หลังจากกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ได้เข้มงวดเรื่องการกำหนดอายุการใช้งานรถตู้โดยสารประจำทางไม่เกิน 10 ปี ที่ได้ครบกำหนดตั้งแต่ในวันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา นับแต่วันที่จดทะเบียนครั้งแรก และจะหยุดวิ่งให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2561 เป็นต้นไป เพื่อมาตรฐานความปลอดภัยของผู้โดยสารที่ใช้บริการ
ในเวลาต่อมาก็อาจจะสร้างความไม่พอใจให้ผู้ใช้บริการบ้างเนื่องจากเกรงว่าจะไม่มีรถตู้ใช้บริการ เรื่องนี้กรมการขนส่งทางบกในฐานะผู้รับผิดชอบโดยตรงมีความพร้อมเสริมรถโดยสารจากทุกเส้นทางรองรับหากรถตู้หยุดวิ่งให้บริการ พร้อมกับจัดตั้งศูนย์ติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบกับประชาชน เรื่องนี้จึงไม่มีอะไรน่ากังวล
เพื่อสร้างความเข้าใจตรงกัน กรมขนส่งทางบกได้มีการเชิญตัวแทนรถตู้ทั้ง 20 เส้นทาง รับทราบและทำความเข้าใจถึงมาตรการกำหนดอายุรถตู้ 10 ปี ซึ่งเริ่มบังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2553 ที่ผ่านมา เนื่องจากได้พิจารณาด้านสภาพรถที่เก่าเครื่องอุปกรณ์ชำรุดจะมีค่าบำรุงรักษาที่สูงกว่ารถใหม่ ทำให้เกิดความไม่คุ้มทุนและรถที่มีอายุเกิน 10 ปี บริษัทประกันภัยจะไม่รับจัดทำประกันภัยให้ ซึ่งจะสร้างปัญหาให้กับเจ้าของรถเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ตลอดจนรถอายุการใช้งานมากจะก่อให้เกิดปัญหาด้านมลพิษทางอากาศ โดยผู้แทนกลุ่มรถตู้ได้รับทราบและยินดีให้ความร่วมมือกับทางราชการ
สำหรับการกำหนดอายุรถตู้โดยสารห้ามเกิน 10 ปีดังกล่าวเป็นไปตามมติคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง ครั้งที่ 8/2551 เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2551 ซึ่งมีผลใช้บังคับตามกฎหมายให้ผู้ประกอบการต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยและรักษามาตรฐานคุณภาพการให้บริการ
"จะว่าไปแล้วผู้โดยสารคงไม่มีใครอยากเอาชีวิตไปเสี่ยง หากรถตู้โดยสารที่ใช้บริการมีสภาพรถที่เก่า เครื่องอุปกรณ์ใช้งานอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน มีโอกาสทำให้เกิดอุบัติเหตุได้บ่อยครั้ง และที่สำคัญรถที่มีอายุเกิน 10 ปี บริษัทประกันภัยจะไม่รับจัดทำประกันภัยให้ซึ่งจะสร้างปัญหาให้กับเจ้าของรถเมื่อเกิดอุบัติเหตุ และผู้โดยสารไม่ได้รับความคุ้มครอง หากผู้ใช้บริการยังดื้อดึงใช้บริการบอกเลยว่าไม่คุ้มจริงๆ"
เมื่อถามว่าสำหรับรถตู้ที่หยุดให้บริการไปนั้น ประชาชนจะทำอย่างไร เรื่องนี้ไม่ต้องเป็นห่วง กรมขนส่งทางบกได้ติดตามและแก้ไขปัญหาการเดินรถตู้โดยสารประจำทาง พร้อมประเมินสถานการณ์การเดินรถอย่างต่อเนื่องให้เพียงพอ ไม่ให้ส่งผลกระทบแก่ประชาชนผู้ใช้บริการคณะทำงานได้มีการตั้งศูนย์ติดตามสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง
เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนเบื้องต้น กรมการขนส่งทางบกได้ให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จัดรถตู้โดยสารที่ให้บริการในเส้นทางอื่นที่มีปริมาณรถมาก แบ่งมาเสริมในเส้นทางที่มีรถตู้ไม่เพียงพอตามสัดส่วน พร้อมทั้งจัดรถโดยสารปรับอากาศจำนวน 65 คัน เพื่อสำรองให้บริการรับ-ส่งผู้โดยสารในทันทีที่รถตู้มีไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน โดย ขสมก.จะส่งรถโดยสารมาสำรองในพื้นที่ทั้ง 4 จุด เริ่มตั้งแต่เวลา 05.30 น.ของวันที่ 1 ตุลาคม 2561 เป็นต้นไป
จะเห็นได้ว่าสิ่งที่กรมการขนส่งทางบกได้ทำ แม้จะเข้มงวดถือว่าเป็นสิ่งที่ควรได้รับคำชมเชย หากผู้ประกอบการไม่มีความใส่ใจในการให้บริการ หรือกฎระเบียบ สิ่งที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดฝันจะทำให้เกิดความสูญเสียอย่างคาดไม่ถึง ดังนั้นอะไรที่เป็นส่วนรวมก็ควรจะช่วยกันได้ก็ช่วย
แม้อีกมุมหนึ่งผู้ประกอบการจะออกมาบอกว่าหากจะเปลี่ยนรถใหม่นั้น ไม่สามารถทำได้ เรื่องนี้ขนส่งทางบกก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้หามาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ โดยการทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับ บขส., ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ภายใต้โครงการ “เปลี่ยนรถโดยสารประจำทางขนาดเล็กแทนรถตู้โดยสาร” และได้จัดตั้งศูนย์บริการเบ็ดเสร็จรถตู้โดยสารประจำทาง ณ บริเวณอาคาร 3 ชั้น 1 อำนวยความสะดวกให้คำปรึกษาแนะนำกรณีรถตู้โดยสารประจำทางที่ครบกำหนดอายุ 10 ปี.
กัลยา ยืนยง
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |