้งว่า ตนไม่ทราบ ซึ่งเรื่องนี้ก็ต้องแล้วแต่เขา และขอให้ประชาชนคิดเอาเอง ส่วนจะเข้าข่ายกรณีที่มีบุคคลภายนอกเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการบริหารจัดการพรรคการเมืองหรือไม่นั้น ก็ต้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นผู้ดูแลว่าจะผิดกฎหมายอะไรหรือไม่ ส่วนกรณีพรรคเพื่อไทยตั้งพรรคการเมืองสำรองเอาไว้นั้น ก็แล้วแต่เขา
เมื่อถามว่า ขณะนี้พรรคการเมืองหลายพรรคเริ่มเคลื่อนไหวและรับสมัครสมาชิกพรรค จะมีการดูแลความเรียบร้อยอย่างไร พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ในทุกพื้นที่มีกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) ทำหน้าที่ดูแลทุกพื้นที่อยู่แล้ว ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้มีการสั่งการและกำชับไปแล้วว่าให้ดูแลความเรียบร้อยให้กับประชาชนเพื่อมีความปลอดภัยและมีความสงบ
"บิ๊กตู่" ไม่หวั่นถูกคุ้ยประวัติ
ถามว่า การเลือกตั้งในครั้งนี้จะต่างจาก 4 ปีที่แล้ว เพราะมีพรรคการเมืองมากขึ้น และมีหลายองค์กรลงมาดูแล พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า การเลือกตั้งก็คือการเลือกตั้ง จะให้เปลี่ยนแปลงอย่างไร หากมีพรรคการเมืองเป็นจำนวนมาก ทุกพรรคก็ต้องทำตามกฎหมายในทุกเรื่องและทุกอย่าง
วันเดียวกัน ที่ท่าเรือเทวราชกุญชร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการตรวจการพัฒนาจุดเชื่อมต่อการเดินทาง “ล้อ ราง เรือ” ถึงกรณีที่นายกฯ เคยระบุว่าหลังจากการเปิดเวทีทางการเมืองและมีการเลือกตั้งจะมีการขุดคุ้ยประวัติของตนเอง ว่า ส่วนตัวก็พูดไปแบบนั้น ซึ่งตามขั้นตอนจะต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว โดยหลายคนจะขุดคุ้ยเรื่องนั้นเรื่องนี้ สื่อก็ทราบดีว่าใครเป็นคนพูด ยืนยันไม่กลัวการขุดคุ้ยอยู่แล้ว ส่วนการเลือกตั้ง ยังคงเป็นวันที่ 24 ก.พ.2562 ไม่เป็นอย่างอื่น และไม่เคยไปเลื่อนแต่อย่างใด
เมื่อถามถึงกรณีที่หลายพรรคการเมืองเปิดตัวรายชื่อบุคคลที่จะถูกเสนอชื่อท้าชิงเป็นนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนไม่ได้มองอะไร เพราะส่วนตัวไม่ได้ไปแข่งขันอะไรกับใคร และขณะนี้ยังไม่มีพรรคการเมืองใดมาทาบทาม แม้ตนจะสนใจการเมือง แต่ยังไม่ตัดสินใจว่าจะร่วมกับพรรคใด ได้แต่รับฟังที่หลายฝ่ายพูดไปก่อน ซึ่งหลายพรรคได้มีการแสดงนโยบายต่างๆ ของตนเองออกมา แต่ส่วนตัวก็จะต้องทบทวนว่าจริงและสามารถทำได้หรือไม่ เพราะตอนนี้ตนอยู่ในการบริหารราชการแผ่นดิน จึงทราบว่าสิ่งที่หลายพรรคพูดบางอย่างทำได้ ขณะที่บางอย่างและส่วนใหญ่ก็ทำไม่ได้
“ส่วนตัวยังไม่ตัดสินใจว่าจะไปร่วมกับพรรคใด และไม่มีหลักเกณฑ์ใดทั้งสิ้น ผมไม่จำเป็นต้องบอกใคร หากมีการเชิญ ก็จะเชิญมายังผมเอง หากเชิญมาหลายพรรคก็ต้องตัดสินใจเอง”
เมื่อถามว่า หากจะมาสู่การเมืองอีกครั้งจะเข้ามาช่องทางใด และมีโอกาสเป็นนายกฯ คนนอกหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวว่า "เขาเลิกพูดเรื่องนายกฯ คนนอกไปตั้งนานแล้ว พูดอยู่นั่นแหละ แล้วเขามีไว้เพื่ออะไรคุณไม่รู้เหรอ นายกฯ คนนอกเขาเขียนไว้เพื่ออะไรไม่รู้เหรอ ถ้าเลือกตั้งแล้วมีนายกฯ ไม่ได้ ต้องมีการหารือรอบสองเพื่อเลือกนายกฯ ขึ้นมาใหม่ แต่ถ้าเลือกนายกฯ รอบแรกได้ก็จบ คุณอย่ามาเขียนให้มันเสียหายอยู่นั่นแหละ พอได้แล้ว" ก่อนเดินออกจากวงสัมภาษณ์ไปทันที
ส่วนกรณีที่ 4 รัฐมนตรีลงมาเล่นการเมืองสังกัดพรรคพลังประชารัฐ แต่ยังไม่ลาออก จะเป็นการสร้างมาตรฐานให้กับรัฐบาลและ คสช.ที่ตั้งใจมาปฏิรูปหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เป็นเรื่องของ 4 รัฐมนตรีและเขาก็ทำตามกฎหมาย ซึ่งทุกอย่างก็ต้องดำเนินการไปตามกฎหมาย จะมาสร้างมาตรฐานอะไรกันตอนนี้ การที่ 4 รัฐมนตรียังไม่ลาออก เนื่องจากจะต้องทำงานให้เสร็จก่อน เพราะงานที่ค้างคายังมีอยู่อีกมาก
จี้ 4 รมต.ลาออกทันที
นายบรรเจิด สิงคะเนติ อดีตคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย กล่าวว่า เป็นเรื่องของแต่ละบุคคลที่จะมีวิจารณญาณอย่างไร ไม่ใช่เรื่องในทางกฎหมาย หากดูการเมืองในอดีตจะพบว่า ครม.ที่พ้นจากตำแหน่งแล้ว และหากมีการเลือกตั้งทั่วไป ก็ยังคงอยู่ในตำแหน่ง ดังนั้นกฎหมายจึงได้มีข้อจำกัดว่าทำอะไรไม่ได้บ้าง ส่วนการจะใช้สรรพกำลังของส่วนราชการก็เป็นข้อจำกัดอยู่แล้ว หากจะมอง 4 รัฐมนตรีไปโยงพรรคการเมือง ถือเป็นการมองภาพไม่ครบ ทั้งนี้ หลัง พ.ร.ฎ.เลือกตั้งออกมาแล้วรัฐบาลไม่จำเป็นต้องประกาศเป็นรัฐบาลรักษาการ
ด้านนายอลงกรณ์ พลบุตร อดีตรองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) กล่าวถึงเสียงเรียกร้องให้ 4 รัฐมนตรีลาออกว่า 4 รมต.ควรลาออกทันที ด้วยเหตุผล 3 ประการ คือ เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ทางการเมืองในยุคปฏิรูป โดยเฉพาะรัฐมนตรีในรัฐบาลปัจจุบัน ที่ประกาศเป็นรัฐบาลปฏิรูป ต้องเป็นแบบอย่างของการปฏิรูปการเมือง เพื่อไม่ให้เกิดความขัดกันแห่งผลประโยชน์ คือความได้เปรียบเสียเปรียบทางการเมือง และเพื่อไม่ให้เสียประโยชน์ของประเทศ แม้คณะรัฐมนตรีชุดนี้จะไม่ใช่รัฐบาลรักษาการก็ตาม
"ในยุคปฏิรูปยิ่งต้องถือปฏิบัติตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ยิ่งกว่ารัฐบาลรักษาการ เพราะรัฐมนตรีทั้ง 4 คนนี้เหมือนทำงานมือเดียว เนื่องจากมีข้อห้ามเกี่ยวข้องกับการบริหารประเทศหลายข้อหลายประการ ทำให้ประเทศได้ประโยชน์จากการทำงานของ 4 รัฐมนตรีไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย รัฐมนตรีทั้ง 4 ท่านได้ทุ่มเทให้กับการปฏิรูปประเทศในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา เมื่อตัดสินใจจะลงมาทำงานการเมืองในระบอบประชาธิปไตย ก็เป็นการตัดสินใจที่ดี เพื่อให้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของประชาชนในการเลือกตั้งที่จะมาถึง ก็ขอให้ยึดหลักการปฏิรูปที่เราเคยร่วมคิดร่วมทำกันมาอย่างแท้จริง นี่คือคำแนะนำจากกัลยาณมิตรคนหนึ่ง” นายอลงกรณ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ว่า ในวันที่ 7 ต.