"บิ๊กป้อม" ให้นโยบายความมั่นคงกับผู้บัญชาการเหล่าทัพชุดใหม่ เทิดทูนและปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ที่อาจเป็นเงื่อนไขของความขัดแย้งและความไม่สงบสุขของสังคม กาหัวข่าวเท็จในสื่อสังคมออนไลน์
ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และ รมว.กลาโหม กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมและมอบนโยบายการปฏิบัติงานของศูนย์แก้ไขปัญหาความมั่นคงแบบบูรณาการ (ศมบ.) ว่าเป็นการประชุมเพื่อสรุปผลการทำงานในรอบปีที่ผ่านมาว่าได้ดำเนินการอะไรไปแล้วบ้าง เพื่อสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับประชาชน ซึ่งมีส่วนใดที่จะต้องแก้ไขบ้าง
ทั้งนี้ เราต้องสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนด้วย ส่วนผู้บัญชาการเหล่าทัพคนใหม่ก็โตมาในกองทัพอยู่แล้ว และที่ผ่านมาก็ทำงานร่วมกับอดีตผู้บัญชาการเหล่าทัพ เขาต่างก็รู้เรื่องดี ทำให้ไม่จำเป็นต้องสั่งการอะไรมากมาย เพราะเขาทำงานตามหน้าที่ของเขา อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงปรับปรุงงานในสายการบังคับบัญชาของเขา แต่ในส่วนกรอบการทำงานภาพรวมและนโยบายทั้งหมดไม่ได้เปลี่ยนแปลง เพราะตัวรัฐมนตรีไม่ได้เปลี่ยนแปลง
เมื่อถามว่า งานด้านความมั่นคงเมื่อเข้าสู่โหมดการเลือกตั้ง จะเน้นย้ำเรื่องใดเป็นพิเศษหรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า ไม่ได้เน้นย้ำอะไรเป็นพิเศษ เพียงแต่อะไรที่ทำให้ไม่เกิดความมั่นคง เช่น การบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อใส่ร้ายซึ่งกันและกัน ก็ไม่ควรทำ
ด้าน พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า ในที่ประชุม พล.อ.ประวิตรได้กล่าวขอบคุณ ชื่นชม และเป็นกำลังใจให้กับข้าราชการทุกกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ได้ร่วมกันทำหน้าที่บริหารจัดการและประสานงานกัน ในการดูแลแก้ปัญหาความมั่นคงร่วมกันตลอด 4 ปีที่ผ่านมา จนเป็นที่เชื่อมั่นในเสถียรภาพความมั่นคงและความสงบสุขของสังคมต่อเนื่องกันมา ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญยิ่งให้มิติงานด้านเศรษฐกิจ สังคม และด้านอื่นๆ สามารถขับเคลื่อนเดินหน้าไปได้ด้วยดี เป็นที่เชื่อมั่นและยอมรับจากต่างประเทศ
ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตรเน้นย้ำถึงนโยบายว่า ขอให้ร่วมกันให้ความสำคัญในการทำหน้าที่เทิดทูนและปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ร่วมกับประชาชนด้วยความจงรักภักดี พร้อมทั้งให้ตื่นตัว เฝ้าระวัง และติดตามสถานการณ์ที่อาจเป็นเงื่อนไขของความขัดแย้งและความไม่สงบสุขของสังคม และการดูแลความปลอดภัยของประชาชนและนักท่องเที่ยวต่อเนื่องกันไป เพื่อร่วมกันรักษาบรรยากาศความสุขสงบร่วมกันของสังคม ให้เป็นที่เชื่อมั่นและยอมรับต่อเนื่องไปถึงหลังการเลือกตั้งทั่วไป ด้วยการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างจริงจัง เพื่อรักษากติกาทางสังคม โดยยึดประโยชน์ประชาชนส่วนใหญ่เป็นสำคัญ
"โดยเฉพาะการติดตามการบิดเบือนและเสนอข่าวอันเป็นเท็จในสื่อสังคมออนไลน์ ที่มีให้เห็นถึงการใช้วาทกรรมหยาบคาย ปลุกเร้ายั่วยุให้เกิดอารมณ์ทางสังคมมากขึ้น ซึ่งจำเป็นต้องเร่งให้ข้อเท็จจริงกับสังคมให้ทั่วถึงโดยเร็ว"
สำหรับนโยบายสำคัญของรัฐบาลในการสร้างโอกาสและความเท่าเทียมกันในสังคม โดยเฉพาะการดูแลประชาชนผู้มีรายได้น้อย ทั้งปัญหาหนี้นอกระบบ การเอารัดเอาเปรียบจากผู้มีอิทธิพล ปัญหายาเสพติดในชุมชน การจัดระเบียบทางสังคม รวมทั้งปัญหาปากท้องและความเดือดร้อนของชาวบ้าน ขอให้ร่วมกันประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขับเคลื่อนแก้ปัญหาให้เกิดผลรูปธรรมต่อเนื่องกันไปสู่ความยั่งยืน โดยยึดหลัก “ความเท่าเทียม ทั่วถึง เป็นธรรม และไม่เลือกปฏิบัติ” ทั้งนี้ ขอให้ขยายผลสร้างการรับรู้และการมีส่วนร่วมของประชาชนควบคู่กันไป
พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก เดินหน้าขับเคลื่อนงานกองทัพบกทันที โดยล่าสุดได้แบ่งมอบความรับผิดชอบให้กับผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพบก ในการกำกับดูแลและปฏิบัติงานให้เป็นไปตามแนวนโยบาย โดยมีรายละเอียด ดังนี้
พล.อ.วิจักขฐ์ สิริบรรสพ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก ท่านที่ 1 รับผิดชอบสายงานส่งกำลังบำรุง สายงานกิจการพลเรือนและงานพิเศษที่กองทัพบกมอบหมาย, พล.อ.กู้เกียรติ ศรีนาคา ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก ท่านที่ 2 รับผิดชอบสายงานกำลังพลและงานพิเศษที่กองทัพบกมอบหมาย
พล.อ.ธีรวัฒน์ บุณยะวัฒน์ เสนาธิการทหารบก รับผิดชอบสายงานการข่าวและกิจการต่างประเทศ สายงานยุทธการ การฝึกและศึกษาทางทหาร และสายงานปลัดบัญชี
โดย พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รองผู้บัญชาการทหารบก จะกำกับดูแลในภาพรวม เพื่อให้ทุกภารกิจเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และเป็นไปตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารบก
ทั้งนี้ ผู้บัญชาการทหารบกมีกำหนดมอบนโยบายและแนวทางในการปฏิบัติงานของกองทัพบกต่อผู้บังคับหน่วยทั่วประเทศ ในช่วงกลางเดือนตุลาคมนี้ ณ กองบัญชาการกองทัพบก
ที่ศาลหลักเมือง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุวโรจน์ ชวนันท์ธนะโภคิน อาชีพนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และ นายสมประสงค์ เปาอินทร์ พร้อมผู้ติดตามอีก 3 คน ได้นัดหมายรวมตัวกันเพื่อไปยื่นถวายฎีการ้องทุกข์ฯ ต่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 เพื่อทรงใช้พระราชอำนาจให้รัฐบาล คสช.พ้นไปจากอำนาจ และให้ทรงพิจารณาพระราชทานรัฐบาลเฉพาะกาลเพื่อจัดให้มีการเลือกตั้ง โดยได้นำพระบรมฉายาลักษณ์ฯ และธงชาติประกอบการทำกิจกรรมด้วย
ในเบื้องต้น ผกก.สน.ชนะสงครามให้เก็บอุปกรณ์ดังกล่าว โดยระหว่างทำกิจกรรม พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้เดินทางมาสักการะศาลหลักเมืองพอดี จึงได้กันไม่ให้กลุ่มของ นายสุวโรจน์อยู่ในศาลหลักเมือง จนกระทั่ง พล.ต.อ.อดุลย์เดินทางกลับ มวลชนทั้งหมดจึงเข้ามาในศาลหลักเมืองต่อ
ทั้งนี้ มีการแจ้งกับผู้สื่อข่าวว่าได้มีการยื่นถวายฎีกาไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 18 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว ในวันนี้มาสักการะศาลหลักเมืองเพื่อเป็นสิริมงคล และรอดูความพร้อมก่อนที่จะถวายฎีกาฉบับสมบูรณ์ โดยมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมประมาณ 20 คน จนกระทั่งเวลา 10.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนเข้าเชิญตัว นายสุวโรจน์และนายสมประสงค์ออกจากศาลหลักเมืองไปที่ สน.ชนะสงคราม โดยนายสมประสงค์อ้างไม่เข้าข่ายผิดการชุมนุม และขัดขืนไม่ให้เจ้าหน้าที่ควบคุมตัว
ต่อมาเจ้าหน้าที่ทหารได้นำตัวแกนนำทั้ง 5 คน ประกอบด้วย นายสุวโรจน์, นายสมประสงค์, น.ส.อรชุมา ชวนันท์ธนะโภคิน ภรรยาของนายสุวโรจน์, นายนิทัศน์ ประเสริฐเนติกุล, นายศึกษา ศรียาภัย ผู้ติดตามนายสมประสงค์ ไปปรับทัศนคติภายในมณฑลทหารบกที่ 11 ต่อไป โดยเวลาประมาณ 17.00 น. ได้ปล่อยตัวแกนนำทั้ง 5 คนกลับบ้าน หลังจากได้ชี้แจงทำความเข้าใจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |