วานนี้ (๔ ตุลาคม) ดราม่ากันทั้งวัน 
    มีชาวต่างชาติเช่าคอนโดแถวพระราม ๓ หนวกหูพระตีระฆังเสียงดัง 
    นอนไม่หลับ!
    ไปบอกเจ้าของห้อง ช่วยไปบอกเขตบางคอแหลมที 
    เจ้าของห้องกลัวเสียรายได้...เอาว่ะ...เล่นวัดเลย 
    เขตบางคอแหลมก็ดันทำหนังสือถึงเจ้าอาวาสวัดไทร ว่ามีคนร้องเรียนเรื่องเสียงระฆังมันดังไป
    ป่วย หรือ จัญไร ไม่ทราบได้ เขตทำหนังสือถึงเจ้าอาวาส.... 
    "ขอความร่วมมือวัดไทร ลดเสียงให้เหมาะสม ป้องกันการสร้างความเดือดร้อนแก่ผู้พักอาศัย"
    นี่ไม่ใช่ประเด็นทางศาสนา 
    ฝรั่งต่างชาติผู้เช่า รวมทั้งเจ้าของห้อง จะเป็นคริสต์ พุทธ มุสลิม นั่นไม่ใช่ปัญหา 
    แต่เป็นเรื่องของคนป่วยทางจิต 
    หนังสือราชการสมัยนี้ออกกันมั่วซั่ว ไม่มีการดูรายละเอียดของเรื่องราวกันเลยหรืออย่างไร  
    รักษาการแทน ผอ.เขต ไม่ใช่เด็กเพิ่งเกิดมาวันสองวัน 
    อายุก็เยอะแล้ว!
    ถ้านับถือพุทธ ก็น่าจะเข้าวัดเข้าวาอยู่บ้าง 
    แต่ที่น่าสงสัยคือ ไม่เคยรู้เรื่องการตีระฆังของพระได้อย่างไร     
    ไปอยู่ไหนมา?
    มันทำให้คิดไปถึงสังคม ๘ บรรทัด 
    คอนโดเพิ่งจะสร้างเสร็จเมื่อไม่กี่ปีนี่เอง  
    วัดไทร พระราม ๓ อยู่มาเป็นร้อยปีแล้ว  
    ไอ้คนร้องเรียนจะมีปัญหาด้านทัศนคติกับสังคมไทย หรือปรับตัวไม่ได้ ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แค่ย้ายไปอยู่คอนโดที่ห่างวัด มันก็จบ
    นึกไม่ถึงว่า เขตบางคอแหลมจะสิ้นคิดได้เพียงนี้  
    ถามว่าการทำงานผิดพลาดได้หรือไม่ มนุษย์มันพลาดกันได้ทั้งนั้น 
    แต่เรื่องนี้เป็นประเด็นทางจิตสำนึก 
    ถ้าจิตสำนึกบกพร่อง รักษาการแทน ผอ.เขต คนนี้น่าจะมีปัญหา
    ความเข้าใจเรื่องวัฒนธรรมกำลังกลายเป็นปัญหาใหญ่ของสังคมไทย 
    ช่วงหลังๆ มานี้ มีคนอ้างว่า เป็นคนรุ่นใหม่ มองวัฒนธรรม ประเพณีที่ปฏิบัติต่อๆ กันมาเป็นเรื่องล้าหลัง
    เช่น พิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนเป็นนิสิตจุฬาฯ ณ บริเวณสนามพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระปิยมหาราชและสมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า
    จับเรื่องหมอบคลานไปสรุปว่าเป็นเรื่องชนชั้น การกดขี่ 
    เชื่อเถอะ! กรณีพระตีระฆัง มีพวกที่อ้างตัวเป็นคนรุ่นใหม่ที่เดินตามก้นวัฒนธรรมฝรั่งจำนวนไม่น้อย มองเป็นเรื่องละเมิดสิทธิมนุษยชน.