ค. เวลา 13.00 น. ที่โรงแรมอินเตอร์คอนท์ ราชประสงค์ พรรค พปชร.จัดให้มีการระดมสมอง โดยมีการเวิร์กช็อปกลุ่มคนรุ่นใหม่ประมาณ 60 คน ที่อายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไป เพื่อรับฟังความคิดเห็นว่าคนรุ่นใหม่คิดอย่างไรกับนโยบายประเทศในด้านต่างๆ เพื่อนำความคิดเห็นเหล่านั้นมาประกอบเป็นนโยบายของพรรค โดยนายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม ว่าที่หัวหน้า พปชร., นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ ว่าที่เลขาธิการ พปชร., นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ ว่าที่รองหัวหน้า พปชร. และนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี ว่าที่โฆษก พปชร. จะเข้าร่วมรับฟังด้วย
มีรายงานว่า การระดมสมองคนรุ่นใหม่ครั้งนี้ ต้องการเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ซึ่งไม่เคยเกี่ยวข้องกับการเมืองเข้ามาทำงานการเมือง โดยมาจากหลากหลายอาชีพ และไม่ได้มีเครือญาติหรือเกี่ยวข้องกับนักการเมือง แต่เป็นผู้สนใจการเมือง ซึ่งแกนนำของพรรคเป็นผู้ทาบทามเข้ามา คนรุ่นใหม่ที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมก็จะมีโอกาสเข้าร่วมเป็นสมาชิก พปชร.และเป็น ส.ส.ในสังกัดพรรค โดยพรรคจะคัดเลือกตามความเหมาะสม
ที่โรงแรมซิตี้พาร์ค ตรงข้ามศูนย์การค้าเดอะมอลล์ อ.เมืองฯ จ.นครราชสีมา นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล หัวหน้าพรรคชาติพัฒนา (ชพน.) เป็นประธานการประชุมใหญ่สามัญพรรค ประจำปี 2561 โดยมีกรรมการบริหารพรรคชุดเดิม รวมทั้งสมาชิกจาก 4 ภาค ที่มาจากสาขาพรรคทั่วประเทศร่วมประชุมกว่า 300 คน โดยที่ประชุมมีมติแก้ไขปรับปรุงเปลี่ยนแปลงข้อบังคับพรรค และการเปลี่ยนโลโก้พรรค เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และทันสมัยไม่ตกเทรนด์
ผุดกลุ่มเพื่อนอลงกรณ์
ผู้สื่อข่าวถามถึงสมาชิกที่หายหน้าหายตาไป นพ.วรรณรัตน์กล่าวว่า สมาชิกพรรคเรายังอยู่กันครบ ยังไม่มีผู้ใดมาแจ้งขอลาออก มีสมาชิกพรรคเก่ายังตั้งใจมาสมัครอีกครั้งหนึ่งอีกหลายคน ส่วนจะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ต่อหรือไม่นั้น การที่จะพิจารณาเสนอผู้ใดเป็นนายกฯ นั้น กฎหมายกำหนดไว้ชัดเจนว่าจะต้องได้รับฟังความคิดเห็นจากสมาชิกพรรคอย่างกว้างขวาง ฉะนั้นตนคนเดียวไม่สามารถจะตอบแทนสมาชิกพรรคได้ จะต้องขอความคิดเห็นของสมาชิกพรรคด้วยว่าจะตัดสินใจอย่างไร ทั้งนี้ เราไม่ไปยุบรวมกับใคร
ที่ จ.เชียงใหม่ เวลา 09.30 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย เดินทางมาที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา (มทร.) จ.เชียงใหม่ เพื่อบรรยายเรื่องการปฏิรูปประเทศ ณ ห้องประชุม 3 อาคารเรียนรวม ซึ่งจัดขึ้นโดยนักศึกษาหลักสูตรวิศวกรรมอุตสาหการ คณะวิศวกรรม ชั้นปีที่ 2, 3, 4 โดยนายสุเทพเปิดเผยว่า มาบรรยายให้กับอาจารย์และนักศึกษาถึงแนวทางการปฏิรูปประเทศในด้านต่างๆ จะไม่มีการพูดในเรื่องของการเมือง แต่พูดคุยในเรื่องของการปฏิรูปประเทศเป็นหลัก แลกเปลี่ยนแนวความคิดเห็นกัน
ขณะที่นายอุเทน ชาติภิญโญ หัวหน้าพรรคคนไทย เปิดเผยว่า ตนและคณะกรรมการบริหารพรรคคนไทยได้ประชุมและมีมติเห็นตรงกัน สมควรเลิกพรรคคนไทย จากนั้นได้ทำหนังสือแจ้งไปยังนายทะเบียน กกต. เพื่อขอเลิกพรรคคนไทย เหตุที่เลิกเนื่องจากกฎหมายลูกที่เกี่ยวกับพรรคการเมือง ไม่เอื้ออำนวยต่อการทำงานทางการเมือง จึงไม่อยากไปมีส่วนร่วม เอาอนาคตตัวเองไปเสี่ยงคุกเสี่ยงตะราง ส่วนอนาคตทางการเมืองของตนนั้น ถ้าไม่ไปร่วมงานกับพรรคการเมืองใหม่พรรคอื่น ก็อาจกลับมาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะไปร่วมงานกับพรรคการเมืองใด
ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายราเมศ รัตนะเชวง รองโฆษกพรรค แถลงถึงการหยั่งเสียงเลือกตั้งหัวหน้าพรรคว่า ขณะนี้นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรค รักษาการแทนหัวหน้าพรรค ได้ลงนามประกาศการหยั่งเสียงและการเสนอชื่อคณะกรรมการลงคะแนนหยั่งเสียงเบื้องต้นเพื่อเลือกตั้งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พ.ศ.2561 โดยให้มีการรับสมัครผู้สมัครรับเลือกตั้งเพื่อลงคะแนนหยั่งเสียงเบื้องต้นเพื่อเลือกหัวหน้าพรรค ในวันที่ 8 ต.ค. ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น. ที่สำนักงานเลขาธิการพรรค อาคาร ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ชั้น 3 ผู้สมัครรับเลือกตั้ง พร้อมทั้งให้ผู้สมัครแต่ละฝ่ายเสนอผู้รับตำแหน่ง กกต.ของพรรคได้ฝ่ายละ 1 คน เสนอชื่อต่อคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อแต่งตั้ง ให้จัดการหยั่งเสียงทางอิเล็กทรอนิกส์ ระหว่างวันที่ 1-5 พ.ย.
ด้านนายอลงกรณ์ พลบุตร อดีตรองหัวหน้าพรรคปชป. สมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรค ปชป.แล้ว เพื่อเตรียมสมัครเข้าชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคในสัปดาห์หน้า โดยนายอลงกรณ์กล่าวว่า ในขณะนี้มีผู้รับรองคุณสมบัติค่อนข้างพร้อม ยืนยันจะสมัครหยั่งเสียงเป็นหัวหน้าพรรค ในวันที่ 8 ต.ค. และจะมีการแถลงจุดยืน นโยบาย พร้อม "กลุ่มเพื่อนอลงกรณ์" บางส่วนเปิดตัวในวันที่ 10 ต.ค. จากนั้นจะเริ่มเดินสายในพื้นที่ภาคอีสาน จ.ขอนแก่น สกลนคร กาฬสินธุ์ พร้อมทั้งจะประกาศนโยบายรวมถึงยุทธศาสตร์ที่จะพัฒนาพรรค ปชป. รวมถึงตั้งกลุ่มไลน์อลงกรณ์ และมีสำนักงานที่จะดำเนินงานทั่วประเทศประเทศ ยืนยันว่าการแข่งขันครั้งนี้เป็นการแข่งขันเชิงสร้างสรรค์ พร้อมจะปฏิบัติตามกติกา รวมทั้งเรียกร้องให้กองเชียร์ทุกฝ่ายให้ทำกิจกรรมอย่างสร้างสรรค์.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